วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน โซเชี่ยวเปรี้ยวปาก

(ต้นฉบับปี 2556)

   

ก่อนอื่นขอถาม เวลาคุณอยู่ในโลกโซเชียล การพูดคุยของคุณเป็นแบบไหน


แบบที่ 1!! มารยาทงาม สุภาพที่สุดในชีวิตเท่าที่จะทำได้..... 



คุยกับทุกคนด้วยความสุภาพ ไม่ว่าสนิทหรือไม่สนิท มีหางเสียงทุกพยางค์  ทั้งชีวิตไม่เคยเหน็บแนมใครเลย   โลกสวยที่สุด มองโลกในแง่ดี


และที่สำคัญ หลีกเลี่ยงการเมืองทุกชนิด โดยรวมบุคลิกน่ามอบโล่ หรือไม่ก็เอาโล่ไปถมหน้าบ้าน


หรือแบบที่ 2!! ยังอยู่ในขอบเขตของคนมารยาทงาม มีความสุภาพพอเล็กน้อยถึงปานกลาง...... 
บางจุดมีฝนตกเล็กน้อย 


สุภาพและระวังกับคนที่ไม่ได้สนิท และคนแปลกหน้าที่เจอกันครั้งแรก ส่วนกับพวกที่สนิทเลเวลแทบจะฉีกตูดดม  ปล่อยเกรียนเต็มที่  เล่นขี้กระจาย โลกสวยบ้าง ดาร์กไซด์ก็มีบ้าง ตามเลือดลมในแต่ละวัน 


การเมืองก็พอคุยได้ พยายามไม่ทะเลาะกับใคร แต่ลึกๆ เก็บอารมณ์ชิบหายเลย บางทีก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นไปฮุคท้องตุ๊กตากระต่ายเหมือนแม่เนเน่จัง


หรือแบบที่ 3!! ไอ้แบบนี้น่ากลัว เปรียบทุกคนในโลกโซเชียลเป็นเพื่อนสนิทกูหมด



เกรียนใส่ได้ทุกคน สามารถเป็นกันