วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ปล่อยวางบ้างอะไรบ้าง
(ต้นฉบับปี 2556) |
จริงๆ แล้วการเล่นเกมเนี่ย จัดอยู่ในหมวดของการคลายเครียดนะ
แต่ถามกันอย่างไม่โกหกเลยว่า ใครเล่นเกมแล้วไม่เครียดจริงๆ บ้าง ใครเข้าร้านเกม 3-4 ชม. แล้วผ่อนคลายสบายชีวา เดินออกมาจากร้านแทบจะกระโดดฉีกขากลับบ้าน โอ้ว ทำไมมันถึงผ่อนคลายแบบนี้
โอ้โห นี่ก็เวอร์ไป๊
เกมคือการแข่งขันต่างหากเฟ้ย!! มันคือสังเวียนต่อสู้อย่างแท้จริง บางคนในโชว์เสี้ยวเน็ตเวอะ ถึงกับให้คำนิยามโคตรเท่ห์ว่า เกมเมอร์มันก็คือ "นักสู้" นี่แหละ
เราคือนักสู้ โอเค ขอแวะแป๊บนึง เรามานึกภาพนักสู้กัน
นักสู้ หัวเกรียนๆ นะ..... ปากห้อยๆ ฟันเหยินๆ ตาเหลือกๆ ขอบตาคล้ำ มือข้างนึงถือเม้าส์ลงอาคม อีกข้างถือคีย์บอร์ดปลุกเสก... จากวัดเกรียนขบ ใส่ชุดนักเรียนที่ไม่ได้ซักมา 3 วัน เพราะนอนค้างที่ร้านเกม ถุงเท้าย้วยไม่มียางยืด
เอาล่ะ.... พอแค่นี้ก่อน กลัวว่าจะไปจบที่มีนกหวีดและผ้าโพกหัว เล่นเกมอย่างเดียวว้อย!! ไม่ได้ไปก่อม็อบ
เมื่อพิจารณาดังโน้นแล้ว นี่มันนักสู้สมัยกรุงแตกชัดๆ บร๊ะ!! ถึงจะเกรียนคลาสิคขนาดนี้ แต่นี่แหละก็คือนักสู้ อย่าไปลบหลู่ จิตวิญญาณมันออกมาจากภายใน!!!
เพียงแค่คุณกดล็อคอิน เข้าเกม หรือหยอดเหรียญ อะไรก็ตาม คุณก็ต้องพร้อมเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความกดดัน เข้าสู่ช่วงเวลาที่แพ้ไม่ได้!!!
ลองแพ้ขึ้นมาสิ ไอ้คำถากถาง อ่อนด๋อย ไอ้กาก ไอ้โจ๊ก ไอ้เปียก มันจะต้องติดตามหลอกหลอนตัวคุณไปจนกว่าจะมาได้แก้มือ บางคนถึงขนาดต้องใช้วิชามาร วิชาโกงสูตรเพื่อเอาตัวรอดกันเลยทีเดียว
ว่ากันด้วยเนื้อแท้ ไม่มีใครเล่นเกมเพื่อผ่อนคลายจริงๆ หรอก ทุกคนล้วนอยากเป็นที่หนึ่ง ไม่งั้นจะมีแข่งเกมไปทำไม ไม่งั้นจะมีคนที่เล่นเกมเก่ง อ่อน ไปทำไม
เราเล่นเพราะมันสนุก!! มันมีเรื่องราว มันได้ออกอาการ มันไม่น่าเบื่อ..... ซึ่งมันต่างจากเวลาเรียน และทำงาน ที่เราต้องทำอะไรตามคำสั่ง แต่เมื่อเวลาเราเล่นเกม เราได้ออกคำสั่ง!! เราได้เป็นผู้บังคับ!! อารมณ์มันเลยต่างกัน
เกมถ้าเล่นแต่พอดี มันก็เหมือนเป็นยานะครับ มีประโยชน์แน่นอน ถ้าเอามาใช้ตามหยิน-หยาง เอาเกมมาถ่วงดุลชีวิตที่แสนจะเครียดจากการเรียน การทำงาน เครียดมากๆ เครียดจัดๆ เอามาปลดปล่อยในเกม ปล่อยให้หมด สมองมันก็โล่ง เตรียมความพร้อมที่จะไปเครียดในวันต่อไปอีกที พอไม่ไหวก็กลับมาเล่นเกม หมุนวนไปแบบนี้
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มันก็ยังมีบางคน ที่ทำให้ตัวเองเครียดเพราะเล่นเกม เอาเกมมาทำลายตัวเอง ใจคอจะเก่งแต่แค่ในจอ
คนแบบนี้มีอยู่จริง ไม่ต้องมองไหนไกล ในร้านเกมทั่วๆ ไปมันก็ต้องมี หรืออาจจะเป็นคุณซะเองที่เป็นก็ได้ คลาสสิคจะมีอยู่ 3 แบบ
แพ้ไม่เป็น!! รับไม่ได้!! คิดว่าตัวเองเก่งชิบหาย!!
