(ต้นฉบับวันที่ 12 มีนาคม 2556)
ว่ากันว่า ความสามารถพิเศษของชาวเกรียนอย่างหนึ่งก็คือ หาเพื่อนง่าย พอๆ กับหาศัตรูสักคน
ว่ากันว่า ความสามารถพิเศษของชาวเกรียนอย่างหนึ่งก็คือ หาเพื่อนง่าย พอๆ กับหาศัตรูสักคน
เกรียนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้ากับคนได้ง่ายผิดปกติครับ การสร้างมนุษย์สัมพันธ์ของพวกเขานั้นง่ายมาก นั่นคือเข้าไปเกรียนใส่เลย ส่วนจะได้มิตรหรือได้ศัตรูนั้นก็อีกเรื่องนึง แล้วแต่ฟ้าดินจะประทาน
ว่ากันว่าอีกที เดี๋ยวนี้โลกของพวกเรานะครับ ตอนนี้มันถูกแบ่งออกเป็น 2 มิติอย่างชัดเจน นั่นคือออฟไลน์ กับออนไลน์ หรือเรียกง่ายๆ ก็ สังคมจริงๆ กับสังคมโซเชียล
แบ่งกันตามอายุเลย ถ้าแก่หงำเหงือกแล้วจะอยู่สังคมจริงๆ ครับ เพราะใช้เน็ตไม่เป็น ไวไฟสำหรับกลุ่มนี้ หมายถึงถังแก๊ส ไม่ใช่สัญญาญเน็ต ส่วนพวกที่ใช้เป็น ถือว่าแอ๊ปเด็กครับ รอดพ้นความแก่ไป
ช่วงกลางคน วัยทำงานนี่จะหนักออฟไลน์ จะออนไลน์ต่อเมื่อติดต่อเรื่องงาน ส่วนพวกวัยทำงานต้นๆ ก็จะแบ่งครึ่งๆ เลย เดี๋ยวทำงาน เดี๋ยวโซเชียล
ส่วนถ้าเป็นวัยรุ่นนี่ ไม่ต้องคิดครับ ตัวอย่างมีอยู่เกลื่อนโลก พ่อคุณแม่คุณจ้องแต่หน้าจอ จนตาจะเหลือกไปข้างนึงอยู่แล้ว
เมื่อก่อน การได้คุยอะไรกับใครสักคนโดยไม่เห็นหน้านี่ จัดว่าน่ากลัวเลยนะ อะไรที่มองไม่เห็นมักน่ากลัวเสมอ แต่เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องที่โคตรปกติมาก ให้คุยสวิงกิ้งเป็นกลุ่มๆ ก็ไม่มีปัญหา
เมื่อก่อน การได้คุยอะไรกับใครสักคนโดยไม่เห็นหน้านี่ จัดว่าน่ากลัวเลยนะ อะไรที่มองไม่เห็นมักน่ากลัวเสมอ แต่เดี๋ยวนี้เป็นเรื่องที่โคตรปกติมาก ให้คุยสวิงกิ้งเป็นกลุ่มๆ ก็ไม่มีปัญหา
เมื่อก่อนผมค่อนข้างปิดกันตัวเองมากนะกับเรื่องนี้ จำได้ว่าเล่นเกมออนไลน์ใหม่ๆ ไม่คุยกับใครเลย เดินก้มหน้าก้มตาเก็บเวลอย่างเนิร์ดๆ ใครเดินมาทัก ตูเดินหนี ใครทัก ตูเดินหนีเลย คาแรคเตอร์การ์ตูนญี่ปุ่นมากๆ
อารมณ์คล้ายๆ กับเลือกซื้อของอะไรสักอย่างในร้าน แล้วมีคนเข้ามาบอกว่า ถามได้นะค๊า..... เราก็รีบเดินออกจากร้านเลย เหมือนเป็นคาถาขับไล่ยังไงไม่รู้
เคยเดินหนีคนมาก็เยอะ พอมาลองเป็นคนพูดเอง ถึงได้เข้าใจ ตอนผมไปขายหนังสือ เราก็หน้าผูกมิตรเต็มที่เลย แทบจะผูกโบว์บนหน้าอยู่แล้ว
“สนใจถามได้นะครับ”
เสียงอย่างนุ่ม ชวนระเบิดประตูหลังมากๆ ลูกค้ากำลังจะจับหนังสือแระ..... พอประโยคนี้ลั่นมา แม่มเดินหนีไปเลย จ้ำอ้าว อ้าว โบกแท็กซี่กลับบ้านเลย อัลไลว้า
ผิดกับบางคนที่แบบ ตรงข้ามเลย จัดมาเหอะ ตูนี่พร้อมจะแอดเพื่อนมนุษย์ได้ตลอดเวลา เปิดรับทั้งมิตรและศัตรู 24 ชม.
