วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน เกรียนอีเวนท์


                                                              (ต้นฉบับปี 2556)
          

เกรียนสหายท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า 


“ความฟินสุดยอดอย่างหนึ่งของเกรียนไทยก็คือ การได้ออกเผยแพร่ความเกรียน แลกเปลี่ยนความเกรียนซึ่งกันและกันตามงานต่างๆ”


ฟังแล้วเหมือนกับออกไปดูงานนอกสถานที่ ไปเรียนความเกรียนเพิ่มเติมยังไงยังงั้น ความรู้สึกนี้คุ้นมาก ผมก็ทำงานบริษัท แอบคิดอยู่เหมือนกันว่า เออ..... มันก็ดูเป็นระบบองค์กรดีนะ ไปศึกษางานข้างนอก แล้วก็กลับมาแหกปากโวยวายกันต่อในร้านเกม..... เหรอ...... เฮ้ย เอาจริงดิ เพื่ออะไรวะ


ถ้าพูดถึงงานใหญ่ที่เหล่าเกรียนจะออกไปโชว์พาวด์ได้นั้น หลักๆ หนีไม่พ้นงานไทยแลนด์เกมโชว์ งานรองๆ ลงมาก็พวกงานการ์ตูนคอสเพลย์ทั่วไป


ก่อนจะมีงานพวกนี้  พวกเราเงียบเหงามากครับ  พวกเราอยู่แค่กรอบสี่เหลี่ยมแคบๆ มืดๆ สลัวๆ ความเท่ห์ของพวกเราก็ชื่นชมกันเอง แหม่.... ไอ้มืดๆ แคบๆ สลัวๆ นี่ ได้ฟีลยังกะอยู่ในกะลา แล้วทีนี้เมื่อฟ้าประทานงานออกสื่อให้พวกเรา มีหรือครับที่พวกเราจะไม่ลั้นลา ดีใจแทบจะกระโดดท่าสวอนเลกจากลาดพร้าวไปถึงไบเทค


ผมยอมรับว่า อีเวนท์แบบนี้ มันมาหาผมช้าไป 10 ปี  กว่าผมจะได้ไปเหยียบอีเวนท์ใหญ่ระดับชาติแบบนี้ ก็ปาเข้าไป 23 แล้ว ไอ้ช่วงพีคๆ ของผมเสือกอยู่ที่ 14-15 ยังหล่ออยู่ในกะลาอยู่เลย


บางทีการได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ในตอนที่เริ่มเป็นผู้ใหญ่ มันก็ได้ฟีลแปลกๆ ดี   ออกไปทางลังเลว่า  กูจะอยู่ในงานแบบนี้ด้วยร่างไหนดีวะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว มันต้องเป็นผู้ใหญ่หน่อย 


โห.... แต่อีกใจนี่อยากปลดปล่อยชิบหาย เวลาเห็นกลุ่มหัวเกรียนสัก 5-6 เดินเข้ามาในงาน เน้นเลยครับว่า มาแบบหัวเกรียนมาเลย คนเดียวเห็นก็มือสั่นแล้ว อยากตบมาก นี่มาเป็นแก๊งค์ ถ้ามาสัก 8 คนน่าตบไล่บันไดเสียงมากๆ จะโดเรมีฟาซอลให้ครบ


และด้วยความที่เกรียนได้ออกสู่โลกกว้าง ออกมาอัพเลเวลนอกสถานที่ บางคนนี่เหมือนได้หัดพูดเป็นครั้งแรกในชีวิต แหกปากพูดไม่หยุด ก่อนหน้านั้นคุยด้วยภาษาพิมพ์อย่างเดียว ผู้ปกครองที่มากับบุตรหลานได้ถือโอกาสสอนลูกไปในตัวว่า นี่นะลูก ผีเจาะปากมาพูดมันเป็นแบบนี้ ถ้าเอาเยี่ยงอย่างแม่ไม่ให้เล่นไอแพดนะ


มีคนพูดมาก และก็ต้องมีคนที่ไม่ค่อยพูด เป็นเกรียนสายเน้นแอค มาเพื่อหล่ออย่างเดียว พกความเป็นที่หนึ่งของร้านลุง คือพูดมากไม่ได้ไง เดี๋ยวลุคจะดูเหมือนพวกขี้โม้ ต้องนิ่งๆ ให้หญิงดูเหมือนว่าเก่ง แต่พวกนี้อย่าให้หลุดเชียว เพราะถ้าเริ่มโม้มันจะหยุดไม่ได้ และจะกลายเป็นไอ้แบบแรกไปโดยไม่รู้ตัว


