วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน จัดวางถูกที่ ชีวีมีสุข


(ต้นฉบับปี 2556)

    

วันนี้มาพูดเรื่องสุขภาพของคนเล่นเกมอย่างพวกเรากันบ้างนะ

เนื่องจากขณะที่กำลังเขียนคอลัมน์อยู่ตอนนี้ ผมป่วยเป็นโรคนิ้วล็อค กับเอ็นข้อมืออักเสบ จะว่าไปมันก็เป็นโรคของคนที่วันๆ ต้องขลุกอยู่กับหน้าคอมอยู่แล้ว จะเกิดสะสมอาการจนอักเสบขึ้นมาจริงๆ มันก็ไม่แปลก



แต่ที่เซ็งก็คือ พอเพื่อนๆ รู้ว่าเอ็นข้อมืออักเสบ เสือกคิดไปว่าผมหักโหมกับน้องโรล่า ทาคิซาว่า มากเกินไป ซึ่งไม่จริง


ต้องเป็นอิเมริ อิจิโนเสะ ต่างหาก....


จะบ้าเหรอ ป่วยจากทำงานว้อย!! ไม่ใช่ทำร้ายตัวเอง


ซึ่งสาเหตุของอาการอักเสบ หมอสันนิษฐานว่าเกิดจากการจัดวางองค์ประกอบโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกสัดส่วน ที่ถูกสัดส่วนจริงๆ ทั้งเม้าส์และคีย์บอร์ดต้องอยู่ขนานกับข้อศอก และต้องอยู่ในระยะที่ไม่ต้องเอื้อมมือไปข้างหน้าจนเกินไป 



ซึ่งโต๊ะผมนี่จัดได้ถูกต้องครับ แต่วิธีจับเม้าส์ผมเสือกผิด


การจับเม้าส์ที่ถูกต้อง ต้องใช้กาวดักนะครับ ป๊าดดด..... ป่วยแล้วยังตลกได้อีก เก่งจุงเบยผู้ชายคนนี้ เข้าเรื่องเหอะ การจับที่ถูกต้อง ต้องไม่ใช่การจับครับ แค่เอามือไปวางไว้เฉยๆ นิ้วชี้วางที่ปุ่มคลิกซ้าย นิ้วกลางไว้ปุ่มคลิก นิ้วที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ และเวลาขยับเม้าส์ให้ใช้วิธีกดเล็กน้อยแล้วลากมือ ไม่ใช่จับบีบแล้วลาก



พวกที่ชอบบีบเม้าส์บ่อยๆ ใส่อารมณ์มากๆ เวลาเล่นเกม สักวันจะป่วยแบบผมนี่แหละครับ เพราะมันจะทำให้เส้นประสาทข้อมือต้องเกร็งโดยใช่เหตุ 


ถ้ารู้ตอนนี้รีบปรับพฤติกรรมด่วนเลยครับ เตือนด้วยความหวังดี ชายไทยใช้ข้อมือหักโหมอยู่แล้วครับ ตั้งแต่ทำงาน ยันก่อนนอน...... อืม ผมหมายถึงแปรงฟัน


แต่จะว่าไปนะครับ ไอ้การจัดวางเครื่องเกมเครื่องคอมเนี่ย จะมีเกรียนสักกี่คนที่ใส่ใจ แปลกนะตั้งแต่เล็กจนโตเวลาซื้อเครื่องเกมมา ขอให้มีที่วางได้ก็พอ แทบจะไม่สนเลยว่าเวลานั่งจะเสียบุคลิกมั้ย จะปวดหลังมั้ย 



ผมนี่สัมผัสมาแล้วตั้งแต่จนสัสๆ ยันรวยสุดๆ รู้เลยว่าเรื่องการจัดวางนี่มันทำให้เกิดความแตกต่างจริงๆ ก็เพิ่งมาสังเกตตอนโตนี่แหละ


ลองนึกย้อนไปนะครับ ลองนึกย้อนไปในวัยเด็ก


เริ่มจากสามัญสุดๆ คือวางที่พื้น ทุกอย่างวางอยู่ที่พื้นหมดเลย ทีวี เครื่อง ไอ้คนเล่นด้วย เป็นการจัดวางแบบเท่าเทียมและเสมอภาคกันอย่างที่สุด ข้อดีของมันคือฟรีสไตล์ ไม่มีการบังคับท่านั่ง จะเหยียดจะยอง จะนอนเลยก็ได้ ตะแคงกับหมอนสามเหลี่ยมก็สวยงาม แลดูอนุรักษ์ความเป็นไทย จะห้ามแค่อย่างเดียวคือยืน ยืนปั๊บยกเครื่องลอยฟ้าเลย พังกันพอดี 



ซึ่งตัวผมเองก็ผ่านมาแล้ว ขอบอกว่าท่าที่นั่งสบายที่สุดคือนั่งยกเข่า เพราะเมื่อยน้อยสุด แถมไม่ปวดหลังด้วย เอามือวางบนเข่าแทนโต๊ะได้เลย ใครนั่งพื้นเล่นบ่อยๆ ลองเอาไปใช้ดูได้


