วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน โซเชียลมันเถื่อน

(ต้นฉบับปี 2558)



โรงพยาบาล Online Hospital แผนกจิตเวช


โพสศักดิ์ : สวัสดีครับคุณหมอ เชิญนั่งก่อนครับ ดูเครียดๆ นะครับเนี่ย ดูไม่มีความสุข มีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เปิดมาก็แย่งกูพูดเลย ใจเย็นครับ 

โพสศักดิ์ : ขอโทษครับหมอ สงสัยเครื่องรวน 

นพ. ไนท์ณรงค์ : โอเค แต่หมอก็รู้แล้วว่าคุณกำลังเครียดนะ ไม่มีความสุข ดูประวัติคุณโพสศักดิ์ อายุ 23 ปี เป็นพนักงานออฟฟิต ชอบเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นชีวิตจิตใจ ขนาดจามยังเป็นเสียงกด Like

โพสศักดิ์ : แต่ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยชอบละครับหมอ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : โอเคครับ ไม่ชอบก็ไม่ต้องเล่น เดี๋ยวหมอสั่งพาราให้ไปเคี้ยวเล่นแก้เครียด 2 แผงนะ กลับบ้านได้แล้วครับ 

โพสศักดิ์ : เฮ้ย เดี๋ยว เดี๋ยวดิ ไอ้หมอ ไอ้เหี้ยหมอ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เอ้า ไม่ชอบก็ไม่ต้องเล่น แล้วคุณจะเล่นหาแหวนฮอปบิทอะไรล่ะครับ นี่แหละทางรักษาที่ดีที่สุด 

โพสศักดิ์ : เออ มันก็จริงเนาะ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : แต่คิดอีกที มันจะตัดจบเร็วไป หน้ากระดาษยังเหลืออีกเยอะ งั้นคุณโพสศักดิ์เล่าปัญหาของคุณมาดีกว่าครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น 



โพสศักดิ์ : โซเชียลมันเถื่อนอ่ะหมอ ผมโพสอะไรไปนะ มีแต่คนเข้ามาเถียงผมอ่ะ มาแต่ละคน หยาบๆ เถื่อนๆ ทั้งนั้น 

นพ. ไนท์ณรงค์ : สมัยนี้มันขัดแย้งกันง่ายน่ะครับ ใครพูดอะไรไม่ถูกใจ ถ้ามีโอกาสจะเถียงได้ เค้าต้องทำอยู่แล้ว คุณต้องปล่อยวางบ้าง 

โพสศักดิ์ : พอผมไม่โพส ไปนั่งอ่านคอมเม้นท์แทน ก็เจอแต่คนทะเลาะกัน 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เห็นมั้ยครับ คุณไม่โดน คนอื่นก็โดน 

โพสศักดิ์ : พอวันไหนไม่เจอคนทะเลาะกัน ผมก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนไม่ชิน ผมก็เลยหาโพสอ่านไปเรื่อยๆ จนเจอคนทะเลาะกัน 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เอ้า !! แล้วมึงจะออกตามหาทำไม ไม่เจอก็ดีแล้ว 

โพสศักดิ์ : นั่นสิครับหมอ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน  เอ  หรือว่าผมจะเริ่มซาดิสม์ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : หมอก็ว่างั้นแหละ 



โพสศักดิ์ : บางวันผมโพสข้อความส่วนตัว ยังมีคนเข้ามาเถียงเลย นี่มันพื้นที่ส่วนบุคคลนะหมอ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เดี๋ยว.... คุณไม่ได้นามสกุลซัคเกอร์เบิร์กนะ คุณไม่ได้เป็นผู้สร้างเฟซบุคนะเฮ่ย 

โพสศักดิ์ : โอเคๆ ไม่ส่วนบุคคลก็ได้ แต่ถ้าไม่เห็นด้วยก็อย่าเข้ามายุ่งสิ มารยาทก็น่าจะรู้จักบ้าง 

นพ. ไนท์ณรงค์ : แล้วคุณโพสพาดพิงใครรึเปล่าล่ะ 

โพสศักดิ์ : เปล๊า ผมบ่นลอยๆ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : อืม ชัดเลย มึงนี่แหละตัวเริ่ม 



โพสศักดิ์ : บางวันผมก็ไม่โพส ไม่เม้นท์ใคร จะดูคลิปขำๆ เพลินๆ ก็มาเจอนี่เลยครับ เค้าบอกว่าเด็ด 

นพ. ไนท์ณรงค์ : คลิปฮาๆ สินะ 

โพสศักดิ์ : คนตีกัน!! จอดรถซัดกันกลางถนนเลย!! 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เอ้า ก็อย่าไปดูสิ ดูคลิปอื่น 

โพสศักดิ์ : โพสอื่นนี่เลย มนุษย์ป้าด่ากันในรถไฟฟ้า!! 

นพ. ไนท์ณรงค์ : ระคายหูก็ปิดไป ดูคลิปอื่น 

โพสศักดิ์ : เจอนี่เลย ค่อยยังชั่วหน่อย เมียหลวงตบเมียน้อย!! 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เดี๋ยวนะ ค่อยยังชั่วตรงไหน 

โพสศักดิ์ : แจ่ม นมใหญ่ใส่สั้นทั้งคู่ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : โอ้ย คนตบกันมันไม่เจริญหูเจริญตาหรอกครับ  จะดูทำไม 



โพสศักดิ์ : บางวันผมก็ไม่ไหวจริงๆ แล้วนะหมอ ผมก็เลยไปหาเพจพวกคำคมอ่ะ หาอะไรดีๆ อ่านบ้าง 

นพ. ไนท์ณรงค์ : มันก็ควรทำตั้งนานแล้ว

โพสศักดิ์ : ประโยคแรกเจอเลย  "ต่อหน้าทำเป็นดี ลับหลังมึงนี่เลวจริงๆ" 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เป็นประโยคที่ดีมาก 

โพสศักดิ์ : มีอีก "ถ้าเธอแค่เหงา ก็กลับไปหาเขาดีกว่า" 

นพ. ไนท์ณรงค์ : ยังดีได้อีก 

โพสศักดิ์ : "คนไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิดตลอด" 

นพ. ไนท์ณรงค์ : ใช่ หมอเห็นด้วยนะ ทำดีอะไรให้ไปไม่เคยเห็นค่า แต่ไอ้กับคนที่มันใช่อ่ะ แม่งไม่ต้องทำอะไรเธอก็ยังรักมัน..... 

โพสศักดิ์ : เอ่อ เดี๋ยว หมอ ไอ้หมอ!! 

นพ. ไนท์ณรงค์ : แล้วคนดีที่ไม่ใช่อย่างเราล่ะ!!! คนดีมันไม่มีหัวใจรึไง!! 

โพสศักดิ์ : หมออย่าตามน้ำสิครับ กลับมาก่อน!! 

นพ. ไนท์ณรงค์ : อ้อ เอ่อ ขอโทษ อินเนอร์มันมา



โพสศักดิ์ : บางครั้งผมรู้สึกว่า เพจมันวุ่นวายครับ ก็เลยกลับมาอ่านไทม์ไลน์สเตตัสของเพื่อนดีกว่า 

นพ. ไนท์ณรงค์ : ใช่ อยู่กับเพื่อนๆ นี่ดีสุดละครับ เป็นกันเอง สบายๆ 

โพสศักดิ์ : โพสการเมืองทั้งวัน!! 

นพ. ไนท์ณรงค์ : อ้าว  แต่ก็คงไม่ทุกคนหรอกมั้ง 

โพสศักดิ์ : ไม่ทุกคนหรอกครับ ยังดีที่เพื่อนผู้หญิงไม่โพสเรื่องการเมือง 

นพ. ไนท์ณรงค์ : ดีแล้วล่ะครับ เห็นมั้ย ยังไงก็ยังมีเรื่องดีๆ ให้เราอ่านเสมอ 

โพสศักดิ์ : แม่งด่าคน สัตว์ สิ่งของทั้งวัน!! 

นพ. ไนท์ณรงค์ : เอ่อ  แต่ก็คงไม่ทุกคนใช่มั้ยครับ 

โพสศักดิ์ : ก็ยังดีครับ ที่รุ่นน้องผมไม่เป็นแบบนั้น พวกนี้ชอบเล่นเกมครับ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : ดีครับ เรื่องเกมเป็นเรื่องสนุกสนาน 

โพสศักดิ์ : มันโพสอวยเกมที่มันเล่นทั้งวัน แถมด่าแฟนเกมอื่นที่ไม่ได้เล่นอีก!!! 

นพ. ไนท์ณรงค์ : อืม ทำไมหมอฟังแล้วเหนื่อยแทน..... 



โพสศักดิ์ : เนี่ยอ่ะหมอ หมอรู้สึกว่าโซเชียลมันเถื่อนไปหน่อยมั้ย อยู่ไปนานๆ มันก็เครียดนะหมอ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : คุณเจอแบบนี้ทุกวัน ?

โพสศักดิ์ : ทุกวันครับ ไม่เว้นวันหยุดราชการ 







นพ. ไนท์ณรงค์ : งั้นหมอถามอะไรหน่อยครับ สมมุติหมอลุกขึ้นถีบหน้าคุณตอนไม่ทันระวัง คิดว่าเจ็บมั้ยครับ 

โพสศักดิ์ : เจ็บสิครับถามได้ ถามอะไรบ้าๆ ถีบตอนไม่ทันระวังด้วย 

นพ. ไนท์ณรงค์ : แล้วถ้าพรุ่งนี้ผมนัดคุณมาให้ถีบหน้าอีก คุณจะมามั้ยครับ 

โพสศักดิ์ : เอ้า แล้วผมจะมาทำเหี้ยอะไรล่ะครับ เจ็บตัวเปล่าๆ 



นพ. ไนท์ณรงค์ : ก็นั่นแหละครับ ทุกวันคุณก็รู้อยู่แล้วว่าโซเชียลของคุณมีอะไรไม่ดี คุณก็ยังจะเข้าไปหามันอยู่ได้ 

คุณเจอครั้งเดียวมันไม่เครียดหรอก แต่คุณเจอบ่อยๆ ทุกวันๆ มันก็สะสมจนอาการหนักได้ เหมือนยอมให้โดนถีบทุกวัน 

โพสศักดิ์ : เออ มันก็จริงนะ แล้วหมอจะให้ทำไงอ่ะ เลิกเล่นเหรอ 



นพ. ไนท์ณรงค์ : ไม่ถึงขนาดต้องเลิกหรอกครับ คุณต้องเพิ่มสัดส่วนเรื่องดีๆ ในการเล่นโซเชียลบ้าง 

เพจดีๆ กับคนที่โพสดีๆ ยังมีอยู่ครับ แต่คุณยังไม่เจอเท่านั้นเอง ช่องเซิร์ซมีไว้ทำซากตึกอะไรครับ คุณอยากอ่านอะไรดีๆ หาเลยครับ หามาเข้าตัวให้เยอะๆ ให้มากพอที่จะกลบพวกที่ทำให้คุณเครียดบ้าง 

แล้วอะไรที่มันอ่านแล้วเครียดเกิน ไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องเอาออกไปบ้าง จะบล็อคจะซ่อนยังไงก็ได้ แต่สัดส่วนเรื่องดีๆ มันต้องมากกว่า โอเคมั้ย 

โพสศักดิ์ : โอเคเลยหมอ มันน่าจะได้ผลนะ เดี๋ยวลองทำดูครับ 



นพ. ไนท์ณรงค์ : ทุกอย่างที่เข้ามาหาคุณน่ะ คุณเลือกได้นะว่าจะรับหรือไม่รับ ถ้าเลือกในสิ่งที่คุณต้องการรับได้ แค่นี้ชีวิตคุณก็มีความสุขขึ้นแล้ว แค่นี้เอง ง่ายๆ ลองดูนะ รับรองดีขึ้นแน่นอน 

โพสศักดิ์ : ขอบคุณหมอมากครับ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : ไม่เป็นไรครับ เอาจริงๆ ความสุขจากการเล่นโซเชียลมันหาง่ายนะ แต่ใครหลาย ๆ คนไปทำให้มันยากเอง  รวมถึงคุณด้วย 


โพสศักดิ์ : งั้นผมลากลับเลยละกันครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ 

นพ. ไนท์ณรงค์ : ครับ ว่าแต่พาราคงไม่ต้องเอาไปเคี้ยวเล่นแล้วสินะ รู้สึกจะหายแล้ว  ยังไงก็ขอให้มีความสุขเพิ่มขึ้นนะครับ....




วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

ROซอกหลืบ ตอน ซอกหลืบไฟท์เตอร์

(ต้นฉบับปี 2548)


ชีวิตนั้นคือการต่อสู้ การต่อสู้คือชีวิต 
บู๊ล้างจาน  เฮ้ย! ไม่ใช่ บู๊ล้างผลาญกันให้มันส์หยด ใน… 

RO ซอกหลืบ Fighter...!!!! 



“เป๊งค์..!!” 

“เฮ้ย ยังโว๊ย อย่าเพิ่ง ไอ้เด็กบ้า อย่าสั่นระฆังเล่นสิวะ” 



ท่านผู้อ่านทุกท่าน   สวัสดีและขอต้อนรับเข้าสู่สังเวียนเลือดที่ชาวมิดการ์ดรู้จักกันดี 

“ซอกหลืบ อารีน่า ไฟท์เตอร์ สเตเดี้ยม!!!” 

โอ พอใช้ชื่ออังกฤษแล้วมีชาติตระกูลมั่ก ๆ แต่ดันเขียนอังกฤษไม่ถูกเพราะเรียนน้อย

เออ ว่าแต่ซอกหลืบนี่ภาษาอังกฤษเหรอ ใช่มั้ง.....  โอเค  ช่างมันก่อนเถอะ  

ที่นี่ครับ ที่แห่งนี้ ก่อนอื่นผู้อ่านกรุณานึกภาพสนามต่อสู้ของชาวกรีกโรมัน แบบประมาณแกรดดิเอเตอร์มาเอง นึกเลยครับ เดี๋ยวนี้เลย ช่วยกันทำมาหากินนิดนึง อย่าให้ต้องใช้กำลัง 

นึกออกมั้ยครับ ถ้านึกไม่ออกอนุโลมให้เป็นเวทีชนไก่ก็ได้ แต่อรรถรสความมันจะน้อยลง 

ที่แห่งนี้มีตำนานนะครับ  เมื่อหมื่นปีเศษที่ผ่านมา เทพเจ้า "อริสโต้ สตอยคอฟ"   ได้ลงประมือกับจ้าวแห่งปีศาจ "ไทลิน่อล ทิฟฟี่ มอนสเตอร์" โดยมีเดิมพันเป็นเจ้าหญิงรัชทายาทแห่งอาณาจักรแอนฟิลด์  

ระหว่างพักยก มีรถเข็นส้มตำไก่ย่างเข้ามาขายในสนาม ทั้งคู่สั่งตำลาวใส่ปูทะเลแอนตาร์คติค แม่ค้าใช้เวลาตำ 4 ช.ม. ถ้วน นานมาก ๆ เหตุเพราะปูทะเลแอนตาร์คติคเป็นปูที่แข็งแรงโคตร มันดิ้นสู้และปล่อยแสงจนเฮือกสุดท้ายเท่าที่ทำได้ 

เห็นมั้ย ตำนานจริง ๆ นอกจากมีตำนานแล้ว ยังแถมตำอึดอีกต่างหาก เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย พอเลย เริ่มมาก็เขียนอะไรเลอะเทอะอีกแล้ว









เอาล่ะครับ ขณะนี้เวลา 19 นาฬิกา ได้เวลาที่ทุกคนรอคอยแล้วครับ หลังจากปล่อยให้นักมวยคู่ โท ตรี จัตวา ต่อยเรียกน้ำย่อยมาตั้งแต่ช่วงบ่าย ได้เวลาถึงมวยคู่เอกแล้วครับ 

ขณะนี้นักมวยคู่เอกกำลังเดินเข้าสู่ไฟท์เตอร์สเตเดี๊ยม ท่ามกลางผู้ชมเต็มความจุสนาม 3 หมื่นคน เพื่อบำบัดอารมณ์ของผู้ชมกำลังที่หื่นกระหายอยากเห็นความเจ็บปวดที่เขาไม่ต้องรู้สึก เลือดที่เขาไม่ได้หลั่งเอง และชัยชนะที่เขาใช้เงินเดิมพันไว้ ขณะนี้คาดว่าผู้อ่านก็คงหื่นตามไปด้วย  ไม่รอช้า เข้าสู่สังเวียนเลยดีกว่า 

ฝ่ายแดงครับ!!! เชิญพับกบ  พบกับปีศาจธาตุมืด “บลัดดี้ ไนท์!!! ลูกเจ้าพ่อนิ๊งหน่อง”  

อสูรร้ายผู้ผูกขาดตำแหน่งแชมป์แห่งอารีน่า ไฟท์เตอร์  แชมป์ 4 สมัยติดต่อกันจนถึงปีล่าสุด 




เจ้าของฉายา “ไอ้โหดเลือดหมู” สาเหตุที่ได้ฉายานี้มาก็ตรงตัวครับ เนื่องจากมันมีนิสัยโหดร้ายไม่เกรงใจนรก แถมยังชอบกินต้มเลือดหมูปากซอยเสนาอีก 

เจ้าบลัดดี้นี่เป็นมวยพันธุ์ดุโดยสายเลือดครับ หมอดูหลายท่านลงความเห็นแล้ว สืบความมาว่าดุไล่มาตั้งแต่โคตรเหง้า พ่อโหดดุ แม่ดุโหด ยิ่งตัวลูกนี่ไม่ต้องพูดถึง คน สัตว์ สิ่งของ เห็นยังหลีกทางให้ กระเป๋าสองแถวไม่กล้าเก็บเงิน แค่ชายตามองคู่ต่อสู้ขนเขินก็ลุกชูชัน ขาสั่นเพิม สุดท้ายก็จบด้วยการนั่งร้องขอชีวิต ท่ามกลางสายน้ำหลั่งไหลกลางหว่างขา 

น่ากลัวขนาดไหน ขนาดพี่เลี้ยงยังไม่มีเลย คิดดูละกัน  เพราะดุเกินกว่าใครจะเลี้ยงได้ เอากะมันสิโว้ย 

สำหรับประวัติการชกของฝ่ายแดง เจ้าบลัดดี้นี่ผ่านการชกมาแล้ว 44 ครั้ง ชนะ 35 ครั้ง ชนะลูกโทษ 6 ครั้ง เสมอ 3 ครั้ง เกือบแพ้ 2 ครั้ง ดิวส์ 4 เกม 5 เบอร์ดี้ 1 อีเกิ้ล ไม่เสียโบกี้ ติดคุก 1 ครั้ง ข้อหาวิ่งราวกระเป๋าตังค์คู่ชก แถมยังพ่วงรางวัลนักสู้สุขภาพดีอีก 1 รางวัลจากสถาบันเพ็ดดีกรี 

บลัดดี้เป็นเจ้าของสถิติไร้พ่ายทุกครั้งที่ลงแข่ง คู่ชกตายคาเวที 4 ศพ เสียชีวิตที่ ร.พ 7 ศพ เสียชีวิตระหว่างทาง 3 ศพ ประสาทหลอน 2 คน จำทางกลับบ้านไม่ได้ 6 คน ผื่นขึ้นอีก 3 คน โอย กี่คนแล้วเนี่ย ช่วยนับหน่อย 

เอาครับ ข้ามมาดูฝั่งผู้ท้าชิงกันบ้าง ฝ่ายชมพูอ่อน!!! “สุรเดช ส. เยลลี่บุกผงพนาไพร เกรียงไกรเลิศหล้า ภูผาสะท้านล้านศพ พิภพธรณีกรรแสง...ฯลฯ” 

โอย ชื่อค่ายมันยาวเหลือเกิน ไว้ฉบับหน้าค่อยมาพิมพ์ต่อ 






ตอนนี้มาทำความรู้จักกับเขาก่อนดีกว่า ก็สำหรับสุรเดชนี่เป็นนักสู้เชิงเทคนิคครับ ใช้หัวสมองเป็นส่วนใหญ่ ก็แหงล่ะ  เพราะแม่งเสือกมีแต่หัวนี่หว่า  ขนาดปริมาตรน่าจะเท่าๆ กับโอ่งมังกรเบอร์ 7 เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตร นิสัยรักสงบตามแบบฉบับเผ่าเยลลี่ 

ประวัติการชกไม่มีครับ ทั้งชีวิตยังไม่เคยต่อยกับใครอย่างเป็นทางการ เคยขบหัวเพื่อนชื่อศุภโชคแค่ครั้งเดียว นอกนั้นเป็นฝ่ายโดนกระทำตลอด 

จะว่าไป สมรรถภาพของนักสู้ฝ่ายชมพูอ่อนนั้นเป็นอะไรที่อึดมาก ๆ ทั้งโดนด่าโดนล้อเรื่องการ์ด โดนชุบแป้งทอดก็ยังไม่เป็นอะไร ปะทะแขนเหล็กก็เคยมาแล้ว ปากกาเสียบทะลุปากก็ยังรอดมาได้ โอ ไม่เชื่อได้โปรดอย่าลบหลู่ ไม่ใช้สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ไม่เล่นของด้วย ความสามารถล้วน ๆ 

น้ำหนักทั้งคู่ ฝ่ายแดงชั่งตอนเช้าได้ 70 ตันถ้วน ส่วนฝ่ายชมพูอ่อน 70 กิโลกรัมถ้วน เลขเท่ากันครับ แสดงว่ารุ่นเดียวกัน แต่ทำไมความรู้สึกเหมือนลูกหมาท้าสู้ก็อตซิลล่ายังไงไม่รู้ ช่างมันเถอะ 

“กรี๊ซซ.... แฮ่” โอ... ผมได้ยินเสียง เสียงนี้มัน ไม่ได้แล้วครับ บลัดดี้คำรามแล้ว เป็นสัญญาณว่าหงุดหงิดมาก อ่านขายหัวเราะสิบเล่มก็ไม่หายแน่นอน สงสัยคงเดือดที่ปล่อยให้รอหลายย่อหน้า 

“โฮ่ง...! โฮ่ง...!!” แย่แล้ว บลัดดี้เห่าแสดงว่าหงุดหงิดใหญ่แล้วครับ กรรมการไม่รอสปอนเซอร์แจกของแล้ว สั่งคู่ชกเข้ามากลางเวทีเลย 

ต้องเริ่มแล้วครับ ต้องเริ่มแล้ว เพราะไอ้บลัดดี้มันเริ่มมองกรรมการแปลก ๆ น้ำลายไหลด้วย ไม่ใช่พิศวาสจับกดแน่ ๆ  ออกแนวหิวชัด ๆ

ถ้ากล้องตัดภาพไปอีกมุมจะเห็นสุรเดช ส. เยลลี่ฯ เหงื่อแตกทำท่าจะหนีกลับบ้าน พี่เลี้ยงศุภโชคกับไนท์หนุ่มต้องรีบเข้ามารั้งไว้เลยครับ เอาน้ำแอปเปิ้ลมาล่อด้วย ได้ผลมั้ย... 

