วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ ตอน เมอรี่คิดมาก


(ต้นฉบับปี 2547)


โฮะๆๆ เมอร์รี่คริสต์มาส ขวัญใจเด็กๆ ลุงซานต้าออกพบประชาชน น้องๆ หนู


“จิงกาเบล จิงกาเบล จิงเกอนงเนียงไตรตรึม ขเย๋ยอึมตรึมขแย มะละแหม่งตงกรุย.... ”

เฮ้ย!! หยุดๆ หยุดเลย เวอร์ชั่นไหนวะเนี่ย!!

เอาล่ะครับ หลังจากเปิดคอลัมน์ด้วยเพลงประจำเทศกาล  ซึ่งอาจจะเวอร์ชั่นพิเศษไปนิดนึง ผู้ปกครองควรให้คำปรึกษา แต่ถึงอย่างไรท่อน จิงกาเบล จิงกาเบล แน่นอนว่าต้องคุ้นหูผู้อ่านแน่ 

ใช่แล้วครับ นี่คือเทศกาลวันคริสต์มาส ไม่ใช่วันคิดมาก อย่า... อย่ามาเล่นมุกแถวนี้ สาระกำลังจะแน่นเปรี๊ยะ ไม่เห็นรึไง

แม้ผมจะไม่ได้นับถือคริสต์ และไม่ได้เกิดที่อาณาจักรโรมัน แต่ประวัติของวันคริสต์มาส  ก็พอรู้มาบ้าง เนื่องจากเป็นคนรักการเรียน และรักการศึกษาหาความรู้มาตั้งแต่เด็ก ดั่งที่หม่อมแม่ได้ปลูกฝังไว้

วันคริสมาสต์ คือวันฉลองการประสูติของพระเยซู ผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก เพราะชาวคริสต์ถือว่าพระเยซูไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มาเกิดทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด ดังนั้นการที่พระเจ้าได้ถ่อมองค์และเกียรติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของความชั่ว และบาปต่างๆ ความสำคัญของวันคริสต์มาสจึงอยู่ที่การฉลองความรักของพระเจ้าที่มีต่อโลกมนุษย์ ชาวคริสต์ทุกคนเห็นตัวตนในพระเยซูคริสต์ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ มากกว่าสิ่งอื่นใด

ถ้าพูดถึงวันคริสต์มาส นอกจากเพลงที่คุ้นหูกันแล้ว โลโก้ที่ทุกคนจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ แน่นอนคงหนีไม่พ้นลุงอ้วนแดง 

“ซานตาครอส” 

 เจ้าของเสียงหัวเราะที่เปี่ยมด้วยความอบอุ่น และอ่อนโยน ชอบสไลด์ปล่องไฟเป็นงานอดิเรก

ซึ่งตัวจริงของลุงอ้วนแดงก็คือ นักบุญนิโคลัสซึ่งเป็นบาทหลวงในประเทศตุรกี ผู้ขึ้นชื่อด้านความใจดี โดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อมาท่านเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วฮอลแลนด์ในชื่อ “ซินเตอร์คลาส” ราว ค.ศ 1870 ชาวอเมริกันเรียกชื่อเพี้ยนไปเป็น “ซานตาครอส” ตั้งแต่แรกจนถึง ค.ศ 1890 และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ก็นอกเรื่องไปพอประดับรอยหยักนะครับ สำหรับผู้อ่านที่เล่นแร็คมานาน คงไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่าเทศกาลนี้แหละที่รอคอย เพราะเราจะได้ไล่ยิงลุงซานต้า และล่าโพริ่งใส่หมวก เป็นความสนุกสนานบานตะไทที่ 1 ปีจะมีเพียงหน ถ้าพลาดร้องไห้ให้น้ำตาเช็ดตาตุ่มก็ไม่หายเสียดาย ป่านนี้ก็คงเริ่มออกล่ากันแล้ว

และก็หนึ่งปีมีหนเช่นกัน ที่เราจะจับลุงอ้วนแดงมาพบปะประชาชน อ่ะ ฮ้า... ฟังดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นไปแล้วครับที่นี่ ลุงซานต้าจะมาตอบ จ.ม น้องๆ หนูที่เขียนส่งมาหาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเด็กบางคนก็ลืมไปแล้ว แต่ซอกหลืบรอคอยเวลานี้มานานเหลือเกิน

เพราะลุงซานต้าได้สัญญากับผมเป็นการส่วนตัวในคืนฝนพรำ กลางกระท่อมปลายนาแล้วว่า เมื่อใดที่หิมะตก เสียงเพลงจิงเกอเบลดัง เขาจะควบกวางเรนเดียร์กลับมาเพื่อเด็ก ๆ ที่น่ารักทุกคน

และวันนี้ เขาก็กลับมาตามสัญญา จุ๊ๆ อย่าเอ็ดตะโรไป ไม่อยากให้แตกตื่น ลุงซานต้าตัวจริงเสียงจริงอยู่กับซอกหลืบที่นี่แล้ว เด็กดีคนไหนอยากได้อะไร รีบเขียน จ.ม มาหาตอนนี้ก็ยังไม่สายนะจ๊ะ





อ้อ... ลืมบอกไป ลุงซานต้าคนนี้เค้าชื่อ “แอนโตนิโอ” ล่ะตัวเอง

*******************************************

ฉบับที่ 1 จากน้องทะนงศักดิ์

“สวัสดีครับลุงซานต้า สบายดีไหมครับ ผมสบายดี ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากๆ เลยครับ ไม่คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตผมจะมีบุญวาสนาได้คุยกับซานตาครอส ถ้าลุงซานต้าตอบจดหมายฉบับนี้จริงผมคงจะมีความสุขมากๆ 