อย่าคิดว่านอนเล่นจะสบาย ขอบอกเลยว่านั่นน่ะท่าปวดหลังตัวดีเลย


ถัดมาเป็นลำดับ การจัดวางแบบต่อไป ตัวยังอยู่ที่พื้น แต่เครื่องและทีวีอยู่บนชั้นวางทีวี หรือโต๊ะเล็ก อันนี้อารมณ์การเล่นยังเหมือนเดิม แต่ภาพพจน์ดูมีการศึกษาขึ้นมาหน่อย  ไอ้วางพื้นหมดเลยนี่ก็สถุลย์เกินไป กิจกรรมที่เหมาะสำหรับวางพื้นที่สุดขอให้เป็นแค่เล่นไพ่ก็พอ 



ข้อดีที่เพิ่มมาข้อเดียวของมันก็คือ ยืนเล่นได้ สำหรับพวกแอคเยอะ เพราะเครื่องไม่ลอย แต่ถ้าเยอะมากก็กระชากหล่นมาได้ง่ายๆ เหมือนกัน ถ้าเพื่อนคนไหนทำ แนะนำให้เจ้าของเครื่องตบด้วยสันจอยเบาๆ พอหัวแตก เป็นการสั่งสอนเบื้องต้น หรือตบจนกว่าจะหายแอคขาดได้ตามอัธยาศัย


ถัดมาอีก การจัดวางแบบนี้ถือเป็นของหาดูยากนะครับ สมัยนี้ไม่มีแน่นอน มันคือการนั่งเก้าอี้ซักผ้าเล่นเกมกัน ผมไปเจอที่ต่างจังหวัด เล่นกันในครัวเลย ทีวีเครื่องเกมวางบนชั้นวางกับข้าว ชั้นถัดมานี่ยังเป็นหอมแดง กระเทียม กะปิพริกแกงอยู่เลย เขร้.....คลาสสิคชิบหาย 



ซึ่งวิธีเก็บรักษาเครื่องเกมนี่ง่ายๆ เลยครับ เอาฝาชีครอบ ครอบไปพร้อมๆ กับน้ำพริกกะปิเลย ถือเป็นผลพลอยได้ร่วมกันไป ส่วนพวกตลับเกม แผ่นเกมก็ลงตะกร้าพริกไป ก็ไม่มีอะไรจะพูดมากมายครับ นอกจากถือเป็นบุญตาจริงๆ ที่ได้เห็น


ต่อมา อันนี้ถือว่าเป็นการจัดวางแบบมาตรฐาน ที่ใช้กันทุกบ้านและทุกร้านเกม นั่นคือโต๊ะหนึ่งตัวครับ เก้าอี้อีก 2 ตัว จะเป็นเก้าอี้กลม หรือเก้าอี้พลาสติกอะไรก็ว่าไป 



ที่ผมบอกว่าแบบมาตรฐาน ก็เพราะว่า....... เพราะว่า มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละครับ อืม ตอบซะง่ายเลย ก็ไม่รู้จะเอาเหตุผลวิชาการอะไรมาอ้างอิง


เอางี้ ถามว่าถ้าคุณเปิดร้านเกม คุณจะให้ลูกค้านั่งพื้นมั้ย เห็นมั้ยครับว่าไม่ได้ นั่งพื้นจะคลาสสิคไปไหน ใช้คำว่าคลาสสิคเรี่ยราดตลอด


เอาเป็นว่าการจัดวางแบบนี้ได้ภาพพจน์ที่ดีครับ ถึงแม้ว่าระหว่างเล่นจะมียกขา กระชากจอย ลุกขึ้นกระโดดโลดเต้น หรือต่อยกันบ้างก็ตาม เพราะมันเป็น..... มาตรฐานครับ จบ


โอเค มาถึงไฮโซสไตล์กันบ้าง มันจะคล้ายๆ แบบเมื่อกี้นะครับ แต่จะเก้าอี้นี่แบบ โซฟามาเลย นุ่มสบาย เหมือนหลังถูกดูดลงไปติดกับเบาะ ผ่อนคลายสบายชิบหาย ฮะฮ่า เราพร้อมที่จะเล่นได้ทั้งวันทั้งคืน



อย่าแปลกใจ ถ้าร้านเกมแบบนี้จะมีแพคเกจเหมาจ่ายทั้งวัน เพราะมันพร้อมจะโดนสะกดจิตให้เล่นติดลมได้เป็นวันจริงๆ บางคนนอนมันตรงนั้นเลยก็มี ตื่นมาหาอะไรกิน แล้วก็เล่นต่อ


ส่วนตัวผมเองเคยสัมผัสในบ้านคนรวยมาแล้ว เครื่องเกมวางโต๊ะรับแขก รอบๆ นี่โซฟากับอาร์มแชร์ทั้งนั้น นุ่มมาก ทิ้งตัวลงไปยวบอ่ะ เฮ้ย มันคนละฟีลกับนั่งกอดเข่าเล่นที่บ้านเลย มันดูมีชาติตระกูลมาก นั่งยาว นั่งนานกันแบบไม่เกรงใจเจ้าของบ้านเลย


การได้ผ่อนคลายทั้งตัวแล้วเล่นเกมไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีเหน็ดเหนื่อยนี่มันเป็นอะไรที่ฟินมากๆ ครับ หิวก็ไม่หิวด้วยนะ หน้าท้องมันพับลงไปเลย อืม ตอนนั้นให้เล่นจนเป็นง่อยก็ยอม


ซึ่งความไฮโซสไตล์นี้นะ ถัดมาอีกมันก็ยังไม่จบไม่สิ้น ผมนึกว่ามันจะหยุดแค่โซฟาสุดนุ่ม ที่ไหนได้ ตั้งแต่เกมออนไลน์เริ่มยึดครองโลก เราก็ได้เจอกับเก้าอี้โซฟาแบบปรับเอนได้!!! 