ได้มั้ย โอ ได้ครับ!! สุรเดชกลับเข้าสังเวียนด้วยน้ำตานองหน้าเลย ลูกผู้ชายกระทิงแดงจริง ๆ กล้องตัดไปที่มุมอีกที เห็นไนท์หนุ่มกับดร็อปศุภโชคทำท่าเยส ๆ พร้อมกัน 




“เป๊งค์..!!!” 




เอาล่ะครับ เสียงระฆังดังขึ้น คราวนี้ของจริงแล้วครับ เสียงเชียร์กระหึ่มพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ไม่ต่อยไม่ได้แล้ว ไม่ต่อยไม่ได้แล้ว บลัดดี้ปรี่เข้าหาสุรเดชทันที!! 

สุรเดชทำไงครับ กลิ้งถอยหลัง แล้วก็... โอ ออกมาแล้วครับ เสต็ปฟุตเวิร์คแห่งทุ่งป่าโพริ่งอันลือลั่น !!  ต้องอธิบายนิดนึงครับ ท่านี้เป็นวิชาลับที่สืบทอดมาตั้งแต่โบราณกาลของเผ่าเยลลี่ เป็นการเร่งเซลล์ปีโป้ให้สั่นสะเทือนโดยแรง ทำให้ตัวสั่นไปมาคล้ายเต้นฟุตเวิร์ค ซึ่งเผ่าเยลลี่ส่วนใหญ่ใช้หลอกผู้เล่นที่จะเข้ามาจู่โจม ประมาณว่าของขึ้น ให้คิดว่าจะกลายร่างเป็นดาร์คลอร์ดแล้วนะ 

ท่านี้จะใช้ต่อเมื่อมีภัยจวนตัวจริง ๆ เท่านั้น จวนตัวนะครับ ไม่ใช่ จวน จี ฮุน โอ๊ย...!! การต่อสู้กำลังตื่นเต้น จะตลกทำไมวะเนี่ย 

ตัดกลับมาที่เวที ดูเกมต่อ โอ... ไม่ครับ ท่าฟุตเวิร์คสงสัยจะไม่เวิร์คดั่งชื่อท่าซะแล้ว  เจ้าบลัดดี้ใช้เท้างัดสุรเดชขึ้นเหนือหัวแล้วพักไว้ ไม่ต่างอะไรกับลูกฟุตบอลเลยครับ ผู้ชมโห่ร้องกันใหญ่ เอาล่ะครับ เจ้าบลัดดี้เริ่มตอบสนองความต้องการของคนดูและสื่อมวลชนแล้ว ค่อย ๆ ปล่อยให้สุรเดชกลิ้งลงมาให้หน้าอกพักเดาะทีนึง จากนั้นก็โชว์เดาะด้วยข้างเท้าด้านใน!! ด้านนอก!! 

สีหน้าสุรเดชทรมานเหลือเกิน  บลัดดี้เปลี่ยนมาเดาะด้วยปลายเท้า ใช้เข่าเดาะ!! ใช้ไส้ติ่ง!! ถุงน้ำดี!! สนุกจริงๆ เจ้าบลัดดี้คงคิดว่ากำลังเล่นสนุกอยู่เป็นแน่  จะเก็บเลยเมื่อไหร่ก็ได้ (ปรี๊ดดด!!!) โอ๊ะ เสียงนกหวีดครับ เกิดอะไรขึ้น  กรรมการวิ่งมาชี้เลย 

โอวว.... แฮนด์บอลครับ บลัดดี้ทำแฮนด์บอล เดาะไปเดาะมาใช้มือพักซะยังงั้น แถมเป็นการจงใจด้วย เอาแล้วครับ อย่างต่ำก็ต้องใบเหลืองแล้วล่ะครับแบบนี้ 

กรรมการว่าไง ควักกระเป๋าแล้วครับ โอ้...!! ผู้ชมสนามฮือฮากันใหญ่ ไม่ใช่ทั้งใบเหลืองและแดงครับ เป็นปฏิทินนู๊ดรูปน้องซินนั่นเอง บลัดดี้ตาลุกวาวเชียว สงสัยชอบของแปลก บลัดดี้รับแล้วรีบเอาไปเก็บไว้ที่มุม ตอนนี้สุรเดชสะบักสะบอมเหลือเกินจริง ๆ แต่ก็ยังยืนหยัดที่จะลุกขึ้นสู้ เหตุการณ์จะเป็นยังไงต่อไป 



ขอย่อหน้าอีกทีครับ ตัวหนังสือแน่นเหลือเกิน ถึงตอนนี้เจ้าบลัดดี้กลับเข้ามาในสนามแล้วครับ วิ่งง้างหมัดมาแต่ไกล!! สุรเดชหลับตาปี๋เหมือนรู้ชะตากรรม ผลั้วว!!! เต็มๆ ครับ กลางกบาล!! เลือดพุ่งกระจาย แต่ไม่ใช่สุรเดชครับ เป็นกรรมการซะงั้น 

เกิดอะไรขึ้น เจ้าบลัดดี้นิสัยโจรอีกแล้ว มันทำร้ายร่างกายกรรมการเพื่อจะเอาปฏิทินน้องซินอีกชุดครับ ทั้งหื่นทั้งโลภ กรรมการรีบควักให้หมดตัวเลย ไม่งั้นเดี๋ยวห้ามเลือดไม่ทัน เลือดพุ่งใหญ่แล้ว ดูเผิน ๆ นึกว่าน้ำพุเคลื่อนที่ เลือดชุ่มเวทีน่ารัก 

จังหวะนี้สุรเดชถือเป็นโอกาสทองครับ ระหว่างที่บลัดดี้หันหลังให้ เขารวมรวบพลังแล้ววิ่งเข้ากระแทกข้างหลังทันที แต่บลัดดี้ไม่รู้สึกอะไรเลยครับ เดินเอาปฏิทินไปเก็บที่มุมหน้าด้าน ๆ กระแทกได้กระแทกไป  

กระแทกไปได้ 15 นาที สุรเดชเริ่มรู้ว่าแผนน้ำหยดลงหินท่าจะไม่ได้ผล ถอยฉากออกมาครับ แล้วก็หยิบการ์ดโพริ่งออกมาคาบไว้ที่ปาก แฟน ๆ กรี๊ดเลยครับ เป็นภาพที่เท่ห์จริง ๆ บลัดดี้เก็บปฏิทินเสร็จหันกลับมาเห็นหัวเราะเยาะครับ ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คงเป็นภาพที่มันเห็นแล้วน่าสมเพสมาก 




“เป๊งค์…!!!”    แต่หมดยกเสียก่อน 





สุรเดช ส. เยลลี่กลับเข้ามุม เหงื่อแตกซิกเลยครับ เจ้าตัวคงงงว่ารอดมาครบยกได้ยังไง พี่เลี้ยงศุภโชคกับไนท์หนุ่มรีบเข้ามาให้น้ำให้ท่า สุรเดชดีขึ้นมั้ย สีหน้าค่อยยังชั่วครับ 

ไนท์หนุ่มเอาพินัยกรรมมาให้เซ็น ส่วนศุภโชคกำลังใช้ปากจับพลั่วขุดหลุมข้าง ๆ เวที กะว่ายกนี้ไม่รอดแน่ ๆ 

สุรเดชเห็นแบบนี้กลับไปเหงื่อตกอีกครั้ง บลัดดี้นั่งขำอยู่ที่มุม รอเสียงระฆังดังเท่านั้น แชมป์สมัยที่ 5 ปูพรมรออยู่แล้ว 




“เป๊งค์…!!!” 



เอาแล้วครับ ยก 2 เริ่มขึ้นแล้ว บลัดดี้เดินแยกเขี้ยวเข้ามาแล้วครับ คงไม่มีเล่นสนุกอีกแล้ว เก็บภายในยกนี้แน่ ๆ สุรเดชคงรู้ตัวครับ ไหน ๆ ก็จะต้องตายอยู่แล้ว ขอตายเท่ห์ ๆ หน่อย 

สุรเดชเอาการ์ดขึ้นมาคาบไว้ที่ปากอีกแล้วครับ เหมือนปลายยกที่แล้วเลย แต่คราวนี้เพิ่มเอียงซ้าย 45 องศา เท่ห์มากครับ แฟนๆ ที่มาเชียร์กรี๊ดทั้งน้ำตาเลย เพราะนี่คงเป็นภาพสุดท้ายที่เราจะได้เห็น ไดอารี่ฉบับล่าสุดที่เราได้อ่านคงไม่มีอีกแล้ว ที่เหลือคงรวมแล้วเย็บเล่มแจกหน้างานศพ 


ศุภโชคขุดหลุมเสร็จแล้วครับ หลุมเบ้อเร่อเลย คงกะว่าพ่วงศพกรรมการด้วยอีกคน เพราะรายนั้นก็อาการร่อแร่ไม่แพ้กัน ยังเดินไร้สติอยู่บนเวที เลือดที่พุ่งมาจากกลางหัว เลอะชุ่มพื้นเวทีมันช่างได้บรรยากาศสังเวียนเลือดจริง ๆ ขนาดห้ามเลือดยังเอาไม่อยู่เลย 

ไนท์หนุ่มนิมนต์พระมารอแล้วครับ พวงหรีด ดอกไม้จันทน์อะไรก็พร้อมแล้ว ขาดแต่เจ้าของงานอย่างเดียว กลับไปที่สังเวียนต่อ บลัดดี้มาแล้วครับ!!! มันเปลี่ยนจากเดินมาเป็นวิ่งแล้ว ตึกๆๆๆๆๆ พอได้จังหวะเทคออฟ บลัดดี้กระโดดขึ้น!!! ง้างหมัดขวาสุดแรง เศษเยลลี่กระจายแน่ครับคราวนี้ ไม่มียั้งแล้ว เป้าหมายอยู่ที่รสสตอว์เบอรี่ เชื่อเลยว่าแฟนคลับโพริ่งสุรเดชหลายคนคงปิดหนังสือเลิกอ่านไปนอนร้องไห้แล้ว เพราะรู้ชะตากรรม 



 แต่... แต่ว่า!!! 



“พึ่บบ!!!” สุรเดชใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ร่อนการ์ดโพริ่งออกมาจากปาก โอ้วว... การ์ดหมุนติ้ว แล้วก็เฉือนเข้าที่ตาซ้ายของบลัดดี้ที่ลอยกลางอากาศอย่างจัง เท่ห์อีกแล้วครับ 

สุรเดชคงคิดว่า ไหนๆ ก็จะไม่รอดแล้ว ขอฝากบาดแผลเล็กๆ ไว้ก่อนตายสักหน่อยก็แล้วกัน โอ... แต่รู้สึกจะไม่ใช่แล้วครับ!! ผลของการร่อนการ์ดท่าจะมีอะไรที่มากกว่านั้น

บลัดดี้เสียจังหวะไปเลยครับ เพราะเลือดเข้าตา หมัดที่ปล่อยออกพลาดเป้าแล้วครับ สุรเดชรอดได้อย่างหวุดหวิด บลัดดี้ลงสู่พื้นเสียงดังสนั่น!!! แต่... แต่เบรกไม่อยู่ครับ ด้วยความแรง และบวกกับที่พื้นสนามเปียกเลือด ร่างของบลัดดี้สไลด์เลยสุรเดชไปแล้ว มันไปทางมุมของสุรเดช!! 

ไนท์หนุ่มกับศุภโชคเห็นแล้วครับ แต่ยืนขาสั่นทำไรไม่ถูก บลัดดี้พยายามกลับตัว!! แต่ด้วยน้ำหนักที่มหาศาล มันกลายเป็นการใส่เกลียวแบบ จา พนม ซะยังงั้น 

ร่างของบลัดดี้ชนทะลุขอบเวทีออกไป ลอยขึ้นเหนือฟ้า ตอนนี้บลัดดี้หมดสติไปแล้ว เพราะเวียนหัวอย่างแรง เกิดมายังไม่เคยใส่เกลียวขนาดนี้ 


ตอนนี้ผู้ชมนั่งไม่ติดแล้วครับ!!! ร่างของบลัดดี้กำลังจะตกเวที แชมป์ที่เขาคิดว่ามันแสนง่าย ไม่แน่นอนแล้ว



“โครมมมม!!!!!” 



และแล้วร่างของบลัดดี้ก็ร่วงลงสู่นอกเวที.... ตรงจุดที่ศุภโชคขุดหลุมฝังศพไว้ พอดีเป๊ะ... จบข่าว 

บลัดดี้ไม่อยู่ในสภาพที่สู้ต่อได้ ผู้ชนะไม่ใช่ ไม่ใช่... ...เขา.... 


ทุกชีวิตที่ ซอกหลืบ อารีน่า ยังอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น 




“นิวแชมเปี้ยน!!!! ไฟท์เตอร์ สุรเดชชชช!!!!” 




กรรมการใช้แรงเฮือกสุดท้ายพูดชื่อของแชมป์เปี้ยนคนล่าสุด ก่อนที่เขาจะสิ้นใจเพราะเลือดออกหมดตัว จากนั้นเสียงเฮก็ดังขึ้นตอนรับแชมป์คนใหม่อย่างเอิกเกริก 

สุรเดชอยู่ในอารมณ์ไม่แน่ใจ ว่าเขาควรจะดีใจหรือเสียใจดี เพราะเมื่อเขาเป็นแชมป์ การต่อสู้มันก็จะต้องมีต่อไป แล้วเขาจะมีจุดจบน่าทุเรศเหมือนบลัดดี้หรือเปล่า 

สุรเดชกระดึ๊บลงจากเวที ก่อนที่ประธานจะอัญเชิญเข็มขัดแชมป์มาให้ ไนท์หนุ่มกับศุภโชคทำท่าจะเข้าไปถาม แต่สุรเดชก็ใช้ปีกผีเสื้อวาร์ปหนีไปเสียก่อน 



ทั้งสนามเงียบกริบกับสิ่งที่เกิดขึ้น..... 



นักสู้คนนั้นกลับไปแล้ว..... เขาทิ้งร่องรอยการต่อสู้ ชัยชนะ ความพ่ายแพ้ และความตายไว้ตรงที่เดิม โดยที่ไม่คิดกลับไปมองมันอีกเลย 


นี่อาจเป็นชะตากรรมของการต่อสู้ แม้ไม่ชอบเราก็ต้องเจอมัน ตราบใดที่ยังมีคนที่ต้องการเป็นผู้ชนะ และคนที่ชอบเยาะเย้ยผู้แพ้


THE END.....


วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน โภชนาเกม

(ต้นฉบับ ม.ค. 59)

ท่ามกลางการเวลอันยาวนาน.....

ท่ามกลางการบวกอันยืดเยื้อ.......

แม้งานหลักเราจะเดินด้วยใจอันมุ่งมั่น แต่กองทัพอย่างไรก็ต้องเดินด้วยท้อง เล่นเกมไปหากไร้เรี่ยวแรง... ก็ต้องหาอะไรกิน

เป็นเวลานานแล้วครับ ที่ผู้สนับสนุนหลักเหล่านี้ได้อยู่กับเรามา และคาดว่าน่าจะอยู่ตลอดไป ถ้าเครื่องเกมไม่ระเบิดใส่หน้าพวกเราตายซะก่อน เหล่าของกินเกรดพรีเมี่ยมของเกมเมอร์ ภายใต้สโลแกน Fast and Easy ง่ายและรวดเร็ว 


ไม่เชื่อเข้าร้านเกม ไปดูซากอารยธรรมหน้าโต๊ะกันได้ ถ้าไม่มี อมขี้หมาสดมาพ่นหน้าออฟฟิต OS เลยมา ผมจะยืนรับดาเมจอย่างแมน ๆ

ว่าแต่มันมีอะไรบ้างล่ะ



ชาเขียว

เครื่องดื่มมาตรฐาน ที่อยู่คู่หน้าจอมากกว่า 10 ปี  เอ่อ ประโยชน์ของชาเขียวช่างแม่งเถอะครับ เพราะเรากินน้ำตาลมากกว่าอีก ประโยชน์หลักคือกินแล้วสดชื่น ประโยชน์รองคือบางยี่ห้อมีโอกาสได้โชค เงินล้าน ทองคำ ไอโฟน เบาหวาน ความดัน บางทีก็สงสัยนะว่าพวกเราชอบกันจริง ๆ หรือกินเพราะมันสิ้นคิดกันแน่ เพราะเหลือบมองตู้น้ำในร้านเกม ขวดชาเขียวเรียงเป็นตับเลย ล่อให้ซื้อซะเหลือเกิน




เอ็มร้อย

ไอเท็มเสริมของสายลาก ไม่ใช่ลากมอนส์..... รากเลือด ลากมาตั้งแต่เที่ยงคืน มีชาเขียวที่ไหน ต้องมีเอ็มร้อยเคียงคู่เสมอ คาดว่าชาเขียวเอาไม่อยู่

สำหรับประสบการณ์เอ็มร้อย (หรือพวกชุกำลังยี่ห้ออื่น) ครั้งแรกของเกมเมอร์หลายคน ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เหมือนอัพโพชั่น ฟื้นทันทีในอึกแรก ร่าเริงในอึกที่สอง และอ้วกแตกในอึกที่สาม..... เดี๋ยว  ไม่ใช่ละ อันหลังนี่ล้อเล่น

และด้วยศักยภาพสุดยอดนี้นี่เอง คาดว่าเราคงจะโด๊ปกันต่อไปอีกนาน เพราะพวกเราไม่รู้จักคำว่าพักผ่อนเพียงพออยู่แล้ว






กาแฟไม่สด

อีกทางเลือกของสายลากยามค่ำคืน ยามตื่นสโลว์ไลฟ์ ถ้าไม่ถนัดโด๊ปเอ็มร้อย ก็จิบกาแฟเบา ๆ กันไป 

จริง ๆ กาแฟสดอร่อยนะ แต่เด็กสายร้านเกมงบไม่ค่อยถึง เห็นกระป๋องกับแก้วเนสกาแฟเกลื่อนเลย บางโต๊ะวางคู่กับเอ็มร้อยด้วยซ้ำ

อยากเดินเข้าไปถามจริง ๆ มึงจะกินให้เป็นอมตะเลยใช่มั้ย หลังก็ดีด ตาก็ค้าง นอนดีกว่ามั้ย



น้ำแร่

ตัวนี้ไม่รู้ติดโผมาได้ไง แต่ก็เห็นซากขวดมาจริง ๆ ตามร้านเกม เยอะด้วย เดาว่าเอามาดื่มล้างคอจากไอ้ 3 ข้อแรก 

แต่ก็ถือว่าแอบเข้ากันแปลก ๆ น้ำแร่ กับคนร่อแร่ อืมนะ ยังอุตส่าห์มีของดี ๆ เข้าตัวบ้าง ถึงจะคิดเป็น % อันน้อยนิดก็ตาม



ชาไข่มุก

กลับมาทำลายสุขภาพกันต่อ สำหรับคนที่เบื่อกินแต่น้ำ อยากหาอะไรเคี้ยวบ้าง ชาไข่มุกคือตัวเลือกที่ดี เพราะหาซื้อง่าย 

บอกคนขายใส่มุกเยอะ ๆ อ๊า!! จะได้ตลก ทุ้ย...... ไม่ใช่มุกตลก อืม แต่บางทีมันก็ตลกจริง ๆ ทุกครั้งที่ดูดมุกด๊วบเข้าลำคอ รู้สึกตัวเองเหมือนปลาแดกซากุระยังไงไม่รู้

ชาไข่มุกมีหลายเกรดครับ แต่เกรดที่เห็นตามร้านเกมบ่อย ๆ แน่นอน แบบปั่นเกล็ดแก้วละไม่เกิน 20 เพราะงั้นอย่าแปลกใจถ้าพ่อค้าจะเข็นรถมาดักหน้าร้านเกมอยู่ได้ค่อนวัน เพราะขายดีมาก เด็กร้านเกมเสมือนกินแทนข้าวเลยทีเดียว



น้ำอัดลมขวด


สุดยอดคลาสสิคมาตั้งแต่สมัยร้านเพลย์ 1 ตัดสายสะดือ ยาวนานมาจนถึงวันนี้ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่ว่าประโยชน์แม่งไม่มีอะไรเลยนอกจากเพิ่มอัตราการเรอให้คนข้าง ๆ ได้ยิน 
แต่มันก็น่าคิดมั้ยล่ะ  ว่าของไร้ประโยชน์ขนาดนี้ คนที่กินเป็นนิสัยต้องใจถึงขนาดไหน นอกจอเขาไม่กลัวอะไร ในจอเขาก็ไม่มีอะไรให้กลัวเช่นกัน 

