(ต้นฉบับวันที่ 9 ม.ค. 2556)
กราบสวัสดีท่านผู้อ่าน ผู้ที่อยู่ข้างๆ ผู้ที่กำลังอ่าน ผู้ที่ควักเงินซื้อวีคลี่ฉบับนี้ด้วยตัวเอง และผู้ที่แกะห่อยืนอ่านฟรี ผู้ที่ยืมเพื่อนอ่าน และผู้ที่มามุงดูอีกหลายๆ คน และใครอีกก็ไม่รู้ในรอบรัศมี 10 เมตร ที่วัดจากหนังสือฉบับนี้เป็นจุดศูนย์กลาง
ไม่รู้จะสวัสดีทำไมมากมายขนาดนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกนะครับ แบบว่าหม่อมแม่เกรียนกัญญาท่านสอนมาดี สอนให้แสดงมารยาทดีงามกับคนที่มีอุปการะ และจงเกรียนใส่คนแปลกหน้าเท่าที่จะทำได้
นี่คือคอลัมน์ใหม่ล่าสัตว์เลยทีเดียว “เกรียน กรึ่ม กรึ่ม” เราจะปลุกความเกรียนในตัวคุณออกมา ไม่ต้องออกมาสุดครับ ออกมาแค่กรึ่ม กรึ่ม ก็พอ เจ้าของเดียวกับ Ro ซอกหลืบ คอลัมน์ที่มียอดก๊อปปี้แป่ะลงเว็บบอร์ดสูงปรี๊ดที่สุดในสยามประเทศ เครดิตอะไรก็ไม่ให้ เกรียนก็อปเกรียนก็งี้แหละครับ เจริญพรญาติโยมกันไป
พูดถึงคำว่าเกรียน ในฐานะที่เป็นรุ่นบุกเบิก เอาคำนี้มาใช้เล่นใหม่ๆ แรงบันดาลใจอะไรไม่มีหรอกครับ บังเอิญผมกับเพื่อนจะไปเล่นแรคในร้านเกม ป้าเจ้าของร้านก็บอกว่า น้องต่อเครื่องนี้นะ เครื่องนี้เวลาจะหมดแล้ว เหลืออีก 10 นาที...... อ่ะ ไอ้เราก็รอนะครับ 10 นาที เดินเหล่สก๊อยหน้าร้าน ซื้อกล้วยแขกป้างุงิ ยืนหล่อท้าดินฟ้าลมฝน จนครบ 10 นาที
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
........................
อ้าว เฮ้ย...... ไอ้เด็กนี่ท่าจะอยากไฟ๊ย์ ในใจผมเอาละ ไอ้นี่เริ่มมาละ ได้.... อยากวัดใจผู้ใหญ่ใจดี ความอดทนพี่น่ะมีเยอะ ให้รออีกครึ่ง ชม. ก็ได้ จัดไป เอ็งลุกมาเมื่อไหร่พ่อจะฝังรากจนถึงเช้า ผ่านไปอีกครึ่ง ชม.
“ครบแล้วจ๊ะหนู....!!!” เสียงป้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
อ๊ะ ไอ้นี่...... อะไรของมัน!!!! นี่ตรูต้องรออีกใช่มั้ยเนี่ย
“ครบแล้วจ๊ะหนู....!!!”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
“เฮ้ยยยย!!!! เอ็งจะต่อจนถึงเช้าเลยรึไงฟะ!!!”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
อ๊ะ ไอ้นี่...... อะไรของมัน!!!! นี่ตรูต้องรออีกใช่มั้ยเนี่ย
“ครบแล้วจ๊ะหนู....!!!”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
“เฮ้ยยยย!!!! เอ็งจะต่อจนถึงเช้าเลยรึไงฟะ!!!”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
“ต่ออีกครึ่ง ชม. คร๊าพพพพ”
“อย่าอยู่เล้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ไม่ตบมอนส์แล้ว ตบไอ้หัวเกรียนนี่แหละ!!!!!”