นี่มัน!! นี่มัน!!! สุดยอดเก้าอี้เล่นเกมชัดๆ!!!!! 


ถ้าโซฟาทำให้เล่นทั้งวันได้ ไอ้เก้าอี้แบบปรับนอนได้ก็คงอยู่ได้เป็นอาทิตย์อ่ะ ไม่ต้องกลับบ้านกลับช่องกันแล้ว เออ แปลกนะ แล้วช่วงนั้นคนก็เล่นเกมหักโหมจริงๆ สงสัยอุปกรณ์มันเป็นใจด้วยแหละ


แต่ถามว่าเกมผิดมั้ย อืม..... เกมผิดตลอด ช่างคลาสสิกจริงๆ คำนี้


ผมว่ามีไม่กี่คนหรอกครับ ที่จะใส่ใจกับเรื่ององค์ประกอบการจัดวางเครื่องเกม โต๊ะวางเครื่องเกม เก้าอี้นั่ง ขนาดผมเองเล่นจนปวดหลัง ปวดแขนก็ยังไม่เคยเอ่ะใจนึกถึงตรงนี้เลย



แต่ก็เพราะพวกเราส่วนใหญ่ปล่อยเลยตามเลยกันนี่แหละ ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่กันถึงบอกว่า พวกติดเกมจะบุคลิกไม่ค่อยดี นั่งตัวไม่ตรงบ้าง หลังค่อม ชอบยื่นหน้าไปหาจอ คอเอียง อะไรพวกนี้ ถามว่าเราแคร์มั้ย ก็ไม่แคร์อีกน่ะแหละ ตัวละครในจอตูเทพเป็นพอ


อะไรปรับได้ก็ปรับดีกว่าครับ เพราะเรื่องบางเรื่อง เราก็ควรใส่ใจบ้างจริงๆ ยิ่งโตแล้วยิ่งต้องใส่ใจเลย เรื่องสุขภาพไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมองว่าไม่สำคัญ


ถ้าเตือนแล้วไม่เชื่อ ดูผมเป็นตัวอย่างนี่ ตอนนี้พิมพ์ไปเกร็งมือชาไป ทรมานชิบหาย....... ถ้าหายแล้วคิดว่าคงเข็ดไปอีกนาน




วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ ตอน เกมทศกรำ



(ต้นฉบับปี 2547)

(รายการเปิด ไฟสว่าง เสียงดนตรีขึ้น ผู้ชมเฮรับพิธีกร)

ไนท์หนุ่ม : สวัสดีคร้าบท่านผู้ชม (ยกมือไหว้) 

เจอกันอีกแล้วนะครับกับกระผม “ไนท์หนุ่ม” ผู้ดำเนินรายการแห่งซอกหลืบเจ้าเดิม 

และนี่ก็คือรายการ “เกมทศกรำ..!!”   เกมที่เล่นง่ายๆ เพียงแค่คุณสามารถทายว่าใบหน้าของบุคคลที่อยู่ในแผ่นป้ายนั้นเป็นใคร

ทายครบ10แผ่นป้าย รับไปเลย!! บัตรแรค10ปี!! อยากได้กันล่ะสิ ไอ้พวกยาจกทั้งหลาย เช็ดน้ำลายกันหน่อย เอาล่ะครับ วันนี้เรามีผู้เข้าแข่งขัน2ท่าน หนึ่งในสองนี้อาจจะเป็นผู้ที่ได้บัตรแรคในตำนานนี้ไปครอบครองก็ได้ 

คนแรกครับ สาวสวยวัยจ้าบติดนอ “น้องส้มปี้ดดด..!!” 

ส้มปี้ด : สวัสดีค่าา…!! ส้มปี้ด มาแล้วค่ะ!!

ไนท์หนุ่ม : วันนี้มีความมั่นใจแค่ไหนครับ

ส้มปี้ด : มั่นใจมากค่ะ เอ่อ… พี่คะ หนูหวังว่าคงไม่เจอไอ้เด็กนรกนั่นอีกนะค่ะ คราวที่แล้วทะเลาะกะมันออกวิทยุยังหลอนไม่หายเลยอ่ะคะ ไปโรงเรียนเพื่อนๆก็ล้อกันใหญ่ว่าหนูเป็นแฟนกะมัน หยะแหยง

ไนท์หนุ่ม : งั้นพี่ก็ขอแสดงความเสียใจกับน้องส้มปี้ดอีกครั้งนึงนะครับ เพราะคู่แข่งขันของน้องก็คือ….

ส้มปี้ด : ไม่ ไม่ ไม่จริง..!!

ไนท์หนุ่ม : ไอ้มนัส….