ส่วนใหญ่เวลาเกรียนเข้างานแบบนี้นะครับ จะเน้นมาเป็นกลุ่ม คอนเส็บบอยแบนด์ ประตูเปิดเดินเข้ามานึกว่าวง 2PM พวกนี้มี 6Pack ด้วยนะเออ พูดเป็นเล่นไป มา 6 คน เอามาคนละ Pack รวมกันก็ครบพอดี


ถึงแม้จะไม่มีกฎบังคับตายตัว แต่ถ้าพวกเราเข้ามาเหยียบงานเมื่อไหร่ มีไม่กี่อย่างหรอกครับที่พวกเราต้องทำ  ซึ่งก็ไม่รู้จะทำไปทำไม   ไม่แล้วแล้วร้านลุงจะไฟไหม้เหรอ


ผมเรียกมันว่า “เบญจเกรียน” 5 สิ่งสำคัญ นั่นก็คือ.....


แกล้งเพื่อน!! ออกวิ่ง!! ทิ้งตัวนั่ง!! บังพ่อแม่พี่น้อง!! ร้องโวยวาย!!


ซึ่งผมก็เคยทำมาครบแล้ว...... อายจุงเบย


แกล้งเพื่อน!!!


การแกล้งเพื่อนนี่ดึงสายตาประชาชีมาก ถือเป็นจุดขายเวลาออกงานได้เลย ส่วนใหญ่จะต้องมีพล็อบอยู่ในมือ ประมาณว่าไปเล่นเกมได้ของที่ระลึกมาแล้ว  สมมุติว่าเป็นค้อนแบล็คสมิธ


ไอ้จะถือเรียบๆ เดินเฉยๆ มันก็เนิร์ดไป เลยจัดให้เพื่อนแจ่มๆ สัก 2 ดอก โพล๊ะ โพล๊ะ บางคนนี่หวดแบบไม่กลัวเสียเพื่อนเลยทีเดียว ไอ้คนที่โดนหวดก็ตามธรรมเนียมครับ ก็ต้องหันมาเอาคืนอยู่แล้ว ทำแบบนี้ผู้ชมจะลุ้นมาก ลุ้นว่ามันจะวางพล็อบแล้วมาต่อยกันจริงๆ มั้ย


ซึ่งส่วนใหญ่จะจบลงแบบหวดสมานฉันท์ ดูเผินๆ เลยเหมือนหวดกันเป็นพิธี ออกแนวยั่วให้อยากแล้วจากไป.....


ออกวิ่ง!!


การวิ่งนี่แสดงถึงความอเลิร์ท ตื่นตัว สปีดที่ใช้นี่ไม่ใช่แค่วิ่งเหยาะๆ แน่นอน เราไม่ได้มาออกกำลังกาย เรามาแสดงตัวตนให้โลกรู้


ส่วนใหญ่พวกวิ่งเราจะพบเจอได้ตามทางเข้า มีแค่สาเหตุเดียว นั่นคือเดินไม่ทันเพื่อน!! มัวแต่เหล่หญิง มัวแต่มองสาวแว่นหูกระต่าย หันมาอีกทีเพื่อนเดินไปลิบแล้ว แม่งก็ออกวิ่งเลย เท่ห์มาก


พอวิ่งทันก็เก็กทีนึง แล้วก็หันไปมองหญิงอีก อ้าว เพื่อนหาย ก็ต้องวิ่งอีก ถือเป็นวงจรอุบาทว์ที่ไม่จบสิ้น  สุขภาพดีแข็งแรงมั้ยล่ะมึง


ทิ้งตัวนั่ง!!


ถือเป็นจุดขายอีกหนึ่งของเกรียนไทย พวกเราไม่ถือตัวอยู่แล้วครับ ง่ายๆ สบายๆ ขอเพียงตรงนั้นไม่มีป้ายปักไว้ว่าใครเป็นเจ้าของ 


ทิ้งตัวนั่งเลย เสมือนเป็นบ้านของตัวเอง บางคนนอนเลยก็มี!!! โชว์เลยว่าเมื่อคืนเล่นเกมดึก แล้วจากนั้นก็ไม่ใช่แค่นั่งแล้ว ขนม นม เนย การ์ตูน เกม สารพัดจะเสกออกมา ซึ่งสุดท้ายก็ลุกไปพร้อมกับร่องรอยอารยะธรรมที่แม่บ้านอยากจะตามไปกระทืบ


บังพ่อแม่พี่น้อง!!