แพ้ไม่เป็น...... เรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ แต่สภาวะแบบนี้ เวลาแพ้มันจะออกอาการมากเป็นพิเศษเพิ่มข้าว สีหน้าจะเคียดแค้นเหมือนมีคนเอาหนังสติ๊กไปยิงไข่พ่อมัน และตาต่อไปมันจะมุ่งมั่นเอาชนะเป็นพิเศษ
และส่วนใหญ่เชื่อเหอะ ต่อให้มุ่งมั่นก็แพ้อีกน่ะแหละ จากนั้นไม่อาละวาด ก็ร้องไห้จิกเม้าส์ จิกจอย อะไรก็ว่ากันไป
รับไม่ได้...... ธรรมชาติคนเล่นเกม ไม่มีใครอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดได้ทุกวัน มันก็ต้องมีบ้างที่บางวันจะเล่นผิดฟอร์มไปบ้าง อะไรบ้าง
ถ้ารับได้ก็แล้วไป แต่บางคนมันก็ยึดติดกับฟอร์มอันสุดยอดของตัวเองเกินไป เล่นผิดฟอร์ม ผิดจังหวะ ทำอะไรผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ เก็บมาเป็นอารมณ์ซะหมด แบบนี้ก็ตายห่าสิครับ เล่นไปก็ใส่อารมณ์ไป หน้าหงุดหงิดเหมือนประจำเดือนมาที่ร่องตูด เห็นแล้วก็ทุเรศลูกตา
คิดว่าตัวเองเก่งชิบหาย...... มิตรสหายท่านนึงบอกผมว่า พวกที่เก่งจริงเค้าไม่อวดตัวเองหรอก เขาจะฝึกให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะเค้าสนุกกับการพัฒนาตัวเอง ส่วนไอ้พวกที่คิดว่าตัวเองเก่ง ส่วนใหญ่มันจะเก่งประมาณนึงอ่ะ มันไม่ได้สนุกกับการพัฒนาตัวเอง มันจะสนุกกับการอวดตน ข่มคนอื่น พัฒนาท่าขี้เก็กของมัน และการทำตัวเองเป็นกูรู
พวกนี้มันจะมีความสุขบนความระแวง เพราะมันจะกลัวเจอคนที่เก่งกว่ามันจริงๆ สักวัน หรือกลัวจะแพ้ใครแบบหมดฟอร์มขึ้นมาสักวัน หาได้เสพย์ความสนุกจากเกมจริงๆ ไม่
ถึงตรงนี้ผมสารภาพตรงๆ เลยครับว่า ผมเองตอนเด็กๆ ก็เคยเป็นครบหมดแล้วทั้ง 3 อย่าง
พอเราจมอยู่กับตรงนี้มันเครียดจริงๆ ครับ เราจะเล่นเกมเหมือนโดนของ โดนบังคับให้ต้องเล่นอ่ะ ไม่มีใครอยากเลิกเล่นเกมตอนเครียดทุกคนอยากเลิกเล่นตอนที่ถึงจุดสุดยอดทั้งนั้น
แพ้ไม่เป็นก็ต้องเล่นให้ชนะจนพอใจ รับไม่ได้ ก็ต้องเล่นมันอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะรับได้ อยากจะรักษาความที่ตัวเองเก่งไว้ ก็ต้องเล่นแบบระวังตัวเองอยู่ตลอด ไม่ให้เผลอแพ้แบบเสียหมา
มันเป็นการยึดติดที่แบบ.... เหมือนเป็นเวรเป็นกรรม ที่ติดมาจากชาติที่แล้ว ทำไมมันต้องตึงเครียดขนาดนั้น ทำไมต้องเหมือนล่ามโซ่ตัวเองติดไว้กับเครื่องเกม ผมเคยอยู่แบบนี้นานมาก เป็นเดือนๆ กว่าจะรู้ว่า..... เราควรปล่อยวางมันบ้าง ก็โดนเกมแดกร่างไปเกือบครึ่งตัวแล้ว
ผมเคยยึดติดกับการเล่นเกมมากๆ เพราะไม่รู้จะไปยึดติดกับอะไร เพื่อนก็รู้จุดขายเรามันเล่นแต่เกม คิดดูถ้าเราเล่นแต่เกม แล้วยังเล่นไม่เก่ง มันจะไปเหลืออะไร มันก็ไม่เหลืออะไรแล้ว!
แต่เอาจริงที่มันไม่เหลือ เพราะเราไม่คิดจะเปิดรับอะไรใหม่ๆ มากกว่า
ผมว่าคนหนึ่งคน มันทำอะไรได้หลายอย่างนะ แล้วก็ทำได้ดีมากกว่า 1 อย่างด้วย ไอ้ประเภทเทพที่ฝึกฝนวิชาอย่างบ้าคลั่ง จนเป็นเทพอะไรสักด้าน ทั้งหมดทุ่มให้กับสิ่งๆ เดียวเหมือนในการ์ตูน มันก็ไม่ใช่ไม่ดี แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้การ์ตูนขนาดนั้น
ผมคงไม่แนะนำว่า ให้ลองปล่อยวาง นั่งสมาธิ จะให้ไปบวชเลยมั้ย ไม่ต้องขนาดนั้น การปล่อยวางเป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าทำได้ก็ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ ลองหาอะไรที่เบี่ยงความสนใจจากการเล่นเกมมาบ้าง
อะไรที่ทำให้วันไหนเราไม่ได้เล่นเกม เราก็อยู่กับสิ่งนี้ได้และมีสมาธิไม่แพ้กัน
ซึ่งช่วงนั้นผมก็หลุดพ้นมาได้ครับ ด้วยการดูหนังโป๊ (โห ไอ้สัส หักมุมเกิ๊น!!!) จำได้ว่าหมกมุ่นมาก เกมอะไรช่างแม่ม เล่นไม่ดี แพ้เขากลับมาก็ไม่เครียด กลับบ้านเปิดหนังโป๊ประโลมจิตกันไป น้ำตาจะไหล ไอ้ชิบหาย..... นี่มึงกำลังแนะนำอะไรเยาวชนอยู่วะเนี่ย
อืม แต่ก็..... ก็ไม่ทั้งหมดนะ นี่เป็นส่วนนึง ยังมีวาดการ์ตูน เชียร์บอล ดูบอล เล่นกีฬา เห็นมั้ย.... ดีๆ ก็มีโว้ย
ถ้าเราหาอะไรทำเยอะขึ้น โอกาสที่เราจะปล่อยวางจากความเครียดเวลาเล่นเกมก็มีมากขึ้น มันก็ทำให้เรามีสกิลเพิ่มด้วย แต่ข้อเสียก็มี อย่าปล่อยวางนานเกินไป ระวังกลับมาอีกทีฝีมือตก จำได้ผมหายไปเตะบอลพักใหญ่ กลับมาเล่นอีกทีแพ้เด็กขายปลากัดเฉย ซึมไปเหมือนกัน
คนเป็นแชมป์เกมเขาก็ไม่ได้อยู่กับเกมตลอดเวลา และคนที่เซียนๆ เก่งๆ ที่ผมรู้จัก เขาก็ไม่ได้สิงร้านตลอดเวลา แต่ฝีมือนี่เก่งกว่าคนที่อยู่ในร้านตั้งแต่เช้ายันมืดอย่างผมซะอีก
ผมว่า ถ้าใครเจอปัญหาเล่นเกมแล้วเครียดมากๆ ลองเอาไปปรับใช้ดู อาจไม่ทำให้เล่นเกมเก่งขึ้น แต่มันก็ดีกับชีวิตประจำวันนะเออ
แต่ถามกันอย่างไม่โกหกเลยว่า ใครเล่นเกมแล้วไม่เครียดจริงๆ บ้าง ใครเข้าร้านเกม 3-4 ชม. แล้วผ่อนคลายสบายชีวา เดินออกมาจากร้านแทบจะกระโดดฉีกขากลับบ้าน โอ้ว ทำไมมันถึงผ่อนคลายแบบนี้
โอ้โห นี่ก็เวอร์ไป๊
เกมคือการแข่งขันต่างหากเฟ้ย!! มันคือสังเวียนต่อสู้อย่างแท้จริง บางคนในโชว์เสี้ยวเน็ตเวอะ ถึงกับให้คำนิยามโคตรเท่ห์ว่า เกมเมอร์มันก็คือ "นักสู้" นี่แหละ
เราคือนักสู้ โอเค ขอแวะแป๊บนึง เรามานึกภาพนักสู้กัน
นักสู้ หัวเกรียนๆ นะ..... ปากห้อยๆ ฟันเหยินๆ ตาเหลือกๆ ขอบตาคล้ำ มือข้างนึงถือเม้าส์ลงอาคม อีกข้างถือคีย์บอร์ดปลุกเสก... จากวัดเกรียนขบ ใส่ชุดนักเรียนที่ไม่ได้ซักมา 3 วัน เพราะนอนค้างที่ร้านเกม ถุงเท้าย้วยไม่มียางยืด
เอาล่ะ.... พอแค่นี้ก่อน กลัวว่าจะไปจบที่มีนกหวีดและผ้าโพกหัว เล่นเกมอย่างเดียวว้อย!! ไม่ได้ไปก่อม็อบ
เมื่อพิจารณาดังโน้นแล้ว นี่มันนักสู้สมัยกรุงแตกชัดๆ บร๊ะ!! ถึงจะเกรียนคลาสิคขนาดนี้ แต่นี่แหละก็คือนักสู้ อย่าไปลบหลู่ จิตวิญญาณมันออกมาจากภายใน!!!