โอ้โห..... มายากลอะไรของแก โชว์เสกเหรียญสิบเหรอ มาจากไหนเรื่อยๆ วะ แล้วทำไมจะเล่นเท่าไหร่ไม่บอกไปเลย จะให้ความหวังทำไมเรื่อยๆ มันเจ็บนะว้อย เห็นเครื่องอื่นเล่นยาวๆ ไม่เจ็บเท่าไอ้เครื่องนี้ บัดซบจริงๆ
ไอ้เราก็เหลือเกิน รอไปได้ยังไงวะ ตั้ง 2 ชม. ง่าวแท้
ตั้งแต่วันนั้นนะครับ เอาไปเล่าให้ใครฟัง ไม่รู้จะแทนชื่อไอ้เด็กนรกนี่ยังไง ก็เลยแทนด้วยคำว่าเกรียน ตั้งแต่บัดนั้นสืบมา และตั้งแต่ยุคนั้นจนถึงยุคนี้ ประเทศไทยเราก็ได้พัฒนาบุคลาเกรียนออกสู่ตลาดประเทศ จนถึงตลาดโลก เกรียนกันเองก็มี เกรียนกับอาเซียนด้วยกันก็มี บางคนโกอินเตอร์ไปเกรียนกับฝรั่งมาแล้ว อนาคตกำลังรอเกรียนกับเอเลี่ยนต่างดาว
ดั่งคำขวัญที่มิตรสหายท่านหนึ่งตั้งไว้ว่า “เกรียนไทยจะไปเกรียนโลก เกรียนหัวโปกไปเกรียนจักรวาล”
เค้าว่ากันว่านะครับ คนประเภทเดียวกันจะดึงดูดซึ่งกันและกัน ผมเคยไปตรวจสุขภาพมา นายแพทย์สุกฤษฏ์ วิเศษแก้ว เจาะเลือดผมแล้วบอกว่า “คุณไนท์ คุณมีเชื้อเกรียนอยู่ในร่างกายถึง 70%”
โอพระเจ้าดาวนาเม็ก......... พี่ชาย บ้าจัง เจาะเลือดแล้วก็บอกเลยเนี่ยนะ ไม่ซับเลือดให้ด้วย เกือบตาย
ความเกรียนนี่นะครับ ผมว่ามันมีอยู่ในร่างกายทุกคน จะมากน้อยเท่านั้นเอง บางคนเป็นตอนเด็ก หายตอนโต บางคนมาเกรียนเอาตอนเป็นผู้ใหญ่ บางคนเกรียนเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เด็ก แต่ก็คิดว่ามีไม่น้อยที่เกรียนหนักๆ ตั้งแต่เด็ก แล้วไม่ได้โต โดนกระทืบตายก่อน
ถ้านึกถึงคนที่เกรียนหนักๆ ตั้งแต่ตอนเด็ก ผมจะนึกถึง “ไอ้แจ่ม” ผมยกให้เป็นเกรียนคนแรกในชีวิตที่ผมรู้จัก แจ่มในวัย 12 ขวบ เป็นเด็กตัวอวบๆ ผิวขาว หัวเหลี่ยม หน้าตาดี และที่ขาดไม่ได้ หัวเกรียน แจ่มเป็นเด็กที่มีความมั่นใจสูงเกินไอคิว คือไม่รู้ว่าต่อมมั่นใจมันโตกว่าชาวบ้านรึยังไง จะหยิบจับทำอะไรก็ดูมั่นใจไปหมด ให้เล่นบาสครั้งแรกมันก็ชู๊ต 3 แต้มเลย ไม่หัดเบสิกอะไรทั้งนั้น ให้เล่นปิงปองมันก็ตบปลิวไปไหนก็ไม่รู้ ให้จีบหญิงมันก็เล่นข้ามรุ่นไปจีบพี่ ม.3 เลย พอทำท่าจะจีบติดเค้าก็เรียนจบพอดี อดเลยสมน้ำหน้ามัน
มันมั่นใจไปซะทุกเรื่อง แน่นอนยกเว้นเรื่องเรียน เป็นเรื่องที่ไม่มั่นใจ แต่ก็ไม่เครียด เรียนเอาผ่าน สอบเอาขำ เน้นได้ทำมากกว่าทำได้ ผมรุ้จักมันครั้งแรกในร้านเกม จู่ๆ มันก็มาขอเล่นด้วย รู้จักกันก็ไม่รู้จัก มันบอกว่าผมเล่นคนเดียวไปไม่รอดหรอก เรามาช่วยกันสู้ดีกว่า ว่าแล้วมันก็หยอดเหรียญเข้ามาช่วยสู้ โดยไม่ได้มองเลยว่ากำลังเล่นเกมไฟท์ติ้งอยู่ เลยกลายเป็นสู้กันเองซะงั้น
“อ้าวเจ้สสส ไหงกลายเป็นสู้กันเองล่ะนี่”
อ่ะนะ..... แล้วทำไมพ่อเจ้าประคุณรุนช่องไม่ถามก่อนล่ะครับ โว้ย
อ่ะนะ..... แล้วทำไมพ่อเจ้าประคุณรุนช่องไม่ถามก่อนล่ะครับ โว้ย
คุณเคยเห็นคนเล่นเกมไม่เป็นแต่ความมั่นใจสูงมั้ยครับ คือใจน่ะเกินล้าน แต่เทคนิคเป็นศูนย์ คุณต้องเคยเห็นตามห้างแน่ พวกที่ตบๆ จอยป้าบ!! ป้าบ ป้าบ ตบแรงๆ เหมือนมีความแค้นระดับล้างโคตรอะไรกันมาสักอย่าง ไม่รู้ไอ้จอยเกมนี่มันไปฉี่รดตู้กับข้าวบ้านมันมารึยังไง เทคนิคแบบนี้ เต็มที่ก็แค่เกือบชนะครับ ที่เกือบนี่คือออกไปทางสงสาร ยอมอ่อยให้ซะมากกว่า อ่อยให้เพื่อสร้างความสูสี และผูกมิตรภาพระหว่างคนสองคน บางทีอ่อยเกิน เกิดแพ้ขึ้นมาจริงๆ ก็มี
แต่เกมที่ไอ้แจ่มโปรดปรานจริงๆ ก็คือ พวกเกมยิงปืน ประเภทยิงผี ยิงซอมบี้ ถามว่ามันเล่นเก่งไหม ไม่เก่ง ไม่เก่งเลย แต่ท่ามันได้ มันบอกผมว่า ในเกมจะเล่นห่วยแค่ไหนช่างหัวมัน แต่เวลายกปืนขึ้นมาอย่าตก!!! เน้น!! โดนฆ่าตั้งแต่ฉากแรกยังไม่ทุเรศเท่าปืนตก
“พี่..... พี่คิดดูนะ หญิงอ่ะพี่ หญิงคอนแวนต์มองอยู่อ่ะ ปืนตกนี่ไม่กรี๊ดเลยนะ มันดูอ่อนแอ ปกป้องเค้าไม่ได้”
“เอ็งไปรู้จักเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เฮ้ย เดี๋ยวก็รู้จักเองแหละ” นั่น มันจะมั่นใจไปไหน......