เดี๋ยวนะ  ทำไมเราต้องเขียนดึงบวกให้ขนาดนี้ด้วยวะเนี่ย




บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

รางวัลของกิน “ขวัญใจเกมเมอร์” ไม่ได้มาเพราะจับฉลาก อย่าว่าแต่เกมเมอร์เลย มวลมหาประชาชนทั้งประเทศเลยดีกว่า นี่แหละ Fast and Easy ของจริง ง่ายและเร็วมาก กดน้ำร้อนแล้ววางชามไว้หน้าจอได้เลย กินได้ทั้งร่ำรวยและยากจน

ถ้าเงินเยอะก็อัดท๊อปปิ้งเข้าไป บางคนโป่ะจนรวมราคาร้อยกว่าบาท ถ้าจนก็ใส่น้ำร้อนเพียว ๆ แต่ถ้าจนมากก็ซัดแห้ง แต่ถ้าจนกว่านั้นอีก แย่งเพื่อนกินแม่งเลย 

เห็นมั้ย ง่ายขนาดไหน เป็นอาหารที่สุดยอดทุกด้าน ยกเว้นด้านสารอาหารจริง ๆ



ข้าวกระเพรา

สำหรับร้านอาหารตามสั่งทำเลใกล้ร้านเกม  พูดเลย  เปิดเมนูเดียวขายได้ตลอดชีวิต ปลูกกระเพราในบ้านรอไว้ได้เลย 

ถ้ามีกระเพราน้อยก็เพิ่มถั่วฝักยาวเข้าไป พวกเราไม่ซีเรียส สั่งง่ายกินง่าย ภายใต้สโลแกน "หนึ่งคนสั่ง ทั้งร้านตาม" ทรงมันจะเป็นแบบนี้

สั่งคนแรกคือผู้นำ "กระเพราหมูสับจานนึงครับ" 

หลังจากนั้นเสียงเล็กเสียงน้อยจะตามมาทันที

"สองเลย!!" 

"กูด้วย สาม!!" 

"เฮ้ย กูเอาด้วย สี่!!"

ทวีคูณแบบนี้ คนขายแฮปปี้ แต่ที่ต้องระวังสำหรับคนสั่งช้าก็คือ อย่าไปเพิ่มจำนวนตอนเขาเริ่มทำไปแล้ว อัตราส่วนเนื้อและใบกระเพราบางจาน อาจจะออกมาแบบอุบาทว์มาก 

จานนี้หมูเพียบ ไร้กระเพรา ส่วนอีกจานกระเพราบานเลย หมูเหลือแค่วิญญาณ อีกจากหนักสุด ถั่วฝักยาวล้วน ๆ เสิร์ฟแล้วคนกินจิตตกเกิน





ข้าวไข่เจียว

เป็นเมนูอีกจาน ที่ทุกวันนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่า ระหว่างข้าวไข่เจียวกับข้าวกระเพรา จานไหนสิ้นคิดกว่า แต่ความง่ายไข่เจียวชนะขาดแน่ เพราะทอดกินกันเองได้เลย 

ในรายที่หลังร้านมีครัวหรือเตาแก๊สเล็ก ตอกกี่ฟองก็ได้ จ่ายทีหลัง ขูดหม้อข้าวกันสนุกสนาน 

แน่นอนยังอยู่ภายใต้สโลแกนเดิม "หนึ่งคนสั่ง ทั้งร้านตาม" 

ใครลุกไปทอดคนแรก เตรียมประจำการยาวอยู่หลังร้านได้เลย 

"เฮ้ย ทอดเผื่อกูด้วย" 

 "กูด้วย สามเลย"

ไอ้พวกขี้เกียจลุกเนี่ย แนะนำให้ใส่ผงชูรสช้อนพูน ๆ เอาให้แม่งบวกไปขนร่วงไปเลยสัส



หมู ไก่ กระเทียม

ติดโผมากะเขาเหมือนกัน สำหรับคนที่ชอบกินข้าวกับเนื้อเน้น ๆ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจคนกลุ่มนึงว่า สั่งข้าวกระเพราหมู แล้วมึงจะมานั่งเขี่ยใบกระเพรากับพริกออกทำไม ไม่สั่งหมูไก่กระเทียมเลยวะ

แต่เมนูนี้ต้องลุ้นหน่อย เพราะตามสั่งไม่ได้ทำเหมือนกันทุกร้าน บางร้านทอดแห้ง ๆ บางร้านใส่น้ำมันกับซอสเยอะ ออกมาเค็มชุ่มฉ่ำ

ส่วนใหญ่แบบหลังจะนิยมมากกว่า ยิ่งโป่ะไข่ดาวไม่สุกมาด้วยนะมึง โต๊ะข้าง ๆ มีเสียสมาธิแน่นอน



ไส้กรอก ลูกชิ้นปิ้ง

พูดชื่อแล้วน้ำลายก็ไหล เป็นของกินเล่นที่แทนข้าวได้ เพราะงั้นก็เลยเป็นที่นิยมอย่างไม่ต้องสงสัย

นึกภาพคนนั่งเล่นเกมอยู่หน้าร้าน มองไปหน้าร้านมีรถเข็นดริฟมาจอด ไอ้พวกที่เล่น ๆ อยู่ลุกไปกรูซื้อกันยังกะโดนของ สามารถจัดสรรราคาได้ตามความยากจน ตั้งแต่ไม้ละ 5-15 บาท 

เงินเยอะจัดหนัก เงินน้อยไม้เดียวพอ แล้วไปอัดผักฟรีแทน หลอกตัวเองว่าผักเพื่อสุขภาพ ทุกวันนี้ก็ยังฮิตอยู่ ส่วนใหญ่ชอบกินกันมื้อเย็น ๆ ไม่รู้ทำไม




เป็นไงบ้างครับ สังเกตว่าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นของกินที่ดีต่อสุขภาพเท่าไหร่

แต่ไม่ต้องห่วงครับ เราไม่ได้เล่นเกมตลอดเวลาฉันใด เราก็ไม่ได้กินของพวกนี้ทุกมื้อฉันนั้น

คิดซะว่าเป็นพรหมลิขิต ที่ชีวิตคนเล่นเกมต้องเจอ

เราไม่ได้กินเพื่อสุขภาพ แต่กินเพื่อเอาแรงไปถล่มให้ป่าราบ



ว่าแต่ อ่านจบแล้วหิวกันไหมล่ะ ผมนี่ไม่ไหวละ น้ำลายเลอะคีย์บอร์ดไปหมดแล้วเฟ้ย

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ล่อเหมียว เหมียวก็มา

(ต้นฉบับปี 2558)



เคยคิดมั้ยว่าเกมง่ายๆ ที่ดูเหมือนไม่มีอะไร จะฮิตเป็นกระแสขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ 

เนื่องจากตอนนี้ผมมีปัญหากับเรื่องหาเวลาเล่นเกมมาก ๆ งานหลักก็กินเวลาไปถึงเย็น ต้องดูแลเพจ เขียนคอลัมน์ แบ่งเวลาอ่านหนังสือ (การ์ตูนนะ) แล้วไหนจะงานนอกที่นึกจะงอก  ก็งอกมาอีก 

ระหว่างทำงานไปผมก็เคยนึกเล่นไปเพลิน ๆ นะว่า มันจะมีไหมวะ เกมที่ไม่ต้องใช้เวลากับมันมาก แต่มีของอะไรสักอย่างที่เล่นได้เรื่อย ๆ เล่นให้ตายยังไงก็ไม่เครียด ไม่ต้องแข่งกับใคร ไม่ต้องเติมเพชร (อันนี้เบื่อมาก ทำไมต้องเพชรวะ) ไม่ต้องใช้เน็ตด้วยยิ่งดี 

และที่สำคัญ อยากให้เป็นกระแสที่ใคร ๆ ก็เล่น ก็พูดถึง สร้างสังคมเล็ก ๆ ขึ้นมาได้…… ประมาณว่าเล่นแล้วอยากมีเพื่อนคุย เอ่อ คือ..... ก็กลัวเหงาน่ะแหละ 

แต่นึกดี ๆ แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงวะ  จินตนาการซะเวอร์เลย ยิ่ง 2 ข้อหลังนี่ขัดแย้งกันชิบหาย  ไม่ต้องใช้เน็ต แล้วมันจะสร้างสังคมคนเล่นขึ้นมาได้ยังไง จะให้ประธานหมู่บ้านปั่นจักรยานโทรโข่งทำสำรวจแต่ละบ้านว่าใครเล่น แล้วส่งหมายนัดเจอที่สโมสรแอโรบิกทุกเย็นรึไง

แต่เชื่อกันมั้ยครับ ว่าอะไรที่เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เรา "อยาก" ให้เป็น เน้นที่ความอยากเลย 

ขอเหอะ ขอให้มีความอยากเหอะ สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นจริงเสมอ 

เกมที่ใช้เวลาเล่นไม่มาก แต่เล่นได้เรื่อย ๆ ไม่เครียด ไม่แข่ง ไม่ต้องเติมเพชร ไม่ใช้เน็ต และเป็นกระแสที่ใคร ๆ ก็เล่นกัน คุยกันได้เธอเล่น ฉันเล่น 

เกมล่อน้องแมว เนโกะอาสุเมะ (Neko atsume) คือเกมที่ตอบโจทย์พวกนี้ได้ครบทุกข้อ





นี่คือเกมโมบายที่ผมแทบจะยกให้เป็นเกมแห่งปีเลย มันสุดติ่งแมวเหมียวมาก  ผมเคยบอกไปแล้วว่า เกมที่เป็นกระแส เราไม่ต้องออกตามหาอะไรทั้งนั้น แค่นอนเกาไข่ไปวัน ๆ สักวันมันก็จะเข้ามาหาเราเอง และมันก็มาจริง ๆ 

ที่ประทับใจแต่แรกกับเกมนี้ก็คือ เกมน้องแมวมาแบบเป็นมิตรมาก ๆ ไม่มีคำเชิญเตือนเด้งให้รำคาญลูกตา ไม่มีใครออกมาด่าให้สงสัยว่าเขาด่าเกมอะไร แต่มันมาเป็นภาพเลย คือไล่อ่านไทม์ไลน์อยู่ดี ๆ เฮ้ย ทำไมมีแต่รูปแมววะ คนนั้นก็อวด คนนี้ก็อวด คือเหมือนแชร์กันเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็เล่นกัน ทำให้ วูบแรกที่เห็น เกมนี้ก็กลายเป็นชีวิตส่วนนึงของใครหลาย ๆ คนไปแล้ว 

อ้าว.... เค้าเล่นกันหมด แล้วเราไม่ได้เล่น 

ความรู้สึก ณ จุด ๆ นั้นจะเหมือนตัวเองเป็นคนนอกประเทศมาก ๆ 

อืม  แล้ว แล้วกูทำอะไรอยู่วะเนี่ย เจ็บนะเว้ย มีกระแสอะไรดีงามทำไมไม่บอกกันบ้าง 

เอาจริงตอนนั้นไม่ได้อยากเล่นอะไรหรอกครับ แต่ความสงสัยมันมาเต็มเลยว่ามันคืออะไรวะ และประโยคคลาสสิคก่อนติดเกมก็มา

"แม่งสนุกตรงไหนวะ" 

ในที่สุดมันก็เข้าตัวครับ มาถึงตัวผมละ ถึงคราวน้องที่สนิทเอามาอวดบ้าง นี่ ๆ พี่ดูแมวหนูสิ เต็มบ้านเบย 

แล้วมาถามผมด้วยนะ แมวพี่เป็นไงบ้าง?? 