ตอนนี้ใกล้สอบแล้วครับ เพื่ออนาคต ตอนนี้ผมกำลังอ่านหนังสือสอบอย่างขะมักเขม้น โตขึ้นผมอยากเป็นแอร์โฮสเตสครับ เจริญรอยตามพี่สาวข้างบ้าน 

ผมคงไม่ขออะไรลุงซานต้ามาก ขอแค่คำอวยพรก่อนสอบเป็นกำลังใจ ผมก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดแห่งชีวิตวัยเด็กแล้ว แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงมาก ผมอยากให้ลุงซานต้าช่วยไปฉกเฉลยข้อสอบล่วงหน้ามาให้หน่อย

หวังว่าคำขอของผมคงไม่มากไป ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ตุ๊กตาปลุกเสกรูปซานตาครอสที่ลุงผมให้มาคิดว่าขลังพอดู น่าจะใช้ทรมานเล่นได้ ขอขอบคุณลุงซานต้าล่วงหน้า ไว้ผมจะเป็นเด็กดีตอบแทนให้ปีหน้านะครับ

ปล. รักลุงซานต้าเสมอ ลุงผ่านมาเราดีใจ ลุงผ่านไปเราคิดถึง”




ตอบ : คำอวยพรของหลานทะนงศักดิ์ลุงเขียนให้แล้ว พรุ่งนี้จะมีคนเอาไปให้พร้อมซองผ้าป่า ใส่เงินต่ำกว่าหลักพันระวังบ้านไฟไหม้โดยมิทราบสาเหตุ

ลุงก็หวังว่าหลานจะให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม ส่วนเฉลยข้อสอบลุงคงทำให้ไม่ได้จริง ๆ เพราะหน้าต่างห้องพักครูแคบมาก แขม่วพุงแล้วก็ยังติด ไม่เหมือนหน้าต่างบ้านหลาน เข้าง่ายออกสะดวก 

ตุ๊กตาปลุกเสกสวยดี ลุงขอเลยละกัน ก่อนสอบ 1 สัปดาห์แนะนำให้หลานลองคุยกับครูใหญ่เรื่องสร้างปล่องไฟที่ห้องพักครู ขนาดกว้างเมตรสี่สิบ ยาวเมตรสี่สิบ ลุงคิดว่าน่าจะสไลด์ผ่านไม่ยาก แต่ลุงเชื่อว่าครูใหญ่คงไม่น่าให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นลุงคิดว่าจะช่วยเหลือเท่าที่ทำได้

ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษข้อแรกตอบ ข. ไข่ นะหลาน ลางสังหรณ์มันบอก

สุดท้ายนี้ขอให้หลานได้เป็นแอร์โฮศเตสอย่างที่ตั้งใจ แต่ถ้าเป็นไม่ได้ เป็นพัดลมโฮสเตสก็ไม่เลวนัก จะได้ช่วยชาติประหยัดพลังงาน

ปล. ลุงซานต้าก็รักหลานเช่นกัน โฮะ โฮะ โฮะ


***************************************************

ฉบับที่ 2 จากน้องสก็อต วิลเลียม

“สวัสดีครับลุงซานต้า ถ้าลุงซานต้ากำลังอ่านจดหมายของผมอยู่จริงๆ ผมจะดีใจมากๆ เลยครับ และจะดีใจมากยิ่งๆ ขึ้นไปอีกถ้าลุงตอบจดหมายฉบับนี้กลับมาด้วยความเอ็นดู ตอนนี้ผมมีเรื่องกลุ้มใจเล็กน้อย ที่ผลงานทีมฟุตบอลทีมโปรดกำลังดิ่งเหว ผมเป็นแฟนแมนฯ ยู ครับ และผมก็คิดว่าลุงซานต้าก็น่าจะเป็นแฟนแมนฯ ยูเช่นกัน สังเกตจากชุดสีแดงล้วนที่ใส่ไม่เคยเปลี่ยน ผมดีใจนะครับที่บุคคลในฝันของผมมีอุดมการณ์เหมือนกัน ทุกวันนี้ผมทำตัวเป็นเด็กดีอย่างสม่ำเสมอ เพราะผมรู้ว่าลุงซานต้าจะให้ของขวัญเฉพาะกับเด็กดีเท่านั้น ผมมั่นใจมากว่าตอนนี้ผมเป็นเด็กดี และบ้านผมตอนนี้ต่อปล่องไฟเสร็จแล้ว ลุงซานต้าครับ ผมอยากได้ตั๋วศึกวันแดงเดือดที่จะเตะกันปีหน้านี้อ่ะครับ ผมจะไปดูผีแดงเด็ดปีกหงส์ ถ้าลุงซานต้าว่างก็อยากจะให้ไปด้วยกัน จบเกมส์แล้วเราจะได้ไปจุดพลุฉลองกันหน้าโอลด์ แทรปฟอร์ด ทุกอย่างนี้ผมอยากทำให้ รอย คีน ผู้เป็นวีรบุรุษฮีโร่ในเกมแบ่งแต้มแดงเดือดครั้งก่อน หวังว่าลุงซานต้าคงบันดาลให้นะครับ

ปล. ผมเหน็บถุงเท้าบอลข้างซ้ายนำโชคไว้ที่ระเบียง ลุงซานต้าเอาตั๋วใส่ไว้ในนั้นนะครับ

ปล. (อีกที) ผมรักลุงซานตาครอสที่สุดในโลกเลย ฟันธงสกอร์ 3 - 0”




ตอบ : ตั๋ววันแดงเดือดท่าจะยาก เพราะลุงคิดว่ากำลังซื้ออาจจะไม่พอ ยิ่งตอนนี้อาหารกวางหมดแล้วด้วย ลุงคงจะต้องเก็บงบไว้เพื่อยานพาหนะของลุงก่อน