แหม่..... กว่าจะได้คำที่คล้องจอง แต่มันก็จริง ด้วยความที่งานแบบนี้เป็นงานที่ช่วงชิงจังหวะ ฉกชิงที่ว่าง งานเกมส์นะ ไม่ใช่รถเมล์ จะได้เอื้อเฟื้อให้เด็ก สตรี และคนชรา เคลียร์มั้ย


อย่า.... อย่ามาบอกว่าเหตุผลฟังไม่ขึ้น ผมฟังแล้วยังขึ้นเลย อารมณ์ขึ้นเลย!! พวกเอ็งคิดว่าจะเอาโปสเตอร์โพริ่งท้องแก่กลับบ้านได้เรอะ ข้ามศพตูไปก่อน!!!


ว่าแล้วก็แซงคิวซะเบย  โอ.... เรื่องชั่วๆ ทำไมมึงคล่องจังวะ


ร้องโวยวาย!!


อันนี้จุดขายหลักอยู่แล้ว แย่งกันเด่นคืองานของเรา


แต่อยู่ในงานนี้เราต้องใช้พลังเสียงมากกว่าในร้านเกม 6 เท่า เพราะงานมันเสียงดังอยู่แล้ว แค่จะพูดให้ได้ยินยังต้องใช้พลังมากขึ้น 3 เท่า แล้วถ้าจะโวยวายก็ต้องคูณ 2 ไปอีก


ถามว่าทำไปเพื่ออะไร ตอบเลยว่าก้อมันเป็นฟีลลิ่ง เป็นคำตอบที่เคลียร์สุดแล้ว ฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าจะเห็นเกรียนบางคนกล่องเสียงแตก ลงไปนอนอ้าปากค้างอยู่ที่พื้น พร้อมกับสายตาอันน่ายินดีของประชาชนทั่วไปว่าสมน้ำหน้า


ถ้าพวกเขามีความสุขเราก็ดีใจ ไม่หวังอะไรตอบแทนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นสิ่งที่เราต้องทำเพื่อทุกคน..... ทำไปเพื่อ เพื่อ อัลไล


งานแบบนี้นานทีปีหน หรือปีละ 2 หน แน่นอนพอมีงานแบบนี้ ใครทำอะไรก็โดนว่าไปตามระเบียบ คึกคะนองเองนะ  ทำอะไรก็รับผลไป

ถึงจะมาอ้างว่า  พวกเราก็ทำตามสโลแกน  

"เปิดโลกการเกรียนรู้ ความรู้ไม่จบแค่ในร้านเกม"

พวกเราต้องไปครับ เกรียนกับเกมเป็นของคู่กัน ลองคิดดูนะว่าถ้างานเกมที่ไม่มีเกรียน มันจะขาดสีสันแค่ไหน มันต้องมีพวกเราครับ เกรียนอย่างเราสำคัญมากกับงานแบบนี้  ถ้าไม่มีรู้มั้ยจะเกิดอะไรขึ้น

ทุกคนจะได้เจอกับความสงบสุขครับ!!




อ้าว ทำไมจบหักมุมแบบนี้ล่ะเฮ่ย......





วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน นับหนึ่ง ถึงล้มตึง



(ต้นฉบับปี 2556)




             
ผมเชื่อว่าใครที่เข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัวแล้ว เช่นผมเนี่ย..... จะมีความคิดอย่างนึงที่เหมือนกันทุกคน


นั่นคือ... คิดถึงอดีต


การคิดถึงอดีตเนี่ยนะครับ เป็นหลักฐานที่มัดตัวโคตรแน่นหนามากๆ ว่า มึงแก่แล้ว ฮ่าๆ  ดิ้นให้ตายยังไงก็ไม่หลุด ยิ่งงานเยอะ ยิ่งไม่มีเวลาว่าง  แหม.... มันยิ่งคิดถึง


คิดถึงทุกครั้งเวลานั่งเก้าอี้โยกหน้าบ้าน  คิดถึงช่วงเวลาที่เรากลับไปทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว อะไรที่ยังพอทำได้อยู่ ก็ไม่รู้จะไปคิดถึงทำมะเขือพวงอะไร เช่นการนัดเพื่อนมาเกรียนวินนิ่งสักชั่วโมงนึง เล่นการ์ดยูกิสักเกมสองเกม หรือทำอะไรที่ใช้เวลาไม่มาก ผมจะไม่ค่อยอาลัยอาวรณ์มันสักเท่าไหร่