เพียงแค่คุณกดล็อคอิน เข้าเกม หรือหยอดเหรียญ อะไรก็ตาม คุณก็ต้องพร้อมเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความกดดัน เข้าสู่ช่วงเวลาที่แพ้ไม่ได้!!!
ลองแพ้ขึ้นมาสิ ไอ้คำถากถาง อ่อนด๋อย ไอ้กาก ไอ้โจ๊ก ไอ้เปียก มันจะต้องติดตามหลอกหลอนตัวคุณไปจนกว่าจะมาได้แก้มือ บางคนถึงขนาดต้องใช้วิชามาร วิชาโกงสูตรเพื่อเอาตัวรอดกันเลยทีเดียว
ว่ากันด้วยเนื้อแท้ ไม่มีใครเล่นเกมเพื่อผ่อนคลายจริงๆ หรอก ทุกคนล้วนอยากเป็นที่หนึ่ง ไม่งั้นจะมีแข่งเกมไปทำไม ไม่งั้นจะมีคนที่เล่นเกมเก่ง อ่อน ไปทำไม
เราเล่นเพราะมันสนุก!! มันมีเรื่องราว มันได้ออกอาการ มันไม่น่าเบื่อ..... ซึ่งมันต่างจากเวลาเรียน และทำงาน ที่เราต้องทำอะไรตามคำสั่ง แต่เมื่อเวลาเราเล่นเกม เราได้ออกคำสั่ง!! เราได้เป็นผู้บังคับ!! อารมณ์มันเลยต่างกัน
เกมถ้าเล่นแต่พอดี มันก็เหมือนเป็นยานะครับ มีประโยชน์แน่นอน ถ้าเอามาใช้ตามหยิน-หยาง เอาเกมมาถ่วงดุลชีวิตที่แสนจะเครียดจากการเรียน การทำงาน เครียดมากๆ เครียดจัดๆ เอามาปลดปล่อยในเกม ปล่อยให้หมด สมองมันก็โล่ง เตรียมความพร้อมที่จะไปเครียดในวันต่อไปอีกที พอไม่ไหวก็กลับมาเล่นเกม หมุนวนไปแบบนี้
แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มันก็ยังมีบางคน ที่ทำให้ตัวเองเครียดเพราะเล่นเกม เอาเกมมาทำลายตัวเอง ใจคอจะเก่งแต่แค่ในจอ
คนแบบนี้มีอยู่จริง ไม่ต้องมองไหนไกล ในร้านเกมทั่วๆ ไปมันก็ต้องมี หรืออาจจะเป็นคุณซะเองที่เป็นก็ได้ คลาสสิคจะมีอยู่ 3 แบบ
แพ้ไม่เป็น!! รับไม่ได้!! คิดว่าตัวเองเก่งชิบหาย!!
แพ้ไม่เป็น...... เรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ แต่สภาวะแบบนี้ เวลาแพ้มันจะออกอาการมากเป็นพิเศษเพิ่มข้าว สีหน้าจะเคียดแค้นเหมือนมีคนเอาหนังสติ๊กไปยิงไข่พ่อมัน และตาต่อไปมันจะมุ่งมั่นเอาชนะเป็นพิเศษ
และส่วนใหญ่เชื่อเหอะ ต่อให้มุ่งมั่นก็แพ้อีกน่ะแหละ จากนั้นไม่อาละวาด ก็ร้องไห้จิกเม้าส์ จิกจอย อะไรก็ว่ากันไป
รับไม่ได้...... ธรรมชาติคนเล่นเกม ไม่มีใครอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดได้ทุกวัน มันก็ต้องมีบ้างที่บางวันจะเล่นผิดฟอร์มไปบ้าง อะไรบ้าง
ถ้ารับได้ก็แล้วไป แต่บางคนมันก็ยึดติดกับฟอร์มอันสุดยอดของตัวเองเกินไป เล่นผิดฟอร์ม ผิดจังหวะ ทำอะไรผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ เก็บมาเป็นอารมณ์ซะหมด แบบนี้ก็ตายห่าสิครับ เล่นไปก็ใส่อารมณ์ไป หน้าหงุดหงิดเหมือนประจำเดือนมาที่ร่องตูด เห็นแล้วก็ทุเรศลูกตา
คิดว่าตัวเองเก่งชิบหาย...... มิตรสหายท่านนึงบอกผมว่า พวกที่เก่งจริงเค้าไม่อวดตัวเองหรอก เขาจะฝึกให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะเค้าสนุกกับการพัฒนาตัวเอง ส่วนไอ้พวกที่คิดว่าตัวเองเก่ง ส่วนใหญ่มันจะเก่งประมาณนึงอ่ะ มันไม่ได้สนุกกับการพัฒนาตัวเอง มันจะสนุกกับการอวดตน ข่มคนอื่น พัฒนาท่าขี้เก็กของมัน และการทำตัวเองเป็นกูรู
พวกนี้มันจะมีความสุขบนความระแวง เพราะมันจะกลัวเจอคนที่เก่งกว่ามันจริงๆ สักวัน หรือกลัวจะแพ้ใครแบบหมดฟอร์มขึ้นมาสักวัน หาได้เสพย์ความสนุกจากเกมจริงๆ ไม่
ถึงตรงนี้ผมสารภาพตรงๆ เลยครับว่า ผมเองตอนเด็กๆ ก็เคยเป็นครบหมดแล้วทั้ง 3 อย่าง
พอเราจมอยู่กับตรงนี้มันเครียดจริงๆ ครับ เราจะเล่นเกมเหมือนโดนของ โดนบังคับให้ต้องเล่นอ่ะ ไม่มีใครอยากเลิกเล่นเกมตอนเครียดทุกคนอยากเลิกเล่นตอนที่ถึงจุดสุดยอดทั้งนั้น
แพ้ไม่เป็นก็ต้องเล่นให้ชนะจนพอใจ รับไม่ได้ ก็ต้องเล่นมันอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะรับได้ อยากจะรักษาความที่ตัวเองเก่งไว้ ก็ต้องเล่นแบบระวังตัวเองอยู่ตลอด ไม่ให้เผลอแพ้แบบเสียหมา
มันเป็นการยึดติดที่แบบ.... เหมือนเป็นเวรเป็นกรรม ที่ติดมาจากชาติที่แล้ว ทำไมมันต้องตึงเครียดขนาดนั้น ทำไมต้องเหมือนล่ามโซ่ตัวเองติดไว้กับเครื่องเกม ผมเคยอยู่แบบนี้นานมาก เป็นเดือนๆ กว่าจะรู้ว่า..... เราควรปล่อยวางมันบ้าง ก็โดนเกมแดกร่างไปเกือบครึ่งตัวแล้ว
ผมเคยยึดติดกับการเล่นเกมมากๆ เพราะไม่รู้จะไปยึดติดกับอะไร เพื่อนก็รู้จุดขายเรามันเล่นแต่เกม คิดดูถ้าเราเล่นแต่เกม แล้วยังเล่นไม่เก่ง มันจะไปเหลืออะไร มันก็ไม่เหลืออะไรแล้ว!