(เสียงเฮลั่นห้องส่ง… ทันทีที่มนัสเดินออกมา)


มนัส : เหอะๆ หวัดดี เราชื่อมนัส กัดเคลือบพิษ ชื่อในเกมชื่อ…

“วิสาจ!!” (เสียงผู้ชมในห้องส่งพูดพร้อมกัน)

ไนท์หนุ่ม : มันมีแฟนคลับตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย


ส้มปี้ด : ก กะ.. แก!! ไอ้เชื้อโรค!! แกมาอยู่ที่นี่ได้ไง!! แกมาทำบ้าอะไรที่นี่!!

มนัส : แหม… ก็ของรางวัลมันล่อตาล่อใจซะขนาดนี้… เอ รู้สึกว่าเมื่อกี้เธอบอกว่าอยากเป็นแฟนกะเราเหรอ

ส้มปี้ด : กรี๊ดด!! ไอ้บ้า..!! ใครเค้าจะอยากเป็นแฟนกะแกวะ อย่างแกให้ฟรีแถมเงินค่าเลี้ยงดูอีก10ล้าน ชั้นยังไม่เอาเลย..

ไนท์หนุ่ม : เอ่อ… น้องครับ จะเล่นเกมได้ยังอ่ะครับ ทะเลาะกันเหมือนกระรอกอยู่ได้

ส้มปี้ด : ไม่ต้องเล่นมันแล้วค่ะพี่ไนท์ เอาบัตรมาให้หนูเลยดีกว่า ถ้าคนหยั่งไอ้เชื้อโรคนี่ได้ไป มันก็จะเอาไปเล่นเกมต่ออ่ะคะ บ้านช่องก็ไม่กลับ เรียนก็ไม่เรียน โง่ก็โง่ ในหัวมันมีแต่เกมๆๆๆๆๆ กะขี้เลื่อย…!!

ไนท์หนุ่ม : โห… น้องส้มไปว่าเค้ายังงั้นก็ไม่ถูกนะครับ น้องมนัสเค้าฉลาดจะตาย ถ้าไม่เชื่อเดี๋ยวพี่ทดสอบให้ดู หนึ่งบวกหนึ่ง เท่ากับ!!

มนัส : สี่!!

ไนท์หนุ่ม : เห็นมั้ยครับ ฉลาดยังกับกระต่ายเลย

ส้มปี้ด : สุดสมเพสเลยอ่ะค่ะ หนูจะลดตัวลงไปแข่งเกมกะมันซักหน่อยก็ได้

ไนท์หนุ่ม : งั้นเรามาเริ่มแข่งขันเกมกันเลยดีกว่านะครับ ผมจะยกแผ่นป้ายที่เป็นใบหน้าของตัวละครที่อยู่ในเกมแรคนาร็อคขึ้นมา1แผ่นป้าย ให้สลับกันตอบนะครับ 

ถ้าตอบผิด อีกฝ่ายจะเล่นภาพต่อไป ถ้าตอบไม่ได้ มีสิทธิ์ที่จะโยนให้อีกฝ่ายเล่นนะครับ ใครตอบถูกครบ10ป้าย ก็รับไปเลยครับ บัตรแรค10ปี!! ตกลงตามนี้นะครับ


มนัส : ครับ!!

ส้มปี้ด : ค่ะ!!

ไนท์หนุ่ม : โอเคครับ!! งั้นเรามาเริ่มแข่งเกม”ทศกรำ” กันเลย น้องมนัสจะได้เริ่มเล่นก่อนนะครับ




(รูปกบแดง)


มนัส : โอ้… หมูๆ

ไนท์หนุ่ม : (ตะโกนพร้อมกับชี้ไปที่น้องมนัส) ผิดครับ!! คำตอบคือ “กบแดง” นะครับ ไม่ใช่หมู

มนัส : เฮ้ย..!! ตะ ตูยังไม่ได้ตอบเลย อะไรวะ!!

ส้มปี้ด : ว้ายยย!! โง่จัง นี่แกเคยเล่นแรครึเปล่าเนี่ย โง๊ โง่!!

มนัส : ก… ก็ยังไม่ได้ตอบนี่หว่า นี่เล่นกันถึงขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย จำไว้เลย…!!

ไนท์หนุ่ม : คราวนี้ตาน้องส้มปี้ดตอบบ้างแล้วนะครับ




(รูปโพริ่ง)


ส้มปี้ด : เอ่อ… อืม… (เอามือก่ายหน้าผาก) โห…

มนัส : เอ่อ… โทษนะครับ!! เฮ้ย มันมีอะไรให้เธอเครียดวะเนี่ย หา!! ยัยส้มเน่า!! อย่าบอกว่าไม่รู้จักไอ้นี่นะเว้ย!!

ส้มปี้ด : เงียบไปเลยไอ้เชื้อโรค!! รู้เฟ้ย!! แต่ไม่ค่อยแน่ใจตะหาก

ไนท์หนุ่ม : ตกลงจะเอาไงครับ จะตอบมั้ย เวลาจะหมดแล้วนะครับ

ส้มปี้ด : เอ่อ… คือหนูไม่มั่นใจอ่ะคะ ขอโยนละกัน

ไนท์หนุ่ม : ตกลงโยนให้น้องมนัสเล่นนะครับ

มนัส : อ้าว… แบบนี้ก็เสร็จโจร ผมขอตอบครับ!! ตอบว่า โพริ่ง!!