มาพูดถึงวีรเวร วีรกรรมเด็ดของไอ้แจ่ม ยกให้เป็นไฮไลท์ในชีวิตได้เลย ผมเชื่อว่าถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ มันก็น่าจะเอาไปเล่าให้ลูกหลานมันฟังแน่ ว่าครั้งหนึ่งในชีวิต
“มันเคยปิดร้านเกมมาแล้ว”
ใช่ มันเคยเป็นลูกจ้างร้านเกม พอร้านปิดมันก็ต้องปิดร้าน ปิดประตูใส่กุญแจ ทุ๊ย....!!!! จะตลกทำไม ไม่ใช่!! มันเคยปิดร้านเกมจริงๆ ด้วยเหตุที่ว่า ร้านเกมร้านนั้น ค่าชม. มันแพงเกินไป
เมื่อก่อนตอน Ps1 เข้ามาใหม่ๆ ร้านไหนนำเข้ามานี่คิดค่า ชม. แพงโคตรเหง้าเลยนะครับ ชม.ละ 40 นี่ก็ถือว่าแพงมาก แต่ร้านที่บอกว่าเกินไปจริงๆนี่ ชม.ละ 60.- ไอ้แจ่มเลยต้องสวมบทผู้พิทักษ์คุณธรรม ขูดรีดกันแบบนี้ ปิดร้านเกมม่างเลย!!!!
“แล้วแกจะปิดร้านเค้ายังไง”
“พี่.... เปิดฝา ผมจะถุยน้ำลายลงไปที่หัวอ่าน ผมถุยลงเครื่องไหน เจ๊งทุกเครื่อง”
แล้วมันก็ทำจริงๆ คือใจผมก็หมั่นไส้เจ้าของร้านด้วยแหละ ว่ามันจะแพงไปไหน ตูนี่ค่าขนมวันละ 80 เล่นร้านแก ชม. นึงก็แทบจะขุดไส้เดือนกินแทนข้าว โอเค ผมก็ชั่วเลย ตูเปิด เอ็งถุย ตูเปิด เอ็งถุย......... จัดไปครบทุกเครื่อง ก่อนที่เราทั้งสองจะกระโดดออกมานอกร้านอย่างมีความสุข ร้านแกพังแล้ว ห้า ห้า ห้า บวก
วันต่อมา ไอ้แจ่มออกไปตามผลงาน เจ้าของร้านปิดร้านเรียบร้อยแล้วครับพี่ เจอน้ำลายวิเศษเข้าไป ผ่านไปอีก 2 วัน ผมเดินผ่านร้านเดิมอีกที กลับมาเปิดปกติเหมือนเดิม........
ไปสอบถามเจ้าของร้านบอกว่า ปิดร้านไปเที่ยวทะเลมา
ผมก็ไมได้บอกไอ้แจ่มมันนะ ทุกวันนี้มันก็น่าจะยังเชื่อว่า ตัวเองใช้น้ำลายวิเศษปิดร้านเกมได้จริงๆ
ผมเคยถามตัวเองเหมือนกันนะว่า คนเล่นเกมมันต้องเกรียนแบบนี้เหมือนกันทุกคนหรือเปล่า แต่จะว่าไปผมก็ยังไม่เคยเห็นใครเล่นเกมแบบเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ กรีดนิ้วจับจอยอย่างสวยงาม ยังไม่เคยเจอ
โอเค ฉบับหน้าเรามาหาคำตอบกันดีกว่า หม่อมแม่เกรียนกัญญาเรียกไปกินมาม่าแล้ว อาทิตย์หน้าเรามาเกรียนกันต่อ.......