ไอ้พวกนี้จุดยืนมันชัดเจนมาก หญิงมาพร้อมผูกมิตร ดุ้นไม่ดุ้นไม่รู้ล่ะ เธอๆ เวลไร ขื่ออะไร เรียนไห..... ไหขื่อบ้านป้าแก พิมพ์ก็ผิดๆ ถูกๆ แต่ถ้ามาเป็นชายด้วยกันนี่ อ่อนแสรด ไฟว้มั้ยนำมาก่อนเลย
ผมย้อนถามตัวเองนะว่า ทำไมตอนนั้นเราไม่สนใจใครเลยวะ เกมเค้าทำมาให้ออนไลน์ ให้มีการแชทกัน ให้มีการเดินตามตูดกัน ให้มีการร่วมมือทำเควส ฯลฯ สารพัด แต่เรานี่ทำตัวยังกะบอท เล่นเกมเหมือนโดนของ ไร้สีสันซะเหลือเกิน
ผมเชื่อว่าหลายคนก็คิดเหมือนผม คือเราไม่รู้ไงครับ ว่าคนที่เข้ามาคุยกับเรา เป็นคนดี ไม่ดียังไง ความกล้าในการพูดคุยมันก็เลยไม่มี ไม่รู้ต้องออกตัวแค่ไหน
แถมบางคนที่เคยเข้ามาชวนคุยนี่ สร้างความประทับใจแรกพบอย่างมว๊ากซะเหลือเกิน แบบนี้
“นาย..... ชื่อไรอ่ะ”
“ชื่อสุรเดช”
“ขอตังค์หน่อยดิ”
มันมาขอตังค์!!! โอ้ ถึงจุดนี้ บางคนก็เดินหนี บางคนก็คุยต่อ
“ไม่มี”
“ไม่มีตังค์เหรอ”
“เปล่า.... ไม่มีอารมณ์จะให้!!!! จะไปไหนก็ไป!!!”
“หนอยแก!! อ่อน!! แสรด!! ไอ้!! กาก!! เกลื้อน!! เรื้อน!! เชื้อราในร่มผ้า!! ซีม่า!! โลชั่น!! จัน!! แก!! เอาน้ำแข็งมาถูหลังชั้นหน่อยซิ!!!!”
จากนั้นทั้ง 2 ก็ด่ากันอย่างเมามันส์ ไม่หนีก็ไฟว้ล่ะวะ มันก็เป็นซะอย่างนี้ หลายคนถึงเลือกที่จะออฟไลน์ตัวเองดีกว่า ปลอดภัยที่สุด เพื่อนตัวเป็นๆ ก็มี ชีวิตไมได้สถิตย์จอตลอดเวลาสักหน่อย
นั่นแหละ กระพ้มเองมันก็เคยคิดแบบนั้น อยู่คนเดียวมันปลอดภัยกว่า แต่ลึกๆ พอได้อ่านหนังสือ เล่นเว็บบอร์ด เห็นคนอื่นที่เขาสนุกกัน พวกที่มีกิลด์ใหญ่ มีเพื่อนพ้อง มันก็อดคิดไม่ได้ว่า แค่การเดินไปขอตังต์เนี่ย เข้าไปด่ากัน เกรียนใส่กัน มันสร้างมิตรภาพกันได้ขนาดนั้นเลยเหรอ
ตอนนั้นผมตั้งใจเลยว่า จะต้องเริ่มก้าวแรกเสียที จะทิ้งอคติทั้งหมดที่มี แล้วคิดใหม่ ทำใหม่ อย่างไร้รอยต่อ ผมจะยื่นมือ 2 ข้างของผมออกไปแบบคุณชายสุขุมแพน ทำหน้าเหนื่อยๆ ง่วงๆ แล้วบอกว่า
“เราจะไปเก็บเลเวลด้วยกัน”
แต่ก็ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า....
ก็อย่างที่บอกครับ การผูกมิตรกันในโลกออนไลน์มันไม่ง่าย แรกพบมีแค่ 2 แบบจริงๆ ไม่ขอตังค์ก็มายืนด่า ถ้าหนีเราก็ป้อด ไอ้จะด่าคืนก็ทำไม่ได้ ทางบ้านมีฐานะและชาติตระกูลที่ดีมาก กินมาม่าโอเรียนทอลทุกวัน
จำได้ว่าวันนั้น ก้าวแรกของผม คู่กรณีเป็นแอสซาซินหนุ่ม (ไม่คิดจริงๆ ว่าระดับนั้นจะมาขอตังค์ชาวบ้าน) เจอกันที่ไหนไม่รู้ จำได้สถานที่ไม่ได้ มันมาขอตังค์ใช่มั้ย ได้ จัดไป.....