ไนท์หนุ่ม : (ตะโกนพร้อมกับชี้ไปที่น้องมนัส) ผิดครับ!! คำตอบที่ถูกต้องคือ “โพริ่งสุรเดช” ครับ ตอบผิดอีกแล้วนะครับ


มนัส : เฮ้ย..!! อะไรวะ ไอ้โพริ่งนี่มันมีชื่อจริงด้วยเหรอฟะเนี่ย

ไนท์หนุ่ม : มีสิครับ ใครๆเค้าก็รู้จักทั้งนั้นแหละ

ส้มปี้ด : คือหนูลังเลระหว่าง โพริ่งสุรเดชกับโพริ่งสุรพลอ่ะคะ ทีแรกก็กะจะตอบสุรเดชแล้ว

มนัส : ไอ้บ้าที่ไหนไปตั้งชื่อให้มันวะ..!!

ไนท์หนุ่ม : น้องส้มปี้ดจะได้เล่นต่อนะครับ เอาล่ะครับ!! ภาพต่อไป!! (ยกป้ายขึ้นมา)




(รูปคาฟร่า)




ส้มปี้ด : หยา.. เจอภาพยากอีกแล้ว

มนัส : อย่าบอกนะว่ายัยนี่ก็มีชื่อจริงเหมือนไอ้โพริ่งนั่นด้วย

ไนท์หนุ่ม : ไม่แน่นะครับ

มนัส : แล้วตูจะรู้จักมั้ยวะเนี่ย..!!

ส้มปี้ด : ไม่แน่ใจอีกแล้วอ่ะคะ จะตอบดีมั้ยเนี่ย…

มนัส : เฮ้ย…!! ไม่ต้องโยนมานะเว้ย

ส้มปี้ด : ขอโยนละกันค่ะ!!


ไนท์หนุ่ม : โอกาสเป็นของน้องมนัสอีกครั้งแล้วนะครับ ตอบให้ถูกนะน้อง..!!


มนัส : เอาเว้ย..!! เดาก็เดาวะ หน้ายังงี้ต้องชื่อ “ฉวีผ่อง!!” แน่ๆ

ไนท์หนุ่ม : (ตะโกนพร้อมกับชี้ไปที่น้องมนัส) ผิดครับ!! คำตอบที่ถูกต้องคือ พนักงานคาฟร่า!! นะครับ

เอ่อ คุณน้องมนัสครับ… ไม่ทราบว่า ไอ้ฉวีผ่องเนี่ย ญาติใครเหรอ นี่น้องบ้าแรคจริงรึเปล่าครับเนี่ย

ส้มปี้ด : อ๋อ… พนักงานคาฟร่านี่เอง ทีแรกว่าจะตอบว่าคาฟร่าเฉยๆแล้ว แต่กลัวผิด

ไนท์หนุ่ม : เอ่อ… ก็คิดว่าเป็นชื่อของยัยนี่อ่ะ แล้วไหง…

ส้มปี้ด : แล้วแกไปตั้งชื่อให้เค้าทำไม!! บ้ารึเปล่าเนี่ย หา..!!

มนัส : ก็ทีไอ้โพริ่งนั่นมันยังมีชื่อเลย!! แล้วทำไม…

ไนท์หนุ่ม : นั่นมันชื่อเฉพาะนะครับน้อง!! น้องต้องเข้าใจ….

มนัส : ไม่เข้าใจเว้ย..!!

ส้มปี้ด : หวาย… อันธพาล!! น้องๆที่ดูอยู่อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะค่ะ นี่เป็นผลข้างเคียงจากการเล่นเกมมากๆ แล้วจะเป็นคนก้าวร้าว..!!






ไนท์หนุ่ม : ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครตอบถูกกันเลยนะครับ ยังเสมอกันอยู่ที่ศูนย์คะแนน แต่น้องส้มปี้ดจะได้เล่นต่ออีกครั้งนะครับ..!!



(รูปมนัส)


มนัส : เฮ้ย…!! นี่มันรูปสมาชิกF4

ส้มปี้ด : โห… ไอ้นี่!! เป็นขยะมนุษย์ โสโครก คบไม่ได้ สมองขี้เลื่อย หน้าด้าน เหลวไหล ใจปลาซิว

มนัส : นี่เธอ… ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ

ส้มปี้ด : ทุเรศ อุบาทว์ ชาติกระรอก อยู่ไปก็หนักแผ่นดิน มีแต่คนรังเกียจ ส่วนเกินของสังคม

มนัส : เฮ้ย.. ตอบได้แล้ว….

ส้มปี้ด : เป็นมะเร็งของมนุษย์ชาติ เป็นเชื้อโรค.. อี๋!! หยะแหยงอ่ะค่ะ ไม่อยากตอบแล้ว ขอโยนดีกว่าค่ะ!!