หลานอย่าเพิ่งน้อยใจ อย่าเพิ่งกินหมากฝรั่งรสลูกพลับฆ่าตัวตาย จอยูบีซีร้านคาราโอเกะป้าแม้นน่าจะทดแทนอรรถรสกันได้ จอเขาใหญ่มาก คาดว่าวันนั้นคนน่าจะเต็มร้าน เสียงเชียร์กระหึ่มไม่แพ้ที่โอลด์ แทรปฟอร์ดแน่นอน

ลุงเขียนแผนที่ใส่ไว้ในถุงเท้าแล้ว ถุงเท้าเหม็นมาก ดีที่ลุงปฏิกริยาไว กลั้นหายใจทัน ถ้าเป็นคนอื่นคงเสียชีวิตไปแล้ว หลานน่าจะซักก่อนมาแขวนนะ เอาไว้ถ้าไปไม่ถูกจริง ๆ ลุงจะควบกวางมารับไปดูด้วยละกัน

อ้อ จะบอกว่าที่ใส่ชุดแดง ลุงเป็นแฟนลิเวอร์พูลนะหลาน และขอแสดงความยินดีด้วยที่แมนฯ ยู ตกรอบยูฟ่า ฯ หลานอย่าคิดมาก ปีนี้ถ้วยยุโรปคงเป็นของหงส์อีกปี

ปล. ฟันธง 3 – 0 เจอร์ราดแฮททริก โฮะๆๆ



***************************************************

ฉบับที่ 3 จากน้องบู้บี้

“สวัสดีค่ะพี่ปันยา หนูชื่อบู้บี้ ตอนนี้หนูเล่นฮันเตอร์อยู่อ่ะค่ะ หนูสงสัยจนอยากให้พี่ช่วยแนะนำทีว่า ระหว่างหมวกแอปเปิ้ลกับหมวกสาลี่ หนูควรจะใช้หมวกอะไรดีค่ะ แล้วควรตีบวกเท่าไหร่ อ้อ ลืมบอกไป หนูเล่นสาย dex – agi ค่ะ”




ตอบ : เอ่อ... ปันยาไหนเหรอหลานบูบี้ ส่งมาผิดแล้ว  ที่นี่มีแต่ลุงซานตาครอส


*************************************************
ฉบับที่ 4 จากน้องสายน้ำผึ้ง เปรี้ยวเข็ดสะเด็ดยาด

“สวัสดีค่ะลุงซานต้า หนูเป็นคนนึงที่ไฝ่ฝันว่า ครั้งหนึ่งจะได้ของขวัญจากลุงซานต้าในฐานะเด็กดี หนูมั่นใจเกิน 100% ว่า จดหมายฉบับนี้จะต้องถึงมือลุงซานต้าอย่างแน่นอน 

เพราะงั้นหนูจึงขอของขวัญวันคริสต์มาสเลยละกันนะคะ ที่หนูอยากได้ก็มีตู้ร้องคาราโอเกะเพลงการ์ตูน โฮมเธียร์เตอร์ลำโพงคู่ เพลย์สเตชั่น 3 โทรศัพท์มือถือบางเฉียบ ถ่ายรูปและอัดล้างภายในตัว คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กส์ ตุ๊กตาคิทตี้ขนาดสเกลหนึ่งต่อหนึ่ง วีซีดีแม่มดน้อยโดเรมีบ๊อกซ์เซ็ท เครื่องปรับอากาศซัยโจเกงกิ ตู้ถ่ายสติกเกอร์ จักรยานเทอร์โบสีชมพูหวานแหวว บัตรรับประทานอาหารญี่ปุ่นตลอดชีวิต ฯลฯ

นี่แค่ส่วนหนึ่งค่ะ ถ้าเขียนหมดอาจเปลืองเนื้อที่คอลัมน์ ไว้ที่เหลือหนูจะเย็บเล่มแล้วส่งไปให้ที่บ้านลุงซานต้านะคะ ลุงซานต้าใจดีที่สุดในโลกเลย หนูรู้ว่าลุงซานต้าต้องตามใจหนูแน่ ๆ

หนูคิดว่าแขวนถุงเท้าคงเอาไม่อยู่ หนูเลยเปลี่ยนเป็นถุงกระสอบข้าวสาร แขวนรอไว้ล่วงหน้าแล้ว ลุงซานต้ามาไว ๆ นะคะ หนูจะรอวันนั้นค่ะ จะได้ขอลายเซ็นด้วย เย้... เย้”



ตอบ : สารภาพว่าลุงซานต้ากำลังอ่านจดหมายฉบับนี้ด้วยมือที่ชุ่มเหงื่อ

อยากบอกเหลือเกินว่าลุงไม่ใช่ห้างโลตัสนะหลาน แต่ของที่อยากได้ใช่ว่าจะจัดหามาให้ไม่ได้ มันอลังการขนาดนี้ ลุงเลยอยากรู้ว่าหลานเป็นเด็กดีระดับไหน

ถ้าแค่เบ ๆ เช่นทิ้งขยะลงถัง หรือจูงคนตาบอดข้ามถนน อมยิ้ม 1 แพ็คก็น่าจะสมตัว แต่ถ้าเป็นความดีระดับโลก เช่นใช้กำลังภายในต้านอุตกาบาตที่พุ่งเข้าชนโลก หรือถวายชีวิตต่อสู้กับผู้รุกรานจากต่างดาว หลานอยากได้กำแพงเมืองจีนเป็นรางวัล ลุงก็บันดาลให้ได้ 

ดังนั้นลุงอยากให้หลานส่งหลักฐานการทำความดีมาให้ลุงและคณะกรรมการพิจารณาก่อน ส่วนของขวัญได้ไม่ได้ยังไง ลุงจะโทรเลขไปบอกอีกที

รับทราบแล้วนะหลาน..... โฮะ โฮะ โฮะ



************************************************


ฉบับที่ 5 จากน้องมาณิต กัดเคลือบพัส

“สวัสดีครับลุงซานต้า ผมอยากได้บัตรแร็คตลอดชีวิต หวังว่าลุงซานต้าคงหามาได้ ขอบคุณมากครับ ไปล่ะ”