เดลให้หมดตูดเลย ขอเท่าไหร่ไม่รู้ละ ตูข้าให้หมดเลย 3 แสน
แอสหนุ่ม : “เฮ้ย นาย..... เยอะไป”
ไนท์หนุ่ม : “อ้าว แล้วนายจะเอาเท่าไหร่ จะเอาตังค์ไปทำอะไร”
แอสหนุ่ม : “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ....”
ไนท์หนุ่ม : “อ้าว ไม่รู้แล้วมาขอทำไม”
แอสหนุ่ม : “ก็เห็นเค้าขอกัน.... นายเวลเท่าไหร่แล้ว”
ไนท์หนุ่ม : 42
แอสหนุ่ม : “อ่อนว่ะ”
ไนท์หนุ่ม : “ด่าเราไม....”
แอสหนุ่ม : “ไม่ได้ด่า บอกว่านายเลเวลอ่อน
ไนท์หนุ่ม : “แค่เนี้ย”
แอสหนุ่ม : “มันติดปากน่ะ 555 ก็เห็นเค้าพูดกันเยอะ”
กำ..... สรุปคือ ไอ้ที่เราได้ยินมาเป็นเดือนๆ เนี่ย เป็นธรรมเนียมการทักทายเบื้องต้นใช่มั้ยนั่นน่ะ หลงดาร์กมาได้ตั้งนาน
อ๋อ.... ที่แท้เราก็เดินทางพลาดมาตลอด ที่เค้าเป็นเพื่อนกันได้ก็เพราะไปยืนบอกว่าใครอ่อนใครแก่กันนี่เอง ซึ่งแท้จริงมันอาจจะจบสวยแบบนี้ก็ได้
“เฮ้ย นาย อ่อนว่ะ”
“อ่อนแล้วมัยวะ...!!”
“แท๊งให้มั้ย”
“โอเค งั้นเราเป็นเพื่อนกันนะ เย้ๆ”
นึกภาพกลีบดอกไม้สวยงาม จากนั้นทั้ง 2 คนก็คบกัน แต่งงานกัน แล้วก็ระเบิดถังขี้ แลกอ้วกกันอย่างสนุกสนาน มีความสุขในการหาทองจนถึงบัดนี้......
ไม่ใช่ว้อย ไม่ถึงขนาดนั้น ก็แค่ผูกมิตรกันไว้เฉยๆ
จากวันนั้นมันทำให้ผมรู้ว่า เวลาเกรียนออกมนุษย์สัมพันธ์เนี่ย เรื่องกวนส้นตีนเป็นเรื่องที่ปกติมากกก คือในสมองมันไม่มีอะไรเลยไง อยากพูดไรก็พูด ทุกวันนี้ผมก็ชินแล้ว ชินตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
ทุกวันนี้ผมยังโดนทักอยู่เลยว่า ทุกวันนี้ยังใส่หมวกเหล็ก หูปลาออกจากบ้านอยู่หรือเปล่า
ถ้านับๆ เอาตอนนี้ เพื่อนคุยที่ผมรู้จัก ที่คุยกันมานานๆ แต่ยังไม่เคยเห็นหน้าคร่าตากันเลย มากมายก่ายหน้าผากเลยครับ และทุกวันนี้ก็ยังคุยกันอยู่ บางคนก็ยังเกรียนอยู่ บางคนไปรักษาที่ถ้ำกระบอกมาแล้ว
จากในเกม ขยับมาคุย msn แล้วก็ย้ายมาต่อใน Facebook บางคนก็ไปเจอหน้ากันตามงานมาแล้ว บางคนก็ได้โทรศัพท์คุยกันเฮฮาก็มี
นี่แหละครับ สังคมออนไลน์ สังคมที่มีแต่เหล่าเกรียนเพ่นพ่าน ออกอาละวาดกวนส้วนเตียงเค้าไปทั่ว แต่ลึกๆ แล้วพวกเราก็มีความจริงใจให้เหมือนกัน
อาจจะเรียกว่า ถ้าคุณไม่ได้เป็นเหมือนพวกผม คุณอาจจะไม่เห็นมันก็ได้.......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น