ไนท์หนุ่ม : เอาล่ะครับ โอกาสตกเป็นของน้องมนัสอีกครั้งแล้วนะครับ ตอบให้ถูกนะครับ


มนัส : คนๆนี้ เขาคือผู้ชายที่เพอร์เฟคที่สุดในประเทศ ขอตอบว่า มนัส กัดเคลือบพิษ!! ผู้เป็นแฟนของส้มปี้ด



ส้มปี้ด : กรี๊ดดดดด…… ไอ้บ้า…!! ไอ้ ไอ้ ใครเป็นแฟนแกวะ…!! ไอ้เชื้อโรค!! ไอ้ชักโครก!!



มนัส : อ้าว… เธอไม่ได้ชอบเราเหรอ เมื่อกี้เห็นพูดชมเราตั้งหลายอย่าง ที่เธอโยนให้เราตอบเพราะว่าเขินที่จะพูดชื่อเราใช่ม้า…. อิอิ

ส้มปี้ด : กรี๊ดดดดด…… ฮืออ… พี่ไนท์!! พูดอะไรหน่อยสิค่ะ เป็นพิธีกรไม่ใช่เหรอ..!!

ไนท์หนุ่ม : (ตะโกนพร้อมกับชี้ไปที่น้องมนัส) ถูกกกต้องคร้าบบบบ!!


ส้มปี้ด : กรี๊ดดดดด……!! กรี๊ดดดดด……!!

มนัส : หึๆ สะใจจิงๆ

ส้มปี้ด : ฮือ…ๆ พรุ่งนี้หนูต้องโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อแน่ๆเลย

มนัส : ตรู๊ด… (รับโทรศัพท์) โหล… อะไรนะ!! บอสออกแล้วเหรอ.. เออๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ (พูดจบก็วิ่งออกไปจากห้องส่ง)

ไนท์หนุ่ม : อ้าว… นั่นน้องจะไปไหนอ่ะครับ ไม่เล่นเกมต่อแล้วเหรอ

มนัส : (หันมา) จะรีบไปฆ่าบอส!! ฝากดูแลแฟนผมด้วย…!!

ส้มปี้ด : กรี๊ดดดดด……!! กรี๊ดดดดด……!! ไอ้ ไอ้ ฮือออ… แง๊ๆๆๆๆ!!!

ไนท์หนุ่ม : โอ๋ๆๆ น้องอย่าร้องไห้สิครับ สิ่งที่เสียไปแล้วก็ให้มันเสียไป

ส้มปี้ด : ฮือออ… แง๊ๆๆๆๆ


ไนท์หนุ่ม : เฮ้อ… งั้นสงสัยผมต้องปิดรายการแต่เพียงเท่านี้แล้วล่ะครับ ส่วนบัตรแรค 10ปี ก็คงต้องเก็บไว้แจกในรายการหน้าแล้วล่ะครับ ผมขอลาแล้วล่ะครับ สวัสดีครับ…





(จากนั้นไฟก็ค่อยๆหรี่มืดลง… มีเพียงหญิงสาวที่กะลังร้องไห้กระซิกๆเท่านั้นที่เป็นเงาลางๆ)


วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ร้อยแปดวิธีแหกบ้าน


(ต้นฉบับปี 2556)



ขึ้นชื่อว่าร้านเกม  คำแรกที่แว่บเข้ามาในหัวของบรรดาผู้ปกครองผู้ไม่เคยจับจอยคำนั้นก็คือ “แหล่งมั่วสุม”


"มั่วสุม" คืออะไร มันคงเป็นการไปสุมหัวทำอะไรมั่วๆ สักอย่างที่ไม่มีสาระ  แต่หลังจากที่ผมได้ไปสัมผัสมาเอง  



น่าจะใช้คำว่า “แหล่งสุมเกรียน” มากกว่า ร้านบ้าอะไร เข้าไปมีแต่ทรงนักเรียนเต็มไปหมด


การขอแม่ออกไปเล่นเกม ถือเป็นปัญหาระดับชาติสำหรับเด็กไทย หลายบ้านยอมลงทุนแก้ปัญหาด้วยการซื้อเกมมาให้เล่นที่บ้าน  แต่ถึงลงทุนขนาดนี้  หลายคนก็ยังติดออกไปเล่นนอกบ้านอยู่ก็มี



ตรงนี้ผมเข้าใจกันนะ  ว่าบางเกมมันต้องเล่นที่ร้านครับถึงจะได้ฟีล


ซึ่งทางแก้ถ้าจะเอาจริงๆ มีแค่ทางเดียวเท่านั้นครับ คือเอาบ้านมาเปิดร้านเกมซะเลย  เท่านี้ลูกๆ ของท่านก็ไม่ต้องขอไปร้านเกมแล้ว อืม มีเงินอย่างเดียวทำไม่ได้นะวิธีนี้ ต้องฉลาดหลักแหลมด้วย  ฉลาดจุงเบย


ซึ่งปัญหานี้ครับ มันก็ลุกลามไปทั่วทุกบ้าน ผมนี่ก็เคยเป็นผู้ประสบภัยหมายเลข 1 เลยทีเดียว   จะขอออกไปเล่นเกมนี่แทบจะคลานเข่าเข้าไป  มันไม่ง่ายเลยที่จะได้ออกไป (ต้องทำนิ้วจีบๆ ด้วย....มันไม่ง่ายเลย)



เพราะมันต้องยื่นเรื่องถึง 2 ด่าน ด่านแรกคือขอออกไปเล่น...... 