แต่เอาจริงที่มันไม่เหลือ เพราะเราไม่คิดจะเปิดรับอะไรใหม่ๆ มากกว่า
ผมว่าคนหนึ่งคน มันทำอะไรได้หลายอย่างนะ แล้วก็ทำได้ดีมากกว่า 1 อย่างด้วย ไอ้ประเภทเทพที่ฝึกฝนวิชาอย่างบ้าคลั่ง จนเป็นเทพอะไรสักด้าน ทั้งหมดทุ่มให้กับสิ่งๆ เดียวเหมือนในการ์ตูน มันก็ไม่ใช่ไม่ดี แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้การ์ตูนขนาดนั้น
ผมคงไม่แนะนำว่า ให้ลองปล่อยวาง นั่งสมาธิ จะให้ไปบวชเลยมั้ย ไม่ต้องขนาดนั้น การปล่อยวางเป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าทำได้ก็ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ ลองหาอะไรที่เบี่ยงความสนใจจากการเล่นเกมมาบ้าง
อะไรที่ทำให้วันไหนเราไม่ได้เล่นเกม เราก็อยู่กับสิ่งนี้ได้และมีสมาธิไม่แพ้กัน
ซึ่งช่วงนั้นผมก็หลุดพ้นมาได้ครับ ด้วยการดูหนังโป๊ (โห ไอ้สัส หักมุมเกิ๊น!!!) จำได้ว่าหมกมุ่นมาก เกมอะไรช่างแม่ม เล่นไม่ดี แพ้เขากลับมาก็ไม่เครียด กลับบ้านเปิดหนังโป๊ประโลมจิตกันไป น้ำตาจะไหล ไอ้ชิบหาย..... นี่มึงกำลังแนะนำอะไรเยาวชนอยู่วะเนี่ย
อืม แต่ก็..... ก็ไม่ทั้งหมดนะ นี่เป็นส่วนนึง ยังมีวาดการ์ตูน เชียร์บอล ดูบอล เล่นกีฬา เห็นมั้ย.... ดีๆ ก็มีโว้ย
ถ้าเราหาอะไรทำเยอะขึ้น โอกาสที่เราจะปล่อยวางจากความเครียดเวลาเล่นเกมก็มีมากขึ้น มันก็ทำให้เรามีสกิลเพิ่มด้วย แต่ข้อเสียก็มี อย่าปล่อยวางนานเกินไป ระวังกลับมาอีกทีฝีมือตก จำได้ผมหายไปเตะบอลพักใหญ่ กลับมาเล่นอีกทีแพ้เด็กขายปลากัดเฉย ซึมไปเหมือนกัน
คนเป็นแชมป์เกมเขาก็ไม่ได้อยู่กับเกมตลอดเวลา และคนที่เซียนๆ เก่งๆ ที่ผมรู้จัก เขาก็ไม่ได้สิงร้านตลอดเวลา แต่ฝีมือนี่เก่งกว่าคนที่อยู่ในร้านตั้งแต่เช้ายันมืดอย่างผมซะอีก
ผมว่า ถ้าใครเจอปัญหาเล่นเกมแล้วเครียดมากๆ ลองเอาไปปรับใช้ดู อาจไม่ทำให้เล่นเกมเก่งขึ้น แต่มันก็ดีกับชีวิตประจำวันนะเออ
วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ROซอกหลืบ ตอน 5 กลวิธีแก้เบื่อ
(ต้นฉบับปี 2547) |
ท่านกำลังประสบปัญหาอยู่ใช่ไหม
การเล่นแรคของท่านมันเริ่มน่าเบื่อแล้วใช่ไหม ต้องเจอหน้ามอนสเตอร์เดิมๆ เก็บเวลน่าเบื่อซ้ำซาก เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้วใช่มั้ย ใช่มั้ย ใช่มั้ย… ว้อยย.!!
ก็ใช่อ่ะครับ ไอ้ผมก็เป็นคนนึงที่เริ่มเบื่อซะแล้ว แต่ถึงเบื่อก็ยังเล่นอยู่ ซะงั้น เมื่อก่อนเล่นเกือบทุกวัน วันละ 3 ชม. หลังๆ ก็เริ่มลดลง เหมือนอดอาหาร
จาก 3 เหลือ 2 หลังๆมาก็ลดอีก จาก 2 เหลือ 1 จาก 1 เหลือ 0 จาก 0 เหลือ -1 -2 เหลือ -3 อืม เอาล่ะ พอก่อนดีกว่า ก่อนที่จะตลกไปกว่านี้
สรุปง่ายๆ ก็คือไม่ค่อยอยากจะเล่นแล้ว แต่ก็ยังเล่นอยู่ ไม่มีอาการลงแดงหรือผื่นขึ้นแต่อย่างใด เชื่อว่าไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่เริ่มเบื่อ คนอื่นก็เป็น แหงล่ะ เล่นมาตั้ง 2 ปีแล้วนิ ความสนุกมันก็ต้องมีอิ่มตัวกันบ้าง
แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้ทางซอกหลืบมีวิธีแก้ปัญหาอาการเบื่อแรคได้ชะงัก ใช้ได้ผล 100% ถ้าไม่ได้ผลมาโดดถีบ บก.Roclub ได้เลย
อีกแล้ว!! ไอ้นี่ ไม่เคยโบ้ยเข้าตัวเองเลย เน้นทำร้ายร่างกายคนอื่นตลอด ไม่ต้องมายิ้ม ยังอีก!!