เฮ้ย…. ทำไมถามเหมือนเป็นเรื่องปกติยังงั้นล่ะ เข้ากลางเรื่องเฉยเลย ไม่ถามก่อนวะว่าเล่นหรือเปล่า เอาละไง จะตลกกลบเกลื่อน แมวไม่อยู่หนูก็ร่าเริงไง..... ก็คงไม่ตลก ก็ไม่รู้ทำไง เลยตอบแมน ๆ ไปเลยว่า ไม่ได้เล่นโว้ย ไม่รู้จักเลยด้วย สอนกูที 

ก็แน่นอนประโยคคลาสสิคต้องได้ยิน โหย…. พี่ไปหลงป่าหลงเขาที่ไหนมา ใคร ๆ เค้าก็เล่นกัน 

อืม มึงจะทำให้กูรู้สึกผิดไปถึงไหนวะเนี่ย รีบเทรนให้ไวเลย อยากรู้นักมันสนุกตรงไหน ถ้าชาตินี้ไม่ได้เล่นมันจะถึงตายมั้ย 

โอ๊ย เล่นง่ายพี่ นี่นะ…. หนูจะพูดรอบเดียวไม่รีพีท เราก็เอาของ เอาอาหารมาวางล่อแมวนะ พอแมวมามันก็จะเอาปลามาให้เรา แล้วเราก็เอาปลาไปซื้อของมาล่อแมวอีกที แค่นี้แหละ จบ!! 

แค่เนี้ย  ล่อแมวเอาปลา เอาปลาซื้อของล่ออีกทีนึง มีอยู่แค่นี้จริงดิ ไอ้ชิบหาย…. แล้วความสนุกความตื่นเต้นมันอยู่ตรงไหนวะ 

ตอนแรกเห็นภาพนึกว่าเป็นเกมไล่จับแมว คนทำเกมมันจะมักง่ายเกินไปมั้ยเนี่ย

เออน่าพี่ ลองเล่นดู แล้วพี่จะรู้ว่าทำไมมีแต่คนติดเกมนี้งอมแงม 

ผมนึกในใจ พูดเป็นเล่น มันดูไม่มีอะไรเลยนะเนี่ย 




อร๊ายยย นั้ลล๊ากกกกก……!!! 




และนี่คือเสียงที่ตอแหลที่สุดในชีวิตผม สาบานเลยว่าไม่เคยทำตัวแบบนี้ให้กับเกมไหนในโลก พอเริ่มเล่นผมก็ทำตามที่มันสอนเลย ไอ้ตอนวางของล่อยังไม่มีอะไร 

แต่ผ่านไปสักพักเท่านั้นล่ะ แมวมา 2 ตัว !!...... 

เฮ้ย ๆ ๆ ๆ  แมวมาแล้วว 






อรั๊ยยยยยย นั้ลล๊ากกกกกก 

คือผมแม่งเก็บอาการไม่ได้เลย เหมือนโดนของ โดนไสยศาสตร์อะไรสักอย่างที่ทำให้สีหน้าท่าทางควบคุมไม่ได้ มุ๊งมิ๊งกิงก่องแก้ว ดัดจริต ดอกทองขึ้นมาทันที 

วินาทีนั้นเข้าใจละว่าทำไมเค้าเล่นกันทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะมันนั้ลล๊ากก ยังงี้นี่เอง 

สรุปคือพวกที่ติด ก็คือพวกแพ้ทางน่ะแหละครับ หนึ่งเลยแพ้ทางแมว.... บางคนชอบแมวเป็นทุนอยู่แล้ว สองคือแพ้ทางลายเส้น ลายเส้นในเกมเป็นลายเส้นง่าย ๆ แต่จุ๊มุ๊มาก (ไม่รู้จะใช้คำไหนละ) สังเกตที่จมูกกับปากแมว มันจะแบบ...จุ๊มุ๊ คือมันน่ารักแบบไม่มีเหตุผล เห็นแล้วกฎหมายบังคับให้น่ารักเลยทันที 

แล้วแมวมันจะกลม ๆ อ้วน ๆ กำลังดีทุกตัว บอดี้เวทเท่ากันหมด ยัง.... แต่นี่ยังไม่พอ ถ้ายังนั๊ลล๊ากไม่พอ ต้องดูต้องน้องแมวเล่นของล่อ มันจะเป็นภาพเคลื่อนไหวซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ความนั๊ลล๊ากคูณ 2 เข้าไปอีก บางคนนี่นั่งดูแล้วยิ้ม…. เยิ้มเหมือนเมากาวยังไงไม่รู้ 

บางคนเลี้ยงแมวจริง ๆ อาจลืมแมวที่บ้านไปเลย 





ถ้าถามผมว่าความพีคของเกมนี้มันอยู่ตรงไหน.... ไม่มีจุดพีคครับ มีแต่เรื่อย ๆ 

อ้เรื่อยๆ นี่แหละน่ากลัว กลัวว่าจะเลิกยาก วัน ๆ ก็ซื้อของไปเรื่อย ๆ เก็บปลาสีทอง (ที่คุณสมบัติคล้ายๆ เพชรน่ะแหละ ใช้เงินจริงซื้อได้ด้วย) เก็บได้เยอะก็ซื้อของอีก เบื่อฉากเก่าก็รอเปลี่ยนฉากกันเบื่อกันไป 

ผมคารวะแนวคิดของเกมนี้เลย ปรัชญาที่บอกว่าเรียบง่ายคือใช่ มันใช่จริง ๆ ยิ่งยุคนี้เราตามหาความง่ายในการใช้ชีวิตกันด้วย เกมนี้เลยโดนใจใครหลาย ๆ คนอย่างจัง บางคนไม่ชอบแมว แต่ชอบเกมนี้ก็มีเยอะ 

เกมนี้ต้นฉบับเป็นญี่ปุ่นนะครับ แต่ขอทิ้งท้ายแบบให้คิดกันเล่น ๆ ถ้าเราเอามาทำเป็นเวอร์ชั่นไทย อะไรมันจะเกิดขึ้น 

พวกเราจะเลี้ยงอะไรกันดี หมาสามขา ตุ๊กแกตัวเท่าเหี้ย คางคกสีทอง เปิดโหมดล่อพญานาค จับจระเข้ตอนน้ำท่วมกันแน่นอน 

เฮ้ย ของเราเจ๋งกว่าเยอะอ่ะ 

แค่คิดก็เร้าใจกว่าน้องแมวแล้วนะเนี่ย !!

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน กาลครั้งหนึ่ง เครื่องซุปเปอร์ฯ

(ต้นฉบับปี 2558)



นี่คือเครื่องเกมที่ผมไม่เคยมีไว้ครอบครองที่บ้าน

นี่คือเครื่องเกมที่เด็กหลายคนเก็บเงินซื้อไม่ไหว 
แต่นี่ก็คือเครื่องเกมที่พาผมไปรู้จักสังคมร้านเกมเป็นครั้งแรก 

มันคือ เครื่องซุปเปอร์ฟามิคอม!! หรือที่เราพร้อมใจตั้งชื่อย่อให้มันว่า เครื่องซุปเปอร์!! เครื่องนี้ นี่เอง 

นี่คือเครื่องเกมที่เหมือนเป็นช่องว่างอะไรสักอย่าง  ของชีวิตเล่นเกมที่บ้านของผม คือมีแฟมิลี่แล้วข้ามมาเป็นเพลย์1 เลย   แบบว่าระหว่างจะเก็บเงินซื้อ เพลย์1 เสือกออกมาพอดีซะยังงั้น 







เสมือนภาคอัพเกรดของเครื่องฟามิคอม หรือแฟมิลี่ สังเกตจากชื่อมันมีคำว่าซุปเปอร์เพิ่มขึ้นมา ฟังแล้วคล้ายร่างสุดยอด เหมือนเป็นซุปเปอร์ไซย่า พอมีคำว่าซุปเปอร์ดูอลังขึ้นมาทันที ทำเอาเด็กที่มีเครื่องแฟมิลี่ดูกากแบบไม่ตั้งใจ 

แต่สำหรับราคาเครื่องซุปเปอร์สำหรับผม มันไม่ได้เป็นมิตรเหมือนเครื่องแฟมิลี่ครับ  แพงชิบหาย แพงตั้งแต่เครื่อง  ยันเงาตลับเกม 

จะไปขอให้ผู้ใหญ่ซื้อให้ เค้าก็มองแบบคลาสสิคว่า เครื่องเก่ามันพังแล้วเหรอถึงต้องซื้อใหม่ อืม แลดูกูเป็นเด็กสิ้นเปลืองอีก 

เรื่องซื้อเครื่องเกมนี่ ผมเคยบอกไปแล้วครับ ในรายบ้านฐานะร่ำรวยไม่ใช่ปัญหาเลย พ่อแม่เค้ารู้งาน แต่ในรายฐานะปานกลางลงไปถึงล่าง อดแน่นอน แต่วิกฤติก็ยังเป็นโอกาสเสมอ นี่คือโอกาสที่เราจะได้เปิดซิงเข้าร้านเกมเป็นครั้งแรก 

แน่นอนว่า ความทรงจำแรกของเครื่องซุปเปอร์กับผม เราพบรักกันในร้านเกม เป็นร้านป้าตกแต่งแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน เน้นอากาศถ่ายเทสะดวก แอร์ไม่มี ทีวี 14 นิ้ว ตั้งรองรับลูกค้าแค่ 2 เครื่องเท่านั้น คิดเอาละกันว่าศึกแย่งชิงหนองน้ำจะเจ้มจ้นขนาดไหน ช่วงนั้นบอกเลยจะเปิดกี่ร้าน มีกี่เครื่อง เต็มแม่งทุกเครื่อง 

ยุคนั้นผมไม่แปลกใจเลยที่เด็กทั้งประเทศจะถวิลหาเครื่องซุปเปอร์อย่างรุนแรงขนาดนั้น เอาแค่กราฟฟิกเทียบกับแฟมิลี่ต่างกันเหมือนตุ๊กกี้กับญาญ่า โดยเฉพาะเกมสตรีทไฟเตอร์ 2 ที่แทบจะถอดแบบมาจากเกมตู้เลยทีเดียว ช่วงเปิดตัวคนเล่นสตรีทเยอะมาก สันนิษฐานเอาว่าน่าจะเป็นพวกที่กากจากเล่นเกมตู้ หนีมาเช่าเล่นรู้สึกจะคุ้มกว่า 