ด่านแรกว่ายากแล้ว ด่าน 2 ยากกว่า ต้องขอทุนทรัพย์ออกไปเล่นด้วย 


บางครั้งด่านแรกกว่าจะขอได้แทบอ๊วกเป็นเลือด เรื่องขอตังค์นี่เลิกคิดไปได้เลย  ไปยืนดูเค้าเล่นเฉยๆ ก็ได้


ลองคิดดูนะครับ ถ้าเราเด็กไทยต้องไฟว้กันแบบตรงไปตรงมาทุกวันแบบนี้ ความอบอุ่นของครอบครัวมันจะอยู่ที่ไหน 



เชื่อเหอะวันไหนพ่อแม่เกิดเหนื่อยใจ ยอมให้ไปง่ายๆ พวกเราก็ไม่ยอมไปอีกน่ะแหละ พอบอก "งั้นไปสิลูก เล่นให้สนุกนะ"  ไอ้ลูกได้ยินปั๊บรีบวิ่งไปต้มข้าวต้มหลังบ้านให้แม่เฉยเลย นึกว่าแม่ไม่สบาย เกิดกตัญญูขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลซะอย่างนั้น


ไม่ไหวครับ เรื่องแบบนี้มันต้องมีครึ่งทาง เราต้องสบายใจกันทั้ง 2 ฝ่าย  เพราะงั้นเมื่อถึงจุดๆ นี้  กลวิธีแหกบ้านเหล่านี้จึงต้องถือกำเนิดขึ้นมา  เรื่องชั่วช้าผมชอบนำเสนออยู่แล้ว


เริ่มจากวิธีโคตรเบสิก “ออกไปทำรายงาน” 



อืม...... คำแรกที่พุ่งเข้ามาในหัวคือ “คลาสสิค” โคตรๆ  วิธีนี้ไม่ต้องให้ใครสอนด้วย มันจะออกมาโดยสัญชาติญาณ มันจะได้ประโยชน์ 2 เด้ง 


นั่นคือเด้งแรกได้ออกไปแน่ๆ เพราะเพื่อการศึกษา ส่วนเด้งที่ 2 เราสามารถเบิกค่าทำรายงานได้ 


แต่ปัญหาหลังจากนี้ก็คือ ตอนกลับบ้าน เราจะเอารายงานที่ไหนมาให้เค้าดู


บางคนฉลาด เตรียมรายงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้วรอไว้ก่อนเลย แต่บางคนก็เสือกลืมดูว่าเคยส่งไปแล้ว ยื่นให้แม่ดูน้ำตาแทบไหล ทำเสร็จแล้ววิ่งไปส่งครูเลยเหรอลูก ขยันจุงเบย..... 



ป๊าบ!!! ป๊าบ!!! โดนซะ 2 ดอก


ถ้าจะให้โกหกทั้งดุ้นแบบนี้ผมไม่แนะนำดีกว่า  


แนะนำให้ไปทำรายงานจริงๆ น่ะแหละ หายไปสัก 2 ชม. ไปเล่นซะ 1 อีก ชม. นึงไปทำรายงานก็ได้ ไม่ต้องเสร็จหรอก ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น กลับบ้านก็เอามาให้แม่ดู แบบนี้เจอกันครึ่งทาง ยังดูดีกว่า


หรืออีกวิธีนึง วิธีนี้สอง อันนี้ก็เนียน ตอนเด็กๆ ผมใช้บ่อยกว่าทำรายงานอีก เพราะรายงานพอมันใช้บ่อยแล้วมันดูขยันแปลกๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนไม่ใช่ลูกตัวเอง



เปลี่ยนครับ ให้เป็น “ขอออกไปกินข้าว” 


ให้บรรยายสรรพคุณร้านไปเลยว่าทำไมมื้อนี้ถึงกินข้าวบ้านไม่ได้ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวโอกาสได้ออกไปจะสูงมาก และอาจต้องรับภาระซื้อมาฝากคนทั้งบ้านด้วย


บอกไปเลยต้มยำหมูร้านนี้เป็นหมูป่าบราซิล ใส่ถั่วงอกกลับหัวได้อะไรก็ว่าไป และแน่นอนเราจะได้ตังค์มาด้วย อันนี้ถึงจะตอแหลแต่ก็แฟร์มาก เอาค่าข้าวนี่แหละแลกค่าเกม


เอาไปเล่นเกมแล้วอดข้าว ต้องอดทนครับ ลูกผู้ชายไม่เอาเปรียบใคร สมมติได้มา 30 เอาไปเล่นซะ 20 อีก 10 ซื้อลูกชิ้นประทังท้องก็ได้ 


อ้อ ตรงนี้สำคัญมาก ให้บอกไปเลยว่าร้านนี้คนเยอะ รอนานหน่อย เพราะเราหายไปตั้ง ชม. ไง เกิดมีใครในบ้านสงสัยออกไปตามที่ร้านข้าวไม่เจอล่ะฮาเลย แล้วยิ่งไปเจอกำลังกดจอยยิกๆ ในร้านนี่ยิ่งฮาเข้าไปใหญ่ โดนลากกลับมาบ้านได้รู้ว่านรกมีจริงแน่นอน...... 