เอาล่ะ เข้าเรื่องเลยดีกว่า สำหรับวิธีแก้เบื่อทั้งหลาย ท่านไหนที่มีอาการโดนยาเบื่อแรคเตรียมจด
1.คุยกับคนอื่นให้เยอะๆ
หมายถึงคุยในเกม ไม่ใช่ไปนั่งคุยกับคนแปลกหน้าที่นั่งเล่นเกมข้างๆ วันไหนเกิดเค้าอารมณ์ไม่ดี เพิ่งถูกโพริ่งสุรเดชตีตายมาจะทำไง อาจจะมีถูกตบหัวทิ่มคีย์บอร์ดกันได้
สำหรับคนที่ใจเย็นคงไม่เป็นอะไรมาก อาจจะทำท่าโนเนะ เช็ดเลือด แล้วเล่นเกมต่อ แต่ถ้าเป็นพวกเลือดร้อนคาดว่ามีฟาดปากกันแน่ อืม… อันนี้ก็ได้ความมันส์ไปอีกแบบ คนในร้านชอบ
ที่บอกให้คุยกับคนอื่นเยอะๆ เพราะว่าบางคนยึดติดกับการเก็บLVมากเกินไป วันๆก็เดินตีมอนสเตอร์เก็บLVไปเรื่อย ไม่เสวนากับใคร น่าเบื่อ ทั้งๆ ที่ไอ้คนที่ออนไลน์กับแกเนี่ยมันก็คนไทยทั้งนั้น จะมาบอกว่าอักษรคีย์บอร์ดเป็นภาษาเขมรก็ฟังไม่ขึ้น ใช่มั้ย
คุยที่ว่าไม่ใช่ทักทายสั้นๆ ยังงั้นมันไม่หายเบื่อหรอกครับ มันต้องคุยกันยาวๆ 20นาทีขึ้นไป เป็นเพื่อนกันได้ยิ่งดี
ไม่เสียเวลาหรอกครับ เชื่อเหอะ ผมลองแล้ว หายเบื่อไปเยอะเลย
2.เน้นท่องเที่ยว
หรือเรียกง่ายๆว่า เน้นเดินเล่น เปรียบง่ายๆกับคนที่นั่งทำงานอยู่ในห้องรู้สึกคร่ำเครียดฉันใด ถ้าได้ออกไปเดินสูดอากาศข้างน้องบ้างก็รู้สึกดีขึ้นฉันนั้น เพราะบางคนเวลาเล่นแรคก็เจอแต่โลเกชั่นเดิมๆ
ตลาดมอร็อค…. พ่อค้าเยอะ
เกาะบาบีลัน…. คนเยอะ
แมพโซฮี…. (…….) เยอะ
อืม…. ในวงเล็บละไว้ในฐานที่เข้าใจ
เชื่อเลยว่าบางคนยังไปไม่ทั่วทุกแผนที่หรอก ผมก็เหมือนกัน เพราะบางแมพมอนสเตอร์ก็ตีไม่คุ้ม เก่งเกินไป หรือไม่ก็ประสบการณ์ไม่ดี ของดรอปห่วย
ที่บอกเนี่ยก็ไม่ได้ให้ไปตีซะเมื่อไหร่ จะบอกให้ไปเดินเล่นตะหาก ตีมอนสเตอร์มาเยอะแล้ว มาวิ่งหลบมอนสเตอร์บ้างก็ได้อรรถรสไปอีกแบบ บางแมพมอนสเตอร์น้อยก็เน้นเดินชื่นชมทัศนียภาพไป หมุนมุมกล้องถ่ายรูปเก็บไว้ก็ดี อย่าลืมชูสองนิ้วเพื่อความคลาสสิค
จะเดี่ยวหรือมาเป็นหมู่คณะก็ได้ ไม่เสียเวลาหรอกน่า บอกแล้วมาเดินแก้เบื่อ
3.เล่นไป-กินไป
อืม… ฟังคล้ายๆชิมไป-บ่นไป ศัพท์อังกฤษก็เรียก “Enjoy Eating” หรือแปลเป็นไทยว่า “เพลิดเพลินกับการสวาปามนั่นเอง”
จะแปลทำหมีแพนด้าอะไรวะเนี่ย
วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่กลัวอ้วน หรือพวกเอ็นดูพยาธิทั้งหลาย เพราะว่าการกินเป็นวิธีดับความเครียด ความเซ็ง ความเบื่อ ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก (อืม… พักนี้ขยันจังเลยนะ) ได้ดีมาก
หรือพูดง่ายๆก็คือ เมื่อได้กินแล้วเนี่ย อารมณ์จะดีขึ้น บางคนเบื่อๆไม่รู้จะทำอะไร ก็หาอะไรมากินแก้เบื่อซะ
เล่นแรคตามปกติ แล้วก็หาอะไรมานั่งกินจุบจิบไปด้วยก็แค่นั้นเอง ผมลองแล้ว เพลินดี รู้สึกเล่นแรคสนุกขึ้นทั้งๆ ที่อยู่กะบรรยากาศเดิมๆ
กินที่ว่าเนี่ยแค่ขนม หมูปิ้ง หรือข้าวราดแกงซักจานก็พอ คงไม่ต้องถึงขึ้นตั้งเตาย่างบาร์บีคิว หม้อสุกี้ หรือหมูกระทะเกาหลี อันนั้นออกแนวอลังการ
สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเงินก็แทะคีย์บอร์ด หรือกัดมอนิเตอร์ไปพลางๆ ก็พอทดแทนกันได้
4.จับกลุ่มทำกิจกรรมนันทนาการ
นี่ก็เพลิดเพลินเจริญใจไม่แพ้กัน ขอแนะนำให้เล่นเป็นหมู่คณะ 6-10 คนขึ้นไป รับรองหายเบื่อเป็นปลิดทิ้ง ส่วนกิจกรรมที่เล่น มีดังนี้
4.1 ซ่อนแอบ
อุปกรณ์
1 ไม้ผี 100กว่าอัน ในกรณีที่เบื่อมาก
2 ปีกแมลงวัน 1 อัน (เฉพาะคนที่หักไม้ผี เพราะต้องใช้หนีไปซ่อน)
3 ปีกผีเสื้อ คนละ1อัน
วิธีเล่น
1 หาเพื่อนที่อยากเล่นมา 6-10 คน ถ้าไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องชวน เน้นสมัครใจเป็นหลัก
2 หาแผนที่ว่างๆ คนน้อยๆซักแผนที่นึง ให้เพื่อนแยกย้ายกระจายกันไปแอบ
3 อาสาสมัคร 1 คน ทำหน้าที่หักไม้ผี
4 หักจนกว่าจะได้บอส MVP เมื่อได้แล้วให้วิงหนีไปแอบ กดวิงไม่ทันก็ถือว่าซวยไป หรือถ้ากดแล้วยังอยู่ที่เดิมก็ไม่รู้จะช่วยไงแล้ว อ่านวรรคที่2ของข้อต่อไป
5 พยายามแอบอย่าให้บอสเจอ ถ้าบอสเจอแล้วบังคับให้ต้องสู้ตัวต่อตัว
6 ใครตายคนสุดท้ายชนะ จากนั้นกลับไปเริ่มข้อ 3 อีกที หรือถ้าเพื่อนเลิกเล่น ให้กลับไปเริ่มข้อ 1
7 ถ้ายังไม่หายเบื่อ ไปหักที่ตลาดมอร็อค
4.2 มอญซ่อนเจโลปี้
อุปกรณ์
1. เจโลปี้ 1 อัน (หาจากออคฮีโร่ บาโฟ โอชีรีส.. จะบ้าเหรอ)
วิธีเล่น
1. หาเพื่อนที่อยากเล่นมา 6-10 คน ถ้าไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องชวน อย่าไปบังคับเค้า
2. ให้นั่งล้อมกันเป็นวงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่ากว้างมาก
3. กำหนดตัวคนถือเจโลปี้ไว้ 1 คน ให้เดินรอบๆวง แล้วร้องเพลงว่า
“มอญซ่อนเจโลปี้ โพริ่งสุรเดชอยู่ข้างหลัง เด้งไปนู่นเด้งมานี่ ฉันจะตีตัวแตก…”
ร้องซ้ำ2รอบ ไม่ต้องอาย เพลงเพราะดีออก
4. ร้องครบ 2 รอบให้ทิ้งเจโลปี้ไว้หลังใครก็ได้ที่นั่งอยู่ในวง
5. จากนั้นคนที่มีเจโลปี้อยู่ข้างหลัง ให้หยิบเจโลปี้วิ่งไล่ชนไอ้คนที่เอามาทิ้ง ส่วนคนที่โดนไล่ก็ให้วิ่งเป็นวงกลมแล้ววิ่งมานั่งแทนที่คนที่วิ่งไล่ ถ้าถูกวิ่งชนก่อนก็ให้เป็นต่อ
6. เมื่อคนที่ถูกไล่นั่งแทนที่ได้แล้ว คนที่ถือเจโลปี้ให้กลับไปทำตามข้อ 3 หรือคิดว่าปัญญาอ่อน จะเลิกเล่นก็ได้
ข้อควรระวัง อย่าเล่นที่กลางตลาดมอร็อค หรือแผนที่เดียวกับไอ้พวกที่เล่นซ่อนแอบ
5. ก็อย่าเล่นบ่อยซิเว้ย
จะว่าไป นี่เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะบางคนมันก็เล่นมากเกินไป อะไรที่ทำบ่อยๆ นานๆ มันก็ต้องมีเบื่อกันบ้าง
ไม่มีใครบังคับให้เล่นเกมทุกวันหรอก ลองหยุดเล่นไปซักหลายๆวัน แล้วค่อยกลับมาเล่นอีกครั้งดูมั้ย จะรู้สึกสนุกขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
พอเบื่อแล้วก็เลิก หยุดเล่นไปอีก แล้วก็กลับมาเล่นใหม่ ทำยังงี้ดีกว่า จะได้มีเวลาไปหาอะไรที่มีสาระทำบ้าง
นี่ล่ะ ที่เขาเรียก "แบ่งเวลา" เล่นก็เล่น เรียนก็เรียน
สงสัยโลกจะแตกละ จบแบบมีสาระได้ไงวะเนี่ย
วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ROซอกหลืบ ตอน หนูอยากคอส หนูอยากคอส
(ต้นฉบับปี 2547) |
Cosplay (คอสเพลย์) คือการแต่งตัวเลียนแบบตัวละครหรือตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ สามารถกระทำได้ทั้งแบบชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว เดี่ยวคู่ผสม ระบบทีมเวริค์ หรือไม่เวริค์ก็ได้
และเป็นการแต่งเลียนแบบเฉพาะเปลือกนอกเท่านั้น หรืออีกนัยนึงก็คือ มองด้วยตาเปล่าแล้วเหมือนจะใช่ หรือเกือบจะใช่แล้ว… อีกนิดเดียว แบบนี้แหละ จะให้แต่งเหมือนตัวการ์ตูนเป๊ะมันจะทำได้ยังไง ไอ้ย้อมสีผมพอจะทำกันได้
แต่ไอ้หน้าตานี่มัน…. จะให้ควักลูกตา ตัดจมูกทิ้งแล้วเอาเมจิกเขียนเหรอ บ้าแล้ว!! ใช้พู่กันเส้นคมกว่าเยอะ
การแต่งคอสเพลย์ปัจจุบันเป็นที่นิยมกันมาก มีจัดงานเกี่ยวกับการ์ตูนเมื่อไหร่ก็ต้องเห็นพวกเรามาเวียนว่ายตายเกิดเหมือนเป็นผีบ้านผีเรือนของงานทุกครั้งไป ที่นิยมแต่งกันยอดฮิตที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตัวละครจากเกมแรคนาร็อค งานการ์ตูนที่ไหนไม่มีมาดีดมะกอก บ.ก Roclubได้เลย
เชื่อว่าคนที่ชอบแรคมากๆ สักครั้งนึงก็อยากจะแต่งตัวเลียนแบบคาแรคเตอร์ในเกมซักครั้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้า.. เพราะไม่รู้ต้องทำยังไงอะไรกันบ้าง Ro ซอกหลืบไม่นิ่งดูดายอยู่แล้วครับ สำหรับข้อมูลขั้นตอนการเตรียมตัวของนักแต่งคอสเพลย์มือใหม่…. เรานำมาเสนอกันชนิดละเอียดยิบ
เอ้า..!! กระดาษดินสออยู่ไหน เตรียมจด!!
1.กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน
หรือภาษาคนมีความรู้หน่อยก็เรียกวางแปลน ก่อนจะเริ่มแต่งคอส เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะเป็นตัวอะไร ส่วนใหญ่จะกำหนดจากความชอบเป็นหลัก ชอบในที่นี้เอาแค่อยากแต่งตัวเลียนแบบก็พอ ไม่ต้องชอบถึงขั้นอยากจะแต่งงาน นี่ก็ดูโรคจิตไป