ตอบ : ท่าทางหลานคงจะรีบเขียน สงสัยคงติดภารกิจอะไรสักอย่าง ลุงเดาเอาว่าคงไปอ่านหนังสือสอบ เด็กดีแบบนี้ลุงสนับสนุน 

ของที่อยากได้ลุงจะจัดส่งให้ทันทีภายใน 1 สัปดาห์ เป็นบัตรแร็คสีทองอร่าม ราคาสูงลิบลิ่ว แต่สำหรับเด็กที่รักเรียนอย่างหลาน ลุงบันดาลให้ได้เสมอ

อ้อ และไม่ต้องห่วงว่าบัตรจะใช้การไม่ได้นะหลาน เพราะลุงซานต้าได้ขูด Password และทดลองใช้แล้ว หลานวางใจได้ บัตรไม่ใช่ของปลอมแน่นอน


************************************************



เป็นไงบ้างครับ สำหรับความน่ารักของลุงอ้วนแดง คริสต์มาสทั้งที สมใจเด็กๆ น้องหนูๆ กันบ้างมั้ยเอ่ย นานทีปีหนซอกหลืบจัดให้อยู่แล้ว คริสต์มาสนี้ประเทศไทยหนาวจัด ผู้อ่านอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ ปีหน้าถ้ายังมีบุญวาสนาถึงกัน เราคงได้เจอกันอีก

อยากบอกว่า ความสุขของน้องๆ ก็คือความสุขของลุงซานต้า...... เมอร์รี่คริสต์มาสนะหลาน โฮะ โฮะ โฮะ แค่ก... แค่ก

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน เด็กร้านเกม


(ต้นฉบับปี 2557)


อีกหนึ่งตำนานร้านเกม ที่ไม่เขียนถึงก็คงไม่ได้ เพราะพวกเขาเหล่านี้ครับ มีส่วนเติมเต็มให้กับสถานที่ ๆ เรียกว่า “ร้านเกม” ให้สมบูรณ์


ขอบคุณภาพประกอบจาก www.bloggang.com


พวกเขาคือ “เด็กร้านเกม”


หรืออีกโค้ดเนม ที่หลายคนเรียกจนติดปาก ไอ้พวกเด็กเปรตทั้งหลายนั่นแหละ หัวเกรียน ๆ ตัวผอม ๆ น้อย ๆ หน้าตาน่ารัก  น่าเอ็นดู



มันขาดไม่ได้นะครับไอ้พวกนี้ ถ้าร้านเกมขาดพวกนี้ไปแล้วจะต้องพบกับอะไรรู้มั้ยครับ


มันคือความสงบสุข!!!  เดี๋ยว.... ไม่ใช่แระ  ร้านเกมที่เงียบสงบนี่มันคือร้านเน็ตแล้วล่ะ  ร้านเกมของจริงต้องวึ่นวือ  ยั้วเยี้ย   เพลี้ยกระโดดสิถึงจะถั่วต้วม


อย่าเข้าใจผิดนะครับ ว่าเด็กร้านเกมคือเด็กที่เล่นเกมในร้านเท่านั้น  เล่นเกมก็ส่วนเล่นเกม  คนที่เล่นเกมก็ไม่ได้มีแต่เด็กเสมอไป



เด็กร้านเกมก็คือ เด็กที่อยู่ในร้านเกม อายุสูงสุดในตำแหน่งรับผิดชอบนี้ ผมให้ไม่เกิน 14 ขวบอ่ะ หน้าที่ของพวกเขาก็คือ เดินไปเดินมาอยู่ในร้านเกม ทางนั้นที ทางโน้นที คอยสร้างสีสัน และทำลายสมาธิของคุณเวลาเล่นเกม ทรงมันจะมาประมาณนี้


“เฮ้ยพี่ เล่นไรอ่ะ.....!!!”


แล้วมันก็เดินจากไป.....


“เฮ้ยพี่ เกมนี้ผมน็อคแล้ว....”


แล้วมันก็เดินจากไป......


คือเราก็หันไปมองนะ แต่ไม่รู้ว่ามึงต้องการจะสื่ออะไร คุยกับกูก็ไม่น่าใช่ พอเราหันมาจะคุยด้วย มันก็ตาลอย ๆ เดินไปดูเครื่องอื่นแล้ว



เป็นสเตตัสลอย ๆ  อะไรของมัน แล้วเด็กร้านเกมนี่มันไม่ได้มีคนเดียว มันก็มีกลุ่มเพื่อนของมันเหมือนกัน  เรียกว่าสร้างสีสันกันเป็นทีมเวิร์ค  เวลามาเป็นทีมมันจะมาทรงนี้ สมมุติว่ามา 2 คน


“เฮ้ยพี่ เล่นไรอ่ะ.....!!!”


แล้วมันก็เดินจากไป.....


“เฮ้ยพี่ เกมนี้ผมน็อคแล้ว....”


แล้วมันก็เดินจากไป......