อืม ไม่ใช่อะไร เคยโดนมาแล้ว แหม่ ประมาทไปหน่อย (แต่คิดๆ ดูมันก็สมควรโดน แมนหน่อย อย่าบ่น)


เรื่องเรียนก็แล้ว เรื่องกินก็แล้ว ลองเอาเรื่องเที่ยวดูบ้างมั้ย 



วัดใจไปเลย เที่ยวกับเล่นเกมสำหรับผู้ใหญ่ไร้สาระพอๆ กัน แต่แปลกแต่จริง บางบ้านขอออกไปเล่นเกม ใช้งบแค่ 20-30 บาท ไม่ให้!! แต่พอขอออกไปเที่ยวใช้งบ 100-200 ดันอนุญาตซะอย่างนั้น!!! 


ซึ่งระหว่างทางไปเที่ยว เราสามารถแวะเล่นเกมด้วยก็ได้ แต่เชื่อเหอะว่า ขอไปเที่ยวอ่ะนานๆ ครั้งถึงจะได้ผล แถมคนขอต้องเป็นเด็กความประพฤติดีโคตรๆ ด้วย 


โอเค งั้นเกรียนๆ อย่างเราก็ข้ามไปเถอะ เห็นประโยชน์ของการตั้งใจเรียนรึยัง


“ไปเตะบอล!!!” 



ลองหันมาทางกีฬาบ้าง ขึ้นชื่อว่าเด็กเล่นกีฬาไม่มีครอบครัวไหนที่ไม่สนับสนุน แล้วจะเอาตังค์จากไหน ก็แน่นอน ก็ต้องขอเพื่อเอาไปซื้อลูกบอล 


ซึ่งเด็กติดเกมทั้งหลายอาจต้องลงทุนใส่รองเท้าผ้าใบ ทำตัวฟิตเต็มที่ก่อนจะไปขอทุนสนับสนุนทางกีฬา ฟุตบอลดูจะของ่ายสุด อย่ากระแด่ะขอไปเล่นฮอคกี้น้ำแข็ง หรือโปโลน้ำเด็ดขาด


ถึงแม้ถ้าเกิดปาฏิหาริย์เค้าเชื่อขึ้นมา อาจได้งบหลักร้อยถึงพัน แต่ต้องแลกด้วยการใส่ชุดฮอคกี้ไปนั่งกดเกม มันก็ไฮคลาสไป


เอาเป็นว่าผมใช้วิธีนี้ค่อนข้างเนียน เพราะจำได้ว่าตอนกลับบ้านเล่นวิ่งมาเลย ถึงบ้านเหงื่อท่วม เพื่อสุขภาพแท้ๆ


“ลืมของ” 



กลับมาสู่วิธีเบสิกอีกครั้ง กับการลืมของไว้ที่โรงเรียน ถ้าคิดจะลืม มันต้องลืมแบบว่า ต้องมีค่าเดินทางด้วย และต้องลืมอะไรที่มันดูสำคัญๆ หน่อย 


ลืมปากกา ดินสอ ยางลบนี่อ้างให้ดูโง่เปล่าๆ เอาแบบที่ว่า ถ้าไม่รีบไปเอาตอนนี้ต้องมีคนตายแน่ๆ บอกว่างานกลุ่มก็ไม่เลว ดูทำเพื่อพวกพ้อง 


แต่ถึงจะเบสิกแต่วิธีนี้ก็ต้องทำเวลานิดนึง เพราะฟีลลิ่งมันต้องรีบไง แต่บางคนก็ดันแผนสูงกว่านั้น เล่นยาวๆ ไปเลยแล้วบอกหาของไม่เจอ กลับมาถึงบ้านก็แกล้งหาอีกที.... โอ๊ะ ที่แท้ก็อยู่ที่บ้านนี่เอง ช่างกล้าแท้  อืม..... ผมเองก็ยังไม่หน้าหนาขนาดนั้น 


แต่ยืนยันว่ามีคนเคยทำจริงๆ  ซึ่งก็ไม่รู้จะไปชื่นชมกับเรื่องพรรค์นี้ของมันทำไม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 


ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ ความชั่วสารพัดของผมที่เอามาแนะนำนั่นเอง ตอแหลเค้าไว้เยอะครับ มันไม่ดีจริงๆ ยอมรับ ที่เล่าๆ นี่ก็ปนละอายด้วย แต่ถ้าถามว่าแล้วเวรกรรมมันมีจริงไหม ตอบเลยครับว่ามีจริงๆ



ทุกวันนี้ผมทำงานแล้วครับ และกำลังโดนแม่เอาคืนอยู่ ทุกเดือนนี่ขอตังค์ยิกเลย ไม่รู้จะขอไปไหนนักหนา ถ้าให้รวมเงินเผลอๆ เยอะกว่าที่ผมผลาญของแกแล้วมั้งนั่นน่ะ 


แต่ก็ทำได้แค่บ่นครับ มันก็ต้องตามใจน่ะแหละ ถึงจะอย่างนั้นก็รักแกจะตาย


ทั้งหมดที่แนะนำนี้เอาแค่พองามนะครับ ยังไงก็อย่าหายไปบ่อยให้ทางบ้านเป็นห่วงล่ะ



นานๆ ทีปีละครั้งก็พอครับ ทุ้ย..... นี่ก็นานไปว้อย