ไหนจะตัวเครื่องที่แค่ดูก็รู้เลยว่าแพงแน่ จะใหญ่ไปไหน ยิ่งในร้านเกม ติดหัวโปรอ่านแผ่นแล้วยิ่งแบบ… อืม รูปทรงมึงนี่ห่างไกลความเป็นเครื่องเกมไปเรื่อย ๆ ละ ดูเหมือนเครื่องมือแพทย์  หรือกล่องพลังงานนาซ่าอะไรสักอย่าง 






มาดูจอยเครื่องซุปเปอร์ นี่เลย ภูมิใจนำเสนอกับปุ่ม Y X A B สีสันสดใส และครั้งแรกที่เราได้รู้จักปุ่ม L และ R ที่ไม่ได้อยู่ตรงหน้าจอย แต่หนีไปอยู่แถวๆ ขอบจอย

ปุ่ม R ยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ปุ่ม L นี่ผมไม่เคยมีความสุขกับมันเลย เสือกมาอยู่ด้านเดียวทำไมกับคอนโทรลซ้ายขวา มีปัญหากับการกดมึงมาก เอื้อมนิ้วไปกดทีไร หลุดบังคับทุกที จะให้ใช้มือขวาเอื้อมมาช่วยกดท่าก็ทุเรศมาก เพราะเอาจริงมันออกแบบมาให้ใช้นิ้วซ้าย อืม หรือสงสัยเราจะกากเอง 

ตอนโหลดเกมนี่ก็ประทับใจ เปี่ยมไปด้วยความลุ้นระทึก ในร้านเกมไม่มีใครเล่นตลับกันนะครับ หัวโปรอ่านแผ่นเอเท่านั้น พวกเราก็รู้อยู่ ว่าการพึ่งพาแผ่นเอมันระทึกขนาดไหน ในรายเกมที่ความจุแผ่นเดียว หรือ 2 แผ่นยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้า 4 แผ่นขึ้นไปเมื่อไหร่เตรียมพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เลย ส่วนใหญ่ชอบไปหักมุมเอาแผ่นสุดท้าย คือเสียเวลาโหลดมาทำไมตั้งสิบกว่านาที พอเล่นไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนเกม จ่ายเต็ม ชม. ได้เล่นจริงๆ แค่ครึ่งเดียว 

แต่ถึงจะอัพเกรดฟามิคอมเป็นซุปเปอร์ ก็ไม่ได้หมายความว่าเกมที่ฮิตถล่มทลายจากเครื่องฟามิคอมอย่างมาริโอ้ หรือคอนทร้า เมื่อถูกอัพเกรดให้ภาพดูอลังการขึ้น จาก 8 เป็น 16 บิท จะฮิตตามไปด้วย
คาดว่าเกมเมอร์คงเบื่อหน้าตาหนวดกับพี่แรมโบ้ซะแล้ว

ยุคซุปเปอร์เค้าก็จะมีเกมฮิตเซ็ทของเค้าครับ กับฟีลลิ่งที่เราคุ้นเคย เกมไหนฮิตพวกเราก็ระดมเล่นกันทั้งร้าน ถ้าเดินเข้าร้านมาเห็นคนเล่นเกมเดียวกัน 4-5 เครื่องก็มั่นใจได้เลยว่าเกมนี้สนุกแน่นอน ดังเช่นเกมพวกนี้ 





เพอร์เฟค อีเลฟเว่น….. ถ้าวินนิ่งคือตำนานของเครื่องเพลย์ โคตรเหง้าของวินนิ่งก็เกมนี้แหละ นี่อาจจะเป็นเกมฟุตบอลที่ดีที่สุดของเครื่องซุปเปอร์ละ การบังคับเหมือนวินนิ่งเป๊ะ แต่เล่นจริงไม่หลอกหลอนเท่าวินนิ่ง แถมหลายคนบ่นว่าบังคับยาก ไม่รู้ว่ายากหรือกากเอง แต่เพอร์เฟคถือว่าได้ใจสายฟุตบอลเต็ม ๆ 





สตรีทไฟเตอร์…… เกมนี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก หลายคนเริ่มตามล่าเครื่องซุปเปอร์เพราะอยากเล่นเกมนี้แหละ ถึงแม้เล่นจริงจะวนเวียนตัวละครอยู่แค่ริวกับเคนเท่านั้น คือปล่อยอะบู้ให้นิ้วพอง เอาให้ตายห่ากันไปข้างนึงเลย 





มาริโอ้คาร์ท….. หรือมาริโอ้แข่งรถ เปิดมิติใหม่ของพี่หนวด ในที่สุดเราก็ได้หลุดพ้นจากการเลือกได้แค่มาริโอ้กับหลุยส์สักที น้ำตาจะไหล แน่นอนรถที่ฮิตสุดในเกมนี้คือ น้องเห็ด น้องเต่า เจ้าหญิง คุปป้า ยอชชี่ คือฮิตหมดทุกตัวยกเว้นพี่หนวดทั้งสอง เกมนี้สนุกโคตรครับ แต่ไม่ได้สนุกที่แข่งรถกันนะ สนุกตรงที่เอาไอเท็มมาแกล้งกันนี่แหละ เกมแข่งรถบ้าอะไรโคตรจิตเลย 





บอมเบอร์แมน…. นี่ก็ฮิตมาก เป็นเกมที่มาลงเครื่องซุปเปอร์แล้วเหมือนได้เกิดใหม่ ตอนอยู่แฟมิลี่ยังกะเกมลูกเมียน้อยคนที่สิบสี่ จืดชืดสิ้นดี แต่พอมาซุปเปอร์คนละเรื่องกันเลย ฮิตสุดชี้เป้าไปที่ภาค 3 โหมดแบทเทิ่ล ภาพจำคือมีจิงโจ้หลายสีให้ขี่เล่น ประกอบกับไอเท็มดรอปง่าย ลดแลกแจกแถมกระจุย แถมใครตายเร็วก็ไม่ต้องนั่งรอ ไปเป็นวิญญาณแกล้งเพื่อนอยู่ริมจออีก เรียกว่าเป็นเกมที่เล่นให้ตายยังไงก็ไม่เครียด ขนาดได้ที่โหล่ตลอดยังแฮปปี้ 








ร็อคแมนเอ็กซ์….. ถึงเกมนี้จะเป็นเกมที่เล่นคนเดียว แต่คนมุงเยอะขอบอก เพราะใครเล่นเก่งจะดูเท่มาก เพราะตัวเกมมันเท่นะ เหมือนเอาร็อคแมนจืดๆ มาตีบวกสิบทั้งตัว ธีมเกมก็เป็นเมคานิกส์เต็มรูปแบบ แต่เริ่มเกมมาน้ำตาจะไหล หลอดพลังชีวิตน้อยสัด ไม่พอยาไส้ โอ้โห…. แล้วฉากมึงจะให้กระโดดอะไรนักหนา พอเพิ่มสกิลไต่กำแพงได้ แดชกระโดดได้ ทำฉากมาให้โดดยิกเลย เดี๋ยวโดด เดี๋ยวโดด เพราะงั้นอย่าแปลกใจถ้าบางร้านจะมีคนยึดติด อยากเอาชนะให้ได้ พวกกองเชียร์ก็นั่งลุ้น ให้กำลังใจ ยังกะเชียร์ไทยไปบอลโลก 






ถึงแม้ยุคเครื่องซุปเปอร์แฟมิคอมจะไม่พีคเวอร์ถึงขั้นถล่มทลาย แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นความคลาสสิคของร้านเกม  ที่ผมยอมรับว่าลืมไม่ลง 

ช่วงที่คำว่าร้านเกมเริ่มเข้ามาผูกพันกับชีวิต มันดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญที่ยุคนึง พวกเราเล่นเกมกันที่บ้านอยู่ดี ๆ แล้วก็มีเครื่องเกมนึงเข้ามา ซึ่งราคาสูงจนซื้อไม่ไหว ต้องออกเดินทางหาร้านเช่าเล่น ได้เจอเพื่อนที่ไม่คุ้นหน้า ได้เจอเซียนเกมที่เก่งเวอร์ ได้เจอประสบการณ์ดี ๆ หลายอย่างในร้านเกม 

มันดูเหมือนบังเอิญ แต่ผมกลับมองว่ามันอาจถูกกำหนดไว้แล้วก็ได้ ว่านี่คือการเดินทางของคนเล่นเกมอย่างพวกเรานี่แหละ......



วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ลูกตัวร้าย กับขุ่นนายหม่อมแม่

(ต้นฉบับปี 2557)



คุณแม่ผมนี่นะครับ ถือว่าจัดเป็นผู้สนับสนุนหลักการติดเกมอย่างไม่เป็นทางการ  และไม่เต็มใจจะสนับสนุนด้วย  จนทุกวันนี้ก็ยังไม่สนับสนุนอยู่   แต่ก็อดถอนหายใจไม่ได้ว่าลูกตัวดีของเค้าก็ผ่านช่วงนั้นมาได้แล้ว ได้เรียนจบกลับมาทำงานทำการ  เป็นผู้เป็นคนกับเค้าซะที 


อืม..... ว่าแต่พอพูดถึงเรื่องติดผมติดเกมเมื่อก่อน แกถอนหายใจแรงมาก  ลูกชายอย่างผมก็แอบสะดุ้งเล็กน้อยถึงปานกลาง




จะว่าไปถ้าคนเป็นแม่หลาย ๆ บ้านจะไม่ชอบเด็กติดเกม มันก็ไม่แปลกหรอกครับ   ตอนเด็กผู้ร่วมปฏิบัติการผมโคตรเยอะจะตาย   แถมโตมาก็เปลี่ยนเจเนอเรชั่นไปเรื่อย   เรียกว่าสร้างปัญหาให้ไม่รู้จักหยุดหย่อน  


เรื่องติดเกมนี่ก่อปัญหาสารพัดในบ้านครับ หัวอกแม่หลายคนทนไม่ไหว   แทบจะประกาศศัตรูระดับฆ่าล้างจักรวาลกับไอ้เครื่องเกมทั้งหลายเลยทีเดียว  เพราะอะไร ?