เรื่องความชอบยังไงก็ไม่เหมือนกัน ไม่ต้องกลัวซ้ำอยู่แล้ว ใครชอบไนท์ก็เป็นไนท์ ชอบฮันเตอร์ก็เป็นฮันเตอร์ ชอบไม้แดงก็เป็นไม้แดง ชอบไม้ป่าเดียวกันก็เป็นเกย์ นี่ก็แล้วแต่ความชอบของตัวบุคคล หรือถ้าไม่ชอบแต่อยากจะแต่งก็เอา ยังไงชั้นก็ห้ามแกไม่ได้อยู่แล้ว
2.เช็คหน้าตาและเรือนร่าง
ในที่นี่หมายถึงว่า เหมาะกับตัวละครที่เราจะแต่งรึเปล่า เช่นสุภาพสตรีที่มีเรือนร่างโคเลสเตอรอลอุดตันเหมือนตัวมิชลิน ขี้เกรื้อนเกาะกลุ่มกันเป็นแผง ก็อย่าคิดที่จะแต่งเป็นแดนเซอร์ เกิดมีคนเห็นแล้วอ๊วกแตกกลางงานจะทำยังไง จะไปเช็ดอ๊วกให้เขาไหม
ผู้ชายอ้วนล่ำดำสิวสกปรกก็เหมือนกัน อย่าคิดแต่งเป็นตัวละครหญิงเชียว เพราะแกจะต้องโดนสาปแช่งต่างๆนาๆ จากประชากรโลก ด่าพ่อด่าแม่ว่าไม่รู้จักสั่งสอน ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ราวกับว่าแกเป็นนักโทษคดีฆ่าข่มขืน ถ้าตำรวจห้ามไม่อยู่อาจจะโดนรุมประชาทัณต์ จะเอายังงั้นมั้ย คิดดูให้ดี
ใครหน้าตาดีก็อย่าแต่งชุดที่ปิดหน้าปิดตา พระเจ้าอุตส่าห์ประทานมาให้ก็ควรใช้ให้คุ้ม ผู้หญิงใครรูปร่างดีก็ควรจะใส่ชุดที่วับๆ แวมๆนิดนึง จะดูมีสีสันน่าดึงดูดสายตา หรือถ้าแก้ผ้าไปเลยจะดีมาก
รูปประกอบจากเน็ต |
3.กำหนดวัตถุดิบให้เหมาะสม
ก็แล้วแต่อีกน่ะแหละ ว่าชุดที่จะแต่งน่ะมันเป็นตัวอะไร ก็ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น ดูเหมาะสมในระดับนึงด้วย
เช่นชุดเกราะครูเซเดอร์ เอาผ้าฝ้ายมาตัดก็ยังไงๆอยู่ หรือชุดโพริ่ง ก็คงไม่ต้องถึงขั้นผสมผงเยลลี่ 100 ซองเพื่อจะมาทำเป็นชุด ถึงจะอ้างว่าเสร็จงานแล้วเอามากินได้ก็เหอะ ชุดมัมมี่ก็ด้วย ใช้แค่ทิชชู่ก็พอแล้ว ไม่ต้องสมจริงขนาดที่ใช้ผ้าห่อศพมาพันตัว สงสารคนที่มาขอแกถ่ายรูปบ้าง เกิดเค้ากดติดวิญญาณขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไง
จะทำท่าเอียงคอ เขกกระโหลกตัวเองน่ารักๆแล้วพูดว่า “แหะๆ หวา แย่จังง... อาริงาโต๊ะ.!! ” เค้าคงจะให้อภัยแกหรอก…
วัตถุดิบที่ใช้เอาที่หาง่ายๆ ราคาถูกก็พอ ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของแกแล้วล่ะ ว่าจะประดิษฐ์ให้มันสวยเริ่ดประเสริฐศรีมณีเด้งแค่ไหน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคน สู้ๆ
รูปประกอบจากเน็ต |
บอกตรงๆว่า เป็นช่วงที่ทรมานที่สุด อยากแต่งมันก็ส่วนอยากแต่ง แต่อยากทำนี่เชื่อเลยว่าไม่มีใครอยากแน่นอน มันเสียเวลา เหนื่อยอีกต่างหาก ไหนจะเย็บชุด ตัดกระดาษ พ่นสี เปลี่ยนลมยาง
ถ้าชุดคอสเพลย์สำเร็จรูปมันมีขายที่เซเว่นก็คงไม่เดือดร้อนขนาดนี้เป็นแบบเปิดฝาใส่น้ำร้อน รอ 2 นาที มันก็เด้งเป็นชุดคอสเพลย์ออกมาให้แกใส่ได้เลย
แต่นี่มันไม่มีนี่หว่า ถ้างั้นก็นั่งทำกันต่อไปเถอะ พยายามท่องไว้ตลอดว่า
“ของที่ทำด้วยความสามารถและความพยายามของตัวเอง… ย่อมมีค่ามากกว่าของที่ได้มาฟรีๆ”
โอ้… นี่มัน!! สาระ!! คอลัมน์ Ro ซอกหลืบมีสาระกะเค้าด้วยหรือนี่ พวกเราๆ มาดูเร็ว!! คอลัมน์ Ro ซอกหลืบมีสาระด้วย เจ้าข้าเอ้ยย
5.เช็คความเหมือน ความเด่น ความสะดุดตา
เมื่อหลังขดหลังแข็งประดิษฐ์ชุดจนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเช็ครายละเอียดครั้งสุดท้ายก่อนเข้างาน ว่าเหมือนมั้ย เด่นรึเปล่า เห็นแล้วชวนให้เหลียวหลังไปมองอีกครั้งมั้ย
วิธีเช็คที่ง่ายที่สุด ก็คือ ให้ใส่ชุดคอสเพลย์แล้วเดินออกไปที่ป้ายรถเมล์ เน้นป้ายที่คนเยอะๆ เช่นหน้าห้างสรรพสินค้า หรือหน้าโรงหนังเมเจอร์ เดินเวียนซ้ายซัก 4 รอบครึ่ง อาจจะมีคนเอากิ่งไม้มาเขี่ยเล่นบ้าง หรือมองแปลกๆ เหมือนเจอแมว 6 ขา ก็อย่าไปหักคอเค้า เพราะนั่นหมายความว่าชุดแกน่ะเหมือนมาก เด่นมาก มีแต่คนอยากจับต้อง มองแล้วสะดุดตา
เมื่อโอเคแล้ว ให้แกตะโกนขอบคุณคนที่ป้ายรถเมล์ดังๆว่า
“ขอบคุณมากคร้าบ..!! สำหรับกำลังใจ ผมจะสู้ต่อไปเพื่อทุกท่าน โซเด๊..!!”