ดูเหมือนเดิมใช่มั้ย..... แต่ไม่  คนพูดก็คนนึง ถามว่าอีกคนทำห่าอะไร แม่งยืนจ้องจอเว้ย  ยืนจ้องเหมือนจะเข้าสิงจอให้ได้ ไม่พูดอะไรเลย 



พอเรามองหน้ามัน มันก็หันมามองหน้าเรา ยิ้มให้ด้วยนะ แล้วมันก็มองจอต่อ  ไอ้เย็ดเป็ด  มึงต้องการอะไรจากคนเล่นเกมอย่างกูวะ 


ครับ  มันก็มองจอสักพัก แล้วมันก็จากไป...... ไปดูจอคนอื่น


จะว่าคล้ายเด็กเชียร์เบียร์ก็ไม่น่าใช่  เพราะพวกนี้มันก็ไม่ได้กระตุ้นให้อยากเล่นต่ออีกสัก ช.ม. ตรงไหน แล้วเวลาเครื่องว่างก็ไม่เห็นมันไปเล่นเกม บางทีจู่ๆ มันก็หายไป แล้วมันก็กลับมา หายไป......  แล้วมันก็กลับมา มาตอนไหน ตอนกูเล่นเกมทุกที


“พี่ ทำไมไม่เก็บของล่ะ ของดีนะ” 



พวกเขามักจะมีความห่วงใยให้เสมอ


“พี่ ระวังนะ หัวหน้าใหญ่มี 2 ร่าง” 



พวกเขามักจะเตือนสติเรา ให้อยู่ในความไม่ประมาท


“พี่ ทำไมไอเท็มถึงเก็บซ้อนกันไม่ได้ล่ะ” 



พวกเขามักจะมีอะไรให้เราขบคิดเสมอ


ผมกล้าบอกเลยว่า ทุกร้านต้องมี มีแบบไมได้ตั้งใจด้วย เพราะภูมิลำเนาของเด็กร้านเกม บ้านมันก็อยู่แถว ๆ นั้นแหละ บางคนมันอยู่ข้างร้านเกมเลย 



อ๋อ.... ที่มันหายไป มันกลับไปหาขนมกินที่บ้าน พออิ่มแล้วมันก็กลับมา บางคนมันเอาขนมมาเคี้ยวข้าง ๆ กุเลย  อิจฉามันจริง ๆ


ผมว่าเด็กพวกนี้ จะมองให้มันน่ารัก มันก็น่ารักนะ อย่างน้อยมันก็ไม่ปากดี ไม่ด่าอากงอาม่าเรา เวลาที่เราต้องการจอย 2 สักคน เด็กพวกนี้มันก็ช่วยเราได้ 



บางทีมันก็รออยู่  เมื่อไหร่จะชวนกูสักที   ยืนบอกใบ้ให้ตั้งนานแล้วว่าเคยเล่นเกมนี้นะโว้ย  น็อคแล้วด้วยนะโว้ย 


เวลาผมชวนเด็กพวกนี้เล่นเกม.... อารมณ์เหมือนผมได้ทำบุญทำทาน ช่วยเด็กยากไร้ในประเทศโซมาเรีย โอซาว่า  ถึงจะเล่นดูมั่ว ๆ แต่เค้าก็ดูสนุก   ผมก็สนุกไปด้วย


แน่นอนว่าถ้า มีด่าพี่กากจัง โคตรอ่อนด๋อยเมื่อไหร่  ผมจะเอาจอยเกมมัดแล้วเตะโด่งออกนอกร้านทันที



ขอบคุณภาพประกอบจาก www.internetcafe.in.th


เอาล่ะ ถ้าจะมาถึงขนาดนี้ก็คงต้องพูดถึงเด็กร้านเกมในดวงใจสักคน จริง ๆ ช่วงชีวิตการเล่นเกมในร้านของผมนะ มีเด็กร้านเกมมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งผ่านมา และผ่านไป 



ฟีลมันจะซาบซึ้งไปไหนวะ แต่ถ้าให้นึกถึงแค่คนเดียวจริงๆ ผมจะนึกถึง 


“ไอ้คง” 


โดยเฉพาะวันที่เราวิ่งตากฝนกลับไปกินข้าวโพดคั่วด้วยกันที่ห้อง.... ไม่ใช่ละ ไม่อีโรติกสิ


ตอนนั้นผมกับไอ้คงน่าจะห่างกันประมาณ 5 ปี ผม 15 ไอ้คงก็สัก 10 ขวบ เด็กตัวดำ ๆ หนา ๆ แรงเยอะผิดสเกลเด็กทั่วไป นิสัยนักเลง แต่เสือกมาอยู่ในร้านเกม



ฐานะทางบ้านไอ้คงจนมาก บ้านผมว่าจนแล้วนะ พอมาเจอมันผมรู้สึกตัวเองเป็นเศรษฐีขึ้นมาทันที เห็นแบงค์ยี่สิบยังกะแบงค์ร้อย   เจอมันครั้งแรกจำได้ว่าเล่นเกม "ดราก้อนบอล"


เกมบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้วัดกันที่เทคนิคต่อสู้อะไรเลย วัดกันที่กดปุ่มต้านพลังรัว ๆ อย่างเดียว แล้วผมหัวเสียมาก ชนะคอมไม่ได้ ซอยจนนิ้วจะซ้นหมดแล้ว ไอ้คงมันยืนดูอยู่นานแล้ว เข้ามาแสดงความช่วยเหลือทันที


“พี่ ให้ผมช่วยมั้ย”


ตอนนั้นไอ้ผมก็นึกว่ามันเล่นเก่ง อ่ะ ไหนจะช่วย ช่วยยังไง ไอ้คงบอกเลย


“เดี๋ยวตอนที่กดปุ่มต้านพลังกัน ผมจะกดรัวให้เอง!!!” 



 ผมนึกในใจ ไอ้ชิบหาย.... มีแต่พละกำลังนี่หว่า อ่ะผมก็ลองดู 


พอให้มันกด โอ้โห.... มันรัวยับเลย เอา 2 มือช่วยกันตบ ๆ ๆ ๆ ๆ จิก ๆ ๆ ๆ ๆ เรียกว่าแลกจอยปุ่มพังกับชนะคอมได้นี่  มันยอมแลกแน่


เฮ้ย ๆ มึง......มึง พอเหอะ ความตั้งใจมึงเทพจริง แต่ฝีมือกากมากเลยว่ะ  ไปหาเวลาฝึกฝนด่วน  ผ่านไปตานึง  มันรัวปุ่มจนหอบ 



“ไม่ได้ผลเลยพี่ ยังสู้มันไม่ได้...... เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมไปตามน้องๆ มาให้”


ผมก็ตกใจ  เฮ้ย จะไปตามมาทำไมวะ!!   แต่ไม่ทันแล้ว ไอ้คงมันวิ่งกลับบ้านไปแล้ว  มันไปตามน้อง ๆ ของมันมาจริง ๆ



มาอีก 3 คน!!!! ไอ้คนสุดท้องนี่ยังเดินน้ำลายยืดอยู่เลย เดินเตาะแตะๆ กันมาแบบงง ๆ  เฮ้ยยยยย มึงจะตามน้องมึงมาทำไม!!!!