ความคิดถึงที่ผมกำลังพูดถึง นั่นคือ การเล่นเกมประเภทเดินเก็บเวล..... หรือจะเรียกว่าเกมภาษา เกมออนไลน์ เกมเดินตี  แล้วแต่จะเรียกน่ะแหละ  มันเป็นเกมที่จะพรากเวลาว่างของคุณไปอย่างน้อยๆ 3 ชม. นี่คือขั้นต่ำ  มันเป็นเกมที่ใช้เวลาเล่นมากมายมหาศาล มากถึงขนาดที่ว่า ถ้าเอาเวลาพวกนี้ไปอ่านหนังสือ ป่านนี้คงจบหมอไปแล้ว ไม่ได้นั่งหน้าหม้อ (ต้มมาม่า) จนถึงทุกวันนี้


ก็ไม่รู้จะคิดให้มันเสียดายเวลาเล่นๆ ไปทำไม เพราะถึงยังไงถ้าย้อนเวลาได้ ผมก็จะกลับไปตั้งใจเล่นอยู่ดี เพราะทุกวันนี้ ผมยังรู้สึกว่าชีวิตวัยรุ่นของผมยังเล่นไม่คุ้มเลย....


เกมเก็บเวลเป็นเกมประเภทชิลชิลครับ ไม่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอด ไม่ต้องระวังว่าจะโดนทำวันทูเมื่อไหร่ ไม่ต้องระวังว่าจะโดนเฮดช็อตตอนไหน ไม่ต้องโวยวายมาก เราจะโวยแค่กรึ่มกรึ่ม.... พองาม พอน่ารัก เพราะวันนึงเราต้องอยู่กับมันนานมาก ประหนึ่งผัวเมีย


คนเล่นเกมประเภทนี้บ่อยๆ จะมีนิสัยใจเย็นครับ ผมเองก็ใจเย็น ถามว่าขนาดไหน เย็นขนาดที่ว่า ไม่ต้องเรียนจบก็ได้ จะเล่นไปดรอปไปอยู่อย่างนี้แหละ เย็นมาก จะเย็นไปไหน เย็นให้ครอบครัวเดือดร้อนแล้ว อันนี้ไม่ใช่ละ ออกไปทางขี้เกียจมากกว่า ไม่รู้จะเอาเรื่องจริงมาตลกทำไม


แต่เรื่องแปลกแต่จริงของคนเก็บเลเวล นั่นคือ เราจะเป็นพวกที่นั่งได้อึดมาก อึดกว่าพวกรับจ้างประท้วงอาชีพ บางคนสามารถเล่นข้ามคืนถึงเช้าไปสบายๆ ขอเพียงแค่มีบุหรี่สูบชั่วโมงละมวน หรือกระทิงแดงสักขวด เอาไว้บิวท์อารมณ์


ดูเผินๆ เหมือนเล่นเกมแก้บน ทรมานตัวเองเล่นๆ เป็นประสบการณ์ ใครเล่นเก่งหน่อยก็คงหวังให้มีรูปปั้นอยู่หน้าร้านลุง


พูดไปก็อินเนอร์ไป ถ้างั้นเรามาย้อนอดีตกัน วันนี้เราจะมาเริ่มนับกันตั้งแต่หย่อนตูดลงบนเก้าอี้เลยทีเดียว


วันนี้เราจะมานับ ชม. ด้วยกัน ว่าพวกเรายังจำวันนั้นของเดือนได้ไหม วันที่พวกเราไม่รู้จะนั่งทำเหวอะไรทั้งวันทั้งคืน


ชม.แรก

ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ความฟินสุดยอดอยู่ที่ ชม.นี้ เราเปิดประตูร้านเกมเข้ามา หลบแสงแดดแผดเผาจากข้างนอก มาเจอแอร์เย็นฉ่ำ ได้ยินเสียงต้อนรับของเจ้าของร้านสาว (บางร้านก็ป้าแก่)

“เล่นกี่ ชม. คะ” 

แน่นอนคำตอบคือ เรื่อยๆ...... จนกว่าจะตายไปข้าง 

เราก็หย่อนตูดลงไปที่เก้าอี้แสนนุ่ม บางร้านเอนได้ยังกะเก้าอี้ตัดผม นี่แหละคือเวลาแห่งการพักผ่อนจากโลกความจริง ความลั้นลาเริ่มขึ้นแล้ว ส่วนใหญ่จะเริ่มต้นได้สวยงาม ด้วยการมีเครื่องดื่มเย็นๆ หวานๆ ไว้ข้างกาย บ่องตงเลยว่า ไม่มีอะไรสุขใจไปกว่านี้


ชม.ที่ 2

เข้าสู่ ชมนี้ สิ่งที่คิดเหมือนกันทุกคนก็คือ

อ้าว.... ชั่วโมงนึงแล้วเรอะ!!!