พูดจบก็ชูสองนิ้วลิโพ แล้วก็เดินกลับบ้านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จะทำการอะไร ความมั่นใจย่อมเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆที่ขาดไม่ได้ เอาล่ะครับ เมื่อมั่นใจแล้ว เราก็ไปเข้างานกันเถอะ
6.สวมวิญญานมนุษย์คอสเพลย์
เอาล่ะ เมื่อชุดพร้อม ร่างกายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ ไวตามิลล์กันแล้ว ก็เหลือแต่สวมวิญญาณของตัวละครที่เราจะเป็นเท่านั้น
เพื่อให้การแต่งคอสเพลย์ดูน่าเลื่อมไส หรือเรียกง่ายๆว่า “อินกับชุด” นั่นเอง แต่งแล้วเดินไปเดินมาเฉยๆ ไม่ออกแอ็คชั่นอะไรเลย จะแต่งมาหาเหวอะไร นอนแคะขี้สะดืออยู่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ
มันต้องสร้างสีสันให้ตัวเองบ้าง เค้าเรียกว่าดึงเรทติ้ง อินที่ว่าเนี่ยก็ขอแค่ประมาณนึง ไม่ต้องเยอะ ดูแล้วงุงินิดๆก็พอ โพสท่าเลียนแบบเล็กๆ น้อยพอเก๋ไก๋ชไนเดอร์
ไม่ใช่แต่งเป็นวิสาจแล้วเชิญวิญญาณจอมเวทย์เข้าสิง ราดน้ำมันจุดไฟร่ายเวทย์กันจริงๆกลางงาน จากไฟวอลล์ ก็กลายเป็นไฟไหม้ฮอลล์
หรือพวกไนท์ก็ไม่ต้องจริงจังถึงขนาดใช้ดาบอัศวินของจริง วิ่งไล่ฟันคนในงานให้เลือดสาดหรอก
แค่เอาดาบปลอมมาวิ่งไล่จิ้มตูดคนอื่นก็พอแล้ว ไม่มีใครตายแถมยังได้เสียวอีกต่างหาก
จะอินกับตัวละครแค่ไหนก็ควรจะมีขอบเขตด้วยล่ะกัน เพราะอย่าลืมว่ายังไงเราก็เป็นคน ไม่ใช่ตัวละครในเกมๆ ไหนทั้งนั้น อินมากไปเดี๋ยวคนอื่นเค้าจะมองว่าเราบ้าซะเปล่าๆ
ถอดชุดคอสเพลย์ออกแล้วก็อย่าลืมถอดวิญญาณตัวละครตัวนั้นทิ้งไปด้วย ฝากไว้ด้วยละกันนะ ตะเอง
วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
ตอบจดหมายกับนายปันยา EP04
Q สวัสดีครับพี่ปันยา
ผมชื่อไมเคิล เพิ่งเล่นแรคเมื่อวานนี้ครับพี่ ยังเป็นโนวิทอยู่เลย อยากเปลี่ยนอาชีพเร็วๆ
เพื่อนผมบอกว่าให้ไปตีบาโฟ หรือโอชีริสดิ จะได้อัพเร็วๆ
พี่ปันยาคับ พี่ว่าผมควรจะตีตัวไหนดีกว่าคับพี่
พี่ปันยาคับ พี่ว่าผมควรจะตีตัวไหนดีกว่าคับพี่
A พี่ว่าหาไม้หน้าสามเหมาะๆ มือซักอัน
แล้วไปตีหัวเพื่อนน้องไมเคิลจะดีที่สุดครับ
Q แล้วถ้าไม่ตีตามที่เพื่อนผมบอก พี่ปันยาว่าผมควรตีตัวไรดีครับ ช่วยแนะนำผมหน่อยจิ
A ตีมายาเลยน้อง รับรองอัพกระฉูดพรูดพราด
Q ขอบคุณมากครับพี่ปันยา
พี่ปันยาเนี่ยเป็นที่พึ่งให้ผมได้จริงๆ
ไมเคิล จอแบน
Q สวัสดีค่ะพี่ปันยาสุดหล่อ หนูมีคำถามที่น่าสงสัยมักๆ เรย
มาถามพี่ปันยา พร้อมจะตอบรึยังเอ่ย
A ยังครับ วันหลังน้องเขียนมาใหม่ละกัน บาย
Q ไม่ได้ค่ะพี่ปันยา..!! พี่ปันยาต้องตอบจดหมายของหนูเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ด้วย
ไม่งั้นหนูจะเอารูปที่พี่ปันยาไปแอบแต่งคอสเพลย์เป็นไข่ปีโก้ลงประจานทางอินเตอร์เน็ทด้วยล่ะคะ
พี่ปันยาคงไม่อยากให้ใครเห็นใช่มั้ยคะ
A ไข่ปีโก้ที่ไหน ไข่มดตะหาก ไม่รู้ก็อย่า…. จะถามไรก็ถามมา
Q พี่ปันยาคิดยังไงกับคนที่แต่งคอสเพลย์เป็นไข่มดคะ
A พี่คิดว่า
เค้ากำลังอยากจะฆ่าคนที่ไปแอบถ่ายรูปตอนที่เค้ากะลังแต่งชุดอยู่อ่ะครับ พี่คิดว่างั้นนะ ค่อนข้างจะมั่นใจด้วย
Q ค่ะ
A นี่แกว่างใช่มั้ยเนี่ย
ฮิเดน Girl
Q สวัสดีคับพี่ปันยา
ผมชื่อสุธี มีเรื่องมาเล่าให้ฟังคับพี่
คืองี้ครับ เมื่อวานผมไปเล่นแรคที่ร้านแถวบ้านมา ไปเจอคนบ้าแรคครับพี่ บ้ามาก พูดแต่เรื่องแรคทั้งวัน
เวลาเล่นแรคก็ใส่ชุดคอสเพลย์เล่น ชอบโวยวายลั่นร้าน เวลาเครื่องแลคมีชกเครื่อง เวลาตัวที่เค้าเล่นตายเค้าก็ร้องไห้ด้วย ผมเห็นแล้วกลัวมากเลยคับพี่
ตอนที่เค้าเดินออกมาจากร้าน เค้าเดินชนผมด้วย ผมจะถามพี่ว่า ไอ้อาการแบบเนี้ย สามารถติดกันได้ทางการสัมผัสหรือเปล่า ถ้าใช่ผมควรจะทำไงดี
คืองี้ครับ เมื่อวานผมไปเล่นแรคที่ร้านแถวบ้านมา ไปเจอคนบ้าแรคครับพี่ บ้ามาก พูดแต่เรื่องแรคทั้งวัน
เวลาเล่นแรคก็ใส่ชุดคอสเพลย์เล่น ชอบโวยวายลั่นร้าน เวลาเครื่องแลคมีชกเครื่อง เวลาตัวที่เค้าเล่นตายเค้าก็ร้องไห้ด้วย ผมเห็นแล้วกลัวมากเลยคับพี่
ตอนที่เค้าเดินออกมาจากร้าน เค้าเดินชนผมด้วย ผมจะถามพี่ว่า ไอ้อาการแบบเนี้ย สามารถติดกันได้ทางการสัมผัสหรือเปล่า ถ้าใช่ผมควรจะทำไงดี
A อืม….
อันนี้พี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ
ต้องรอดูอาการสัก 2 สัปดาห์ก่อน
ถ้าน้องสุธีมีผื่นขึ้นตามตัว แล้วก็มีความรู้สึกว่าอยากจะเอาหนังสือแรคมาดมแล้วล่ะก็ พี่ว่าน้องควรปรึกษาแพทย์ด่วนเลยครับ เพราะนั่นคืออาการขั้นต้นของ “แรคลิซึ่ม”
ถ้าน้องสุธีมีผื่นขึ้นตามตัว แล้วก็มีความรู้สึกว่าอยากจะเอาหนังสือแรคมาดมแล้วล่ะก็ พี่ว่าน้องควรปรึกษาแพทย์ด่วนเลยครับ เพราะนั่นคืออาการขั้นต้นของ “แรคลิซึ่ม”
ถ้าปล่อยไว้นานแล้วไม่ยอมรักษา น้องสุธีก็จะเป็นอย่างที่เห็นเมื่อวานอ่ะครับ
Q ไม่มีวิธีสร้างภูมิคุ้มกันโรคนี้เลยเหรอครับ
A เท่าที่พอรู้มาบ้าง ก็ให้เอาหนังสือเรียน หรือหนังสืออะไรก็ได้ที่มีสาระไปต้มในน้ำร้อน
แล้วเอาน้ำมาดื่มวันล่ะ 3 เวลา ก็ถือว่าเป็นการป้องกันได้ในระดับนึงครับ
Q ขอบคุณมากครับพี่ปันยา เดี๋ยวผมจะปริ้นท์เอาไปติดบอร์ดให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันบ้าง
จะได้มีสุขภาพแข็งแรง
A น้องสุธีนี่เป็นคนดีจริงๆ
สุธี แส้หนัง
วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ปลุกใจเกรียนกรึ่ม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)