“เดี๋ยวพวกเรามาช่วยกันกด ปุ่มมี 4 ปุ่ม พวกเราช่วยกันกดคนละปุ่ม!!!!”


ไอ้บ้า!!!  2 ปุ่มก็พอโว้ยยย


แต่ไม่ทันแล้ว  ไอ้คงจับจอยถูเลย มั่ว ๆ ๆ ๆ ๆ จนปล่อยพลังออกมาได้ พอเข้าสู่โหมดกดปุ่มรัว แม่งวางจอยละ ไอ้คงกับน้องบังเกิดเกล้าของมันก็รุมรัวปั๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ สนุกสนานกันเลยทีเดียว



ส่วนใหญ่ออกไปทางกระแทกกันเองมากกว่า จอยอันปิ๊ดเดียวรุมตั้ง 4 คน   มึงบ้าไปแล้วววว   ถั่มเพื่อคร๊ายยยยย


ส่วนผลลัพธ์ก็ไม่ต้องพูดถึง แพ้เหมือนเดิม..... ดีที่ผมต้องห้ามมันก่อน ไม่งั้นกลัวมันไปเชิญลุงป้าน้าอา โคตรเหง้ามาช่วยกดอีก



ถึงมันจะดูโง่.... ในแง่ปฏิบัติ แต่ในทางความรู้สึก เฮ้ย... ไอ้นี่มันได้ใจเราว่ะ จากนั้นมาเวลาผมเล่นเกมก็ให้มันเป็นจอย 2 บ่อย ๆ ไอ้พวกน้อง ๆ มันก็เป็นกองเชียร์


เช้า สาย บ่าย เล่นเกม ตอนเย็นเตะบอล..... 


เช้า สาย บ่าย เล่นเกม ตอนเย็นเตะบอล..... 


นี่เป็นลูปนรกในช่วงปิดเทอม เรียกว่าเจอหน้าไอ้คงจนเบื่ออ่ะ ไอ้นี่ก็โชคดีเนาะที่มารู้จักผม  เล่นเกมได้ไม่เสียตังค์สักบาท


เดี๋ยวนี้ผมว่า เด็กร้านเกมคงเริ่มจะสูญพันธ์ละ เพราะเดี๋ยวนี้เป็นร้านเกมคอม แล้วค่า ชม. ถูกมาก มีแค่ 5 บาทก็เล่นได้แล้ว ไอ้อารมณ์เด็กมามุงดูนี่ก็คงน้อยลงไปทุกที



แต่ถึงจะมี ก็คิดว่าไม่น่ารอดจากการถูกบ้องหัวไปได้ เพราะเดี๋ยวนี้คนแม่งหงุดหงิดง่ายชิบหาย


ระหว่างที่ความทรงจำสมัยเด็กเริ่มจะเลือนรางลงไปทุกที 



ผมเดินๆ อยู่ในซอยแถวบ้านเนี่ย จู่ ๆ ก็มีมอไซด์คันนึงมาเทียบข้าง ๆ แล้วก็บอกว่า


“พี่ๆ ขึ้นมั้ย เดี๋ยวผมไปส่งบ้าน”


ผมมองหน้ามันก่อน ใครวะ 



“คงไงพี่ พี่จำผมไมได้เหรอ ผมยังจำพี่ได้เลยเนี่ย พี่อยู่ที่เดิมหรือเปล่า เดี๋ยวผมไปส่ง!!!”


เฮ้ยยยย ผมเซอร์ไพรซ์มาก แต่ที่เซอร์ไพรซ์ยิ่งกว่า







“ตอนนี้ผมเปิดร้านเกมแล้วนะพี่ ถ้าพี่ไปเล่น ผมให้เล่นฟรี!!!”







ได้ยินแบบนี้ ผมยอมรับว่าโคตรรู้สึกดี ที่กูให้มึงเล่นด้วยวันนั้นจริง ๆ


วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน โซเชี่ยวเปรี้ยวปาก

(ต้นฉบับปี 2556)

   

ก่อนอื่นขอถาม เวลาคุณอยู่ในโลกโซเชียล การพูดคุยของคุณเป็นแบบไหน


แบบที่ 1!! มารยาทงาม สุภาพที่สุดในชีวิตเท่าที่จะทำได้..... 



คุยกับทุกคนด้วยความสุภาพ ไม่ว่าสนิทหรือไม่สนิท มีหางเสียงทุกพยางค์  ทั้งชีวิตไม่เคยเหน็บแนมใครเลย   โลกสวยที่สุด มองโลกในแง่ดี


และที่สำคัญ หลีกเลี่ยงการเมืองทุกชนิด โดยรวมบุคลิกน่ามอบโล่ หรือไม่ก็เอาโล่ไปถมหน้าบ้าน


หรือแบบที่ 2!! ยังอยู่ในขอบเขตของคนมารยาทงาม มีความสุภาพพอเล็กน้อยถึงปานกลาง...... 
บางจุดมีฝนตกเล็กน้อย 


สุภาพและระวังกับคนที่ไม่ได้สนิท และคนแปลกหน้าที่เจอกันครั้งแรก ส่วนกับพวกที่สนิทเลเวลแทบจะฉีกตูดดม  ปล่อยเกรียนเต็มที่  เล่นขี้กระจาย โลกสวยบ้าง ดาร์กไซด์ก็มีบ้าง ตามเลือดลมในแต่ละวัน 