อะไรวะ ตดยังไม่หายเหม็น ชาเขียวยังไม่หมดขวด มันเร็วมากกกก ทำไมตอนเรียนคณิตศาสตร์ไม่เร็วยังงี้บ้างวะ ดูสิ ก็เพราะมันรู้สึกว่าเร็วนี่แหละ ยังฟิตอยู่เลย 

จะเรียกว่า พวกเราจะติดเครื่องกันที่ ชม.นี้ก็ไม่ผิดนัก มอนสเตอร์หน้าไหนก็ดาหน้ากันเข้ามาเลย เครื่องร้อนแล้วโว้ย...ยยยย ไม่มีอะไรหยุดพลังวัยรุ่นได้อีกแล้วววววว...... ว่าแต่ทำไมเวลาเรียน พวกแกไม่ตั้งใจแบบนี้บ้างว๊าาาาาา..... แม่มเอ้ยยยยยย!!!!


ชม.ที่ 3

ผมขอเรียกชั่วโมงนี้ว่า ชั่วโมงวัดใจ....

หลายคนตั้งใจว่าจะเป็นเด็กดี หลายคนตั้งใจว่า เฮ้ย แค่นี้พอแล้ว หลายคนรู้อยู่แก่ใจว่า เราควรเล่นเกมวันละไม่เกิน 2 ชม.!!! 

แต่นี่มันเกินมาแล้ว!! แล้วไง ยังไงต่อดีล่ะเนี่ย

มันมาแล้วครับ เทวดาฝ่ายดีในชุดขาว กับซาตานสีแดงฝ่ายชั่วในตัวเรา มันกำลังตีกันอย่างอุตลุด จุดนี้คือจุดวัดใจ เปิดเพลงวัดใจของซิลลี่ฟูลส์คลอไว้ได้เลย

ถ้าเราผ่านชั่วโมงที่ 3 นี้ไปได้ ขอบอกเลยครับว่า อีกยาว........


ชม. ที่ 4

สมมตินะครับว่า เราเริ่มเล่นตอนสักบ่าย 2 ตอนนี้ก็น่าจะ 6 โมงพอดี ได้เวลากินข้าวแล้ว ใช่ ถ้าเป็นคนปกติสามัญทั่วไป นี่คือเวลากินข้าว 

แต่เราไม่ใช่ เราคือเด็กเว้ล!!! เรื่องกินเอาไว้ทีหลัง เรื่องเก็บต้องมาก่อน ถึงตอนนี้ หลายคนเริ่มพูดน้อยแล้ว ไอ้ที่มาด้วยกันตอนบ่ายๆ หันไปดูมัน สันหลังสไลด์ลงมาที่เบาะแล้ว มีหลบสายตาไปมองเพดานเล็กน้อย ก่อนจะเล่นต่อไปแบบเนิบๆ โดยถือคติช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม.... 

นั่น เห็นมั้ย มอนสเตอร์ดรอปพร้าให้พอดี


ชม. ที่ 5

อืม..... ถ้าจะว่ากันด้วยหลักการทำงานของร่างกาย อาหารที่รับไปเมื่อตอนบ่าย ซึ่งก็มีแค่ชาเขียว 1 ขวด หรือชาไข่มุกปั่น ร่างกายก็น่าจะเผาผลาญจนหมดเกลี้ยงแล้ว

ตอนนี้ต้องบอกว่า อวัยวะเดียวที่ยังเคลื่อนไหวอยู่คือข้อมือ นอกร้านก็มืดแล้ว แต่เราไม่รู้ ไม่รับรู้อะไรแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเล่นไปกี่ชม. นี่แหละเรื่อยๆ ของจริง มันจะไปสิ้นสุดตรงไหนกันนะ สู้ตาย


ชม. ที่ 6

เหมือน ชม.ที่ 5 ทุกอย่าง บางคนไปเปิดร้านขายของ แล้วนอนหลับไปเลยก็มี บางคนก็บอกตัวเองว่า อืม.... ได้เวลาเยี่ยวบ้างแล้วนะ 