ข้อแรกเลยครับ เพราะแม่ (ส่วนใหญ่) ไม่ได้เล่นเกม เพราะงั้นท่านไม่เข้าใจหรอกครับ  ว่าทำไมพวกเราต้องเล่นกันมืดฟ้ามัวดินขนาดนั้น ทั้งที่จริง ๆ  ระดับความไร้สาระมันก็ไม่ได้ทิ้งห่างอะไรกับที่แม่ดูละครจิกหัวตบล้างน้ำ  แย่งผัว   รัวกระสุน  อะไรประมาณนี้แหละ  ลูกหลายคนก็ไม่เข้าใจว่ามันสนุกกว่าโดเรม่อน ดิจิม่อน ตรงไหน แต่ก็ไม่ได้เดินไปถาม

ลูก ๆ อย่างเราจะรู้ครับ  ว่าเล่นเกมกับใครก็ไม่มันส์เท่าเล่นกับเพื่อน อย่าว่าแต่เล่นเกมกับพ่อแม่เลยครับ  อย่างผมนี่เล่นกับญาติผู้ใหญ่ก็ไม่ใช่แล้ว  มันอึดอัด  มันปลดปล่อยได้แต่ก็ไม่เต็มที่  ยังไงเราก็ต้องคีปลุคต่อหน้าผู้ใหญ่อยู่แล้ว  
เราอยากเกรียน  อยากหลอนนนน  อยากตะโกนคำว่าไอ้อ่อนนนนนน  ไอ้กากกกก  

แต่มันทำไม่ได้เว้ย  ถ้าทำ.... นอกจากจะโดนมองแบบติดลบแล้ว ยังสะเทือนไปถึงค่าขนมรายเดือนอีกต่างหาก   เพราะงั้นเรื่องนี้ถึงไปด้วยกันไม่ได้  โลกเราไม่ได้สวยงามขนาดนั้น

เพราะงั้นสิ่งที่ผมเคยชิน  จึงกลายเป็นโมเมนท์แม่เดินมาปิดเกม หรือไม่ก็เอาไม้มาไล่ฟาด  พร้อมกับประโยคคลาสสิกว่า  


“เมื่อไหร่จะไปกินข้าวซะที แกงจืดเย็นหมดแล้ว” 



แล้วลูกชายก็วิ่งหูตูบ ล้อฟรี หนีแม่กันไป แต่แบบนี้มันก็คลาสสิกดีเหมือนกัน เพราะลึก ๆ ผมก็คงไม่อยากให้แม่ติดเกมอ่ะ  ให้แกเป็นด้านตรงข้ามแบบนี้แหละดีแล้ว




และข้อสอง ซึ่งถือว่าฮิตที่สุดและมาตรฐานที่สุดในสามโลก นั่นคือการติดเกมทำให้เสียการเรียน 


ซึ่งพูดกันในแง่ความเป็นจริง  แต่ไม่มีงานวิจัยอะไรมารองรับนะ  ความรู้สึกล้วน ๆ เลย  เด็กเรียนห่วยอ่ะ ยังไงมันก็ห่วยอ่ะ จริง ๆ .... ผมกับผองเพื่อนยืนยันได้เลย  การติดเกมไม่ได้ทำให้โง่วิชาการ  หรือสมองการเรียนรู้น้อยลงนะ

แต่มันไม่ได้เข้าหัวกบาลตั้งแต่แรกแล้ว

สาบานอยู่ในห้องเรียนผมก็ไม่ได้เอาหนังสือเกมมานั่งอ่านตลอดเวลา   หรือแอบ ๆ คุยเรื่องเกม  หรือเอาเกมบอยพอตเก็ตมานั่งกดเล่น ไม่มีหรอกครับ  ผมก็นั่งเรียนตามปกตินี่แหละ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เหม่อบ้าง หิวบ้าง คิดเรื่องลามกบ้าง สารพัด  


คนจะเรียนห่วยมันมีหลายปัจจัยนะ  ไม่ใช่แค่เกมหรอก ขนาดตอนสอบโดนบังคับให้อ่านหนังสือก็ยังสอบไม่ได้เลย 

บางคนเก็งข้อสอบมาอย่างดี  เฮ้ย  ข้อนี้ออกแน่ ครูก็ย้ำนักหนาเลยว่าตรงนี้ออกแน่ ท่องเลยนักเรียน  ปรากฏว่าออกจริง แต่แม่งออก 3 ข้อจาก 60 ข้อ ต่อให้ท่องได้ อีก 57 ข้อกูก็ต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ดี

สรุปคือพวกติดเกมน่ะ มันไม่ใช่สายเรียนอยู่แล้ว เกมมันมาทีหลังครับ พวกเรามีควายเป็นทุนอยู่ก่อนแล้ว

แต่ถ้าจะเอาให้ติดเกมจนเสียการเรียนจริง ๆ ต้องถึงขั้นหนีเรียนจนไม่มีสิทธิ์สอบ โดนไล่ออก นั่นแหละถึงเรียกเสียจริง ๆ 


ถ้าสอบตกนี่ยังไม่ใช่นะ คนไม่ติดเกมก็สอบตกได้ ได้เกรดห่วยได้ เรื่องปกติ




ข้อสาม อันนี้ผมว่าหัวอกแม่เจ็บสุด นั่นคือเรื่องเงินทอง 


แต่ข้อนี้เอาจริง ๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น  ถ้าเงินที่เอาไปทุ่มเทให้มันเป็นวงเงินค่าขนมของเราอยู่แล้ว   อันนี้เราเลือกจะเดือดร้อนเอง

ผมเคยบอกว่า สมัยเรียนค่าขนมวันนึงผมเอาไปกินจริง ๆ ได้แค่ข้าวเหนียวหมูห่อเดียว  กับยำยำจ๊างน้อย นอกนั้นหายไปกับเล่นเกมหมด

คือไม่ใช่ต้องจ่ายค่าเล่นเกมเพิ่ม แต่จะเล่นไม่เล่นค่าขนมมันก็เท่าเดิมทุกวันอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่าก็มีแอบขอค่ารายงานเกินบ้าง ตอดเล็กตอดน้อยอะไรแบบนี้ พวกที่เกินมาแบบนี้ไม่ใช่ละครับ ก็ต้องยอมรับผิดครับ ไม่ดีจริง ๆ น่ะแหละ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง




มาถึงข้อสี่ การเล่นเกมทำให้เพิ่มประชากรแปลกหน้าในบ้าน  


อันนี้แม่เซ็งครับ มันก็ไม่ถึงกับเป็นความผิดอะไรมาก แต่ผมก็เข้าใจแม่ในฐานะเจ้าของบ้าน  ถ้ามาคนเดียวไม่เท่าไหร่ แต่บางบ้านนี่แม่งมายังกะบอยแบนด์  มากัน 5-6 คน 

ถ้าเป็นร้านเกม เจ้าของร้านโคตรแฮปปี้  แต่นี่มันเป็นบ้านคน แล้วไม่รู้ทำไมเว้ย ถ้ามากันกลุ่มใหญ่ ๆ มันต้องมีไอ้อ้วนติดมาด้วยคนนึงเสมอ ไม่ใช่อ้วนน่ารักนะครับ อ้วนสายแดกอ่ะ จริง ๆ ไม่ต้องอ้วนหรอก พวกสายแดกนี่มีทุกกลุ่มอยู่แล้ว  

พวกนี้ขุ่นแม่บอกภัยสังคมในบ้านเลยลูกเอ้ย   เผลอเมื่อไหร่หาจังหวะเปิดตู้เย็นตลอด ไอ้พวกเล่นก็จัดหนักไป ถึงเวลากลับก็ทิ้งซากไว้ตรึม อันนี้แม่ก็ไม่แน่ใจว่าพวกหนูมาเล่นเกม   หรือจะมาพังบ้านกูกันแน่ จัดหนักจนหายอยากแล้วจากไป



โอเค  แค่ 4 ข้อก็ซึ้งไปถึงทรวง ไอ้ผมตอนเด็กนี่หนักกว่านั้นอีก มีแถมไปสร้างตำนานหนีเรียน 1 เดือน ทุกวันนี้ครูใหญ่ยังพูดถึงให้เด็กรุ่นหลังฟังอยู่เลย  พร้อมมโนเสร็จสรรพว่าป่านนี้คงไปเสียคนที่ไหน..... อืม ก็เสียคนอยู่บนแผงนิตยสารเกมใกล้บ้านพี่น่ะแหละ  


หนีเรียนยังไม่พอ มีแอบขโมยเงิน ขโมยของห้างมาขาย ทะเลาะวิวาท   ก็เรียกว่าเลวเต็มรูปแบบ HD Master กันเลยทีเดียว ขาดแต่ยาเสพติดที่ไม่เล่นจริงๆ เท่านั้น (สาธุ....)

ผมเชื่อว่าตัวผมเองเนี่ย ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นคนเดียวในประเทศที่มีชีวิตแบบนี้ โดยเฉพาะผู้ชายนี่ตัวแสบเลย แต่ละคนก็อัพสเตตัสในช่วงนั้นไม่เหมือนกัน สายเกม สายแว๊นซ์ สายเที่ยวหญิง โอเคผมนี่อยู่สายเกมแน่นอน 


ตอนนี้ผมมองที่ผ่านมาว่าเป็นประสบการณ์ แต่ถามว่าผมภูมิใจกับมันมั้ย 

ครึ่ง ๆ ครับ  ครึ่งนึงผมก็ภูมิใจที่ประคองตัวเองจนผ่านมาได้  แต่อีกครึ่งหนึ่งก็ละอายใจครับ  ที่ทำให้แม่เดือดร้อน  ไม่สบายใจ

ผมลองคิดกลับกันด้วยซ้ำว่า ถ้าผมมีลูก แล้วลูกเป็นแบบนี้ เรามีความสุขไหม  ก็คงไม่

คนเราบางทีมันก็แพ้ต่อความต้องการของตัวเองนะ เราอยากทำอะไร เราก็ต้องทำให้ได้ จนลืมคิดไปว่า ยังมีคนที่มองเราจากข้างหลังอยู่ และเป็นคนที่รักเรามากที่สุดด้วย 


โมเม้นท์ผมกับร้านเกมนี่ เต็มสูบครับ แต่กับแม่นี่จำได้แต่ขอตังค์ กับห้องฝ่ายปกครอง  มันทุเรศบัดซบจนแบบ.... รับไมได้อ่ะ

แต่ผมก็ลูกผู้ชายคนนึงครับ  ทำผิดได้  ก็ต้องรับผิดชอบได้ 


ทุกวันนี้ผมก็เหมือนเป็นช่วงชดใช้กรรมยังไงไม่รู้ ต้องเป็นคนจ่ายค่าขนมให้แม่ ทำงานเลี้ยงแม่ เกมก็ไม่ค่อยได้เล่น 

เรียกว่าตอนนี้กรรมตามสนองเลย  เข้าใจทุกอย่างเลยว่าการที่ต้องหาเลี้ยงดูแลใครสักคนมันเหนื่อยแค่ไหน

แต่ผมก็ยินดีที่จะทำแบบนี้ไปตลอดชีวิต  เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมีเวลาทำแบบนี้ให้ท่านอีกนานแค่ไหน   จากนี้ก็จะดูแลท่านให้ดีที่สุด เรียกว่าจะติดแม่  ให้เท่ากับที่เคยติดเกม..... ไม่สิ จะติดให้มากกว่าด้วยซ้ำ 


คิดดูแล้ววันนี้ก็ตลกดี  ตอนเด็กลูกเอาเงินแม่ไปเล่นเกม

ทุกวันนี้ลูกเขียนคอลัมน์ลงหนังสือเกม เอาเงินมาให้แม่ซะงั้น


สุดท้ายมันก็ยังวน ๆ  อยู่กับเรื่องเกมนี่แหละน้อ  แม่ลูกบ้านนี้.....