การเมืองก็พอคุยได้ พยายามไม่ทะเลาะกับใคร แต่ลึกๆ เก็บอารมณ์ชิบหายเลย บางทีก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นไปฮุคท้องตุ๊กตากระต่ายเหมือนแม่เนเน่จัง


หรือแบบที่ 3!! ไอ้แบบนี้น่ากลัว เปรียบทุกคนในโลกโซเชียลเป็นเพื่อนสนิทกูหมด



เกรียนใส่ได้ทุกคน สามารถเป็นกันเองได้ทันทีแม้เจอหน้ากันครั้งแรก มีความไร้สาระในตัวเองสูง หยาบคายได้เป็นธรรมชาติทุกสถานการณ์ เรื่องการเมืองอะไรก็เอาหมด เหตุผลบ้าง อารมณ์ส่วนตัวบ้าง เรียกว่าคุยแบบไม่มีเก็บกั๊กอะไรสักอย่าง 


ไม่กลัวดราม่าด้วย ตราบใดที่ยังไม่มีระเบิดมาวางอยู่หน้าบ้าน


หรือแบบที่ 4!! ออกไปทางเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ทำหอกเหวอะไรเลย 



อ่านอย่างเดียว คิดซะว่าฟีดข่าวคือหนังสือพิมพ์ อ่านไปวันๆ แล้วก็นอยด์แดกไปวัน ๆ โอย ไม่ไหวแร้วนะแต่ละคน แต่ละโพสทำไมมันชวนจิตหดหู่เหลือเกิน ไปเล่นแคนดี้นะครัชดีกว่า.....


หรือแบบที่ 5!! เน้นชีวิตส่วนตัว 



เอาเว้ย โลกภายนอกใครจะตีกันยิงกันอะไรกุไม่สนละ โลกของกูอยู่นี่ เน้นบอกเล่าชีวิตส่วนตัวอย่างเดียว สร้างกรอบให้ตัวเองขึ้นมาเลย ชีวิตส่วนตัวเน้นๆ เท่านั้น 


เรื่องอะไร เรื่องกิน..... รูปอาหารทั้งวัน 


เรื่องรูปร่างหน้าตา.... โพสรูปตัวเองทั้งวัน 


เรื่องความรัก..... เหงามันทั้งวัน อ้าว ทำไม ก็ไอ้พวกคนโสดไง ทำอยู่ 3 อย่างแหละ ไม่เศร้า เหงา ก็เพ้อ


อ่อ แล้วพวกมีแฟนล่ะ ก็เหมือนกันแหละ เศร้า เหงา เพ้อ...... แฟนไม่รักไง ฮ่าๆ (เฮ้ย บางคนแม่งงี้จริงๆ นะ)


เอาล่ะพอๆ แค่นี้ก่อน เอาจริงๆ มันมีหลายแบบมากกว่านี้ (ความจริงคือขี้เกียจนึกละ) ส่วนตัวผมนี่อยู่ประมาณแบบที่ 2 และก็เป็นแบบนี้สม่ำเสมอมาหลายปีแล้ว ทั้งที่ในใจอยากเลิกชิหาย.... 



อยากเป็นแบบแรกเหมือนกันนะ ดูเป็นคนดีมากเลยอ่ะ อายุก็เข้าหลัก 3 แล้ว อยู่แถวบางเขนแล้ว ออกซ้ายแป๊บเดียวก็ถึงหลักสี่ มันน่าจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ แต่ก็อย่างว่า ถ้าเป็นผู้ใหญ่กว่านี้  จะมานั่งเขียนอะไรบ้าบออยู่แบบนี้เหรอ




มิตรสหายท่านนึงบอกผมว่า ผมว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คมันเป็นดาบ 2 คม



จริง ๆ ว่ะพี่ ผมก็เลยบอกมันว่า เออดี งั้นเอาโซเชียลเน็ตเวิร์คไปแล่เนื้อวัวกันเถอะ ทุ้ย ไม่ใช่  หมายถึงมีทั้งคุณมีทั้งโทษ ไม่ใช่เป็นดาบจริง ๆ


สำหรับบางคนนี่คือโลกแห่งความสุขเลยนะ แต่สำหรับบางคน ที่นี่ก็คือโลกแห่งดราม่าเช่นกัน พร้อมจะไฟว้กันได้ตลอดเว


ถ้าเรามีพื้นฐานดีนะครับ มีเพื่อน พี่ น้อง ครอบครัว เวลาเรามาอยู่ในโลกโซเชียล  เราก็จะมีกรอบที่แข็งแรงอยู่แล้ว  การคุยกันจะเป็นเรื่องง่ายดายและไม่ต้องคิดมากอะไรเลย



ไม่ต้องแสวงหาเพื่อนในเน็ต ทุกอย่างดูเต็มอยู่แล้ว กลายเป็นว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คมาเสริมให้ความสัมพันธ์ที่มีแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก


แต่ถ้าพื้นฐานเราคือเกรียน!!! ฮ่าๆๆ หรือพื้นฐานเราคือเกมออนไลน์!!! มันก็จะเป็นอย่างไอ้คนเขียนเนี่ย  รอบตัวเป็นคนแปลกหน้าซะ 80% เพื่อนจริงเป็นชนกลุ่มน้อย ครอบครัวไม่มีเลย 



พวกที่ไม่แอดทางบ้าน ส่วนใหญ่จะคล้ายๆ ผมเนี่ย ที่ไม่แอดเพราะไม่อยากให้วงศ์ตระกูลต้องมารับรู้ ว่าลูกหลานเกรียนกากหื่นกามขนาดไหน เราอยากเป็นอิสระเต็มที่ไง มันไร้สาระซะจนดวงวิญญาณบรรพบุรุษแทบจะมาเกิดใหม่  ถือมีดดาบตามไล่ฆ่าไอ้ลูกหลานคนนี้กันเลยทีเดียว


ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ต้องทำความเข้าใจอย่างนึงครับ ว่าพื้นฐานคนรอบตัวคือคนรู้จัก มันเป็นกันเองมากไม่ได้ พวกนี้เดินเฉี่ยวกันในเซิฟก็แอดเฟรนด์ได้แล้ว



จะคุยอะไรก็เกรงใจทางบ้านเค้าหน่อย เขาอาจมีเชื้อเจ้าก็ได้  เจ้าขุน เจ้านาง..... เปล่า เจ้ามือป็อกเด้งนี่แหละ ตลกทำไมก็ไม่รู้ สรุปคือจะพูดอะไรมันก็ต้องระวัง


แต่ที่มันมีดราม่า ก็เพราะไอ้บางคนนี่แหละ มันคงถือว่าแอดเพื่อนกันแล้วมันก็คือเพื่อนกันจริงๆ ไม่รู้ล่ะ ถึงเราจะยังไม่รู้จักกัน แต่มึงเป็นเพื่อนกูแล้ว เวลาคุยเป็นกันเองได้โคตร ๆ



วันแรกเรียกคุณ วันที่ 2 นาย ตั้งแต่วันที่ 3 เป็นต้นไป มึงกูยาวตลอดเบย อ้าว สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่บอกกันบ้าง 


บางคนเค้าถือนะ ผมนี่โดนบ่อยมาก แต่ด้วยสเตตัสสาธารณะครับ ก็ต้องเสแสร้งสนิทกันไปแบบมึน ๆ อืม ๆ


เอาจริง ๆ ก็ยังพอคุยได้ ไม่โกรธ ไม่หือ ไม่อือ ประคองความรู้สึกไป เล่นถึงพ่อแม่เมื่อไหร่ค่อยโบกแท๊กซี่ไปเฮดชอตมัน


เอาจริงๆ ผมว่าตอนนี้ แนวคิดในการเข้าหามันมีอยู่ใหญ่ ๆ 2 แบบ คือมาแบบสุภาพ กับมาแบบเกรียน ๆ ไปเลย


สุภาพนี่ก็เกรงใจซะเหลือเกิน พวกนี้เคยคุยด้วยแล้วแบบ โห.... ทำไมต้องเกรงใจ พูดเพราะขนาดนั้น ขออนุญาตมันทุกประโยค 



ส่วนมาแบบเกรียนนี่ มึงจะเกรียนไปไหน ถือว่าอีกคนกระชากคอเสื้อผ่านหน้าคอมไม่ได้ เลยไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว


มันมีข้อดีคนละแบบนะ สุภาพ เกรงใจเกินไป โอเคไม่เคืองกันก็จริง แต่มันก็สนิทกันช้า เกรียนมากไป โอเคมันได้เป็นกันเอง แต่ถ้ามากไปก็จะพาลเกลียดกันง่าย ๆ เหมือนกัน


ถ้าถามว่าแบบไหนดีที่สุด ตอบไม่คิดเลยว่าเจอกันที่ครึ่งทางดีที่สุด



จะเกรียนจะสุภาพก็ว่ากันไปตามจังหวะและเลือดลม เราต้องสังเกต ด้วยว่าไอ้คนที่เราคุยด้วยเนี่ย เล่นด้วยได้มั้ย เป็นคนแบบไหน แรก ๆ ก็ทักแบบสุภาพ ๆ ดูเชิงไปก่อน  พอสังเกตว่าเฮ้ยเล่นได้นี่หว่า ก็เริ่มเกรียน แล้วก็ยาวไป


บางคนอคติกับพวกเกรียนเลยก็มี  ถือมาก ๆ ต้องสุภาพตลอดในฐานะคนไม่สนิท  ตกหางเสียงไปประโยคนึงแทบจะมองเป็นคนไร้การศึกษา น่าเอาคำราชาศัพท์มาคุยประชดมัน  สวัสดีพระยะค่ะแม่งเลย




ถึงตรงนี้  ถามว่าทำไมจู่ ๆ ผมเอาเรื่องนี้มาพูด


ผมว่าเดี๋ยวนี้โลกโซเชียลมันเครียดไปไหม  มีคนทะเลาะกันทุกวัน นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้  เถียงได้เถียง  ยอมได้ก็ไม่ยอมกัน  
เพราะอะไร


เพราะแค่ไม่สนิท  ไม่ได้รู้จักกันเว้ย   บางทีมันทะเลาะกันได้เพราะคำพูดนิด ๆ หน่อย ๆ แท้ ๆ  ทั้งที่ถ้าปรับการพูดคุยให้ดี ๆ ผมว่าสังคมนี้โคตรน่าอยู่อ่ะ คุณจะได้เพื่อนใหม่ทุกวัน


ไม่ใช่คุยเพื่อเอาชนะ ชนะแล้วได้อะไร จะมีใครส่งกิฟวอยเชอร์ไปให้เหรอ


มองคนอื่นแล้วผมก็มองดูตัวเอง จริง ๆ เรื่องแบบนี้มันแก้ง่าย ๆ ที่ตัวเองจริง ๆ นะ ให้ระวังการพูดคุยแค่ตัวเองก็พอ เข้าหาใครก็คุยดี ๆ 



ส่วนใครจะเข้าหาเราแย่แค่ไหน ก็อย่าไปแย่ตอบ เกรียนพอได้แต่อย่ากุ๊ย


ลองถามตัวเองดูครับว่า วันนี้เราให้เกียรติคนที่เราคุยด้วยมากแค่ไหน  ใจเขาใจเราครับ 



ไอ้ปรัชญาใหม่ประเทศไทย “อยู่ที่ไหนก็ตีกันได้เนี่ย” ให้มันเป็นมุกก็พอ  เว้นหน้าจอไว้บ้างก็ดีนะ