ปรากฏว่าอั้นนานไปหน่อย ออกมาเป็นหน่วงๆ ล้างหน้าล้างตาหน่อยดีไหม ก่อนจะกลับไปลุยต่อ ท้องไส้ตอนนี้เลยจุดคำว่าหิวสุดๆ ไปแล้ว มันหิวนะ แต่ท้องไส้มันไม่รับอะไรแล้ว แต่บางคนก็ยังกินโค้กได้

มาถึงขนาดนี้มันต้องไปยาวๆ ขออีกสัก 2-3 เลเวลในค่ำคืนนี้จะเป็นพระคุณ


ชม. ที่ 7

จัดมาม่าสัก 2 ห่อก่อนดีไหม..... 

ถึงตอนนี้ไม่เบรกหาอะไรลงท้องมีอ้วกเป็นน้ำย่อยแน่ๆ โอเคจัดเลยอย่ารอช้า ใส่ไข่ด้วย ลูกชิ้น ซากตึก ซากปรักหักพังอะไรที่เหลือในตู้เย็นจัดมาเลยป้า ผมเหมาหมด

แต่ทั้งหมดนี่ขอในราคา 20 นะ เดลเลย...... อ่าว ก้อตังค์ไม่มีอ่ะ มาเอาในเกมได้แมะ ผมรวยนะ ไม่เคยได้ยินสุภาษิตเหรอ

“วันนี้กินมาม่า วันหน้ากินน้ำเกลือ” อ้าว...... ฟังแล้วดูน่ากลัวแปลกๆ นะ ช่างมันเถอะ


ชม. ที่ 8

รู้สึกว่า ตกลงเรากำลังสนุกสนานกับการเล่นเกม หรือว่าทรมานตัวเองกันอยู่แน่วะเนี่ย

บางคนรู้สึกว่าอยากเลิก แต่อีกใจนึงก็แบบว่า อีกเวลนึงน่า บางคนก็หักดิบเลิกไปเลย!!! หมายถึงเลิกเล่นออกไปดูเว็บโป๊แป๊บนึง ดูนมสร้างแรงบันดาลใจ แล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่ บางคนก็เน้นแชทกันไป เปลี่ยนบรรยากาศไปเรื่อย ถ้ามีบอล ก็เปิดวิทยุฟังไปด้วย

และแน่นอน ถ้ามีโทรศัพท์มาตามให้กลับบ้าน เราจะต้องบอกเหมือนๆ กันทุกคนว่า ทำรายงาน....... คลาสสิคขิงๆ


ชม. ที่ 9

นี่ก็ใกล้จะสุดๆ ของกำลังมนุษย์แล้ว ถ้าพรุ่งนี้ต้องไปเรียน มันจะขออีก ชม.นึง เอาให้ตาย.... 

จะทุ่มให้เป็นก๊อกสุดท้ายก่อนกลับบ้าน แต่ถ้าหยุด อันนี้ก็แล้วแต่คนละ ว่าจะข้ามคืนเลยไหม มีเควสอะไรสำคัญขนาดที่ไม่ทำคืนนี้บ้านจะไฟไหม้หรือเปล่า ถ้ามีก็จัดไปอย่าให้เสีย


ชม. ที่ 10

ถ้าผ่าน ชม. นี้แล้วยังไม่เลิก ถึงเช้าแน่นอน แต่ส่วนใหญ่จะเลิกครับ ไม่ใช่เพราะง่วง ก็ตังค์หมด 
โอเค พรุ่งนี้ค่อยมาเข้าวัฐจักรอุบาทว์กันใหม่

ใครปลุกให้ตักบาตรพรุ่งนี้ฝันไปเถอะว่าจะตื่น บางคนมันเก็บไปตีมอนส์ต่อในความฝันก็มี ก็แหงล่ะ เล่นจนหลอนซะขนาดนั้น





มันเป็นช่วงเวลาที่แบบว่า ถ้าเราใช้ชีวิตกับมันซะขนาดนี้ ต่อให้ไม่อยากคิดถึง มันก็ต้องคิดถึง และเราก็เต็มใจที่จะคิดถึงมันด้วย

เพราะคิดว่าช่วงที่เรากลับไปคิดถึงมัน จะมีคนอย่างน้อยๆ สิบคน จะคิดถึงเหมือนๆ กับเรา

แล้วก็จะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ว่าเล่นเวอร์ขนาดนี้ เราเอาชีวิตรอดมาได้ยังไงวะเนี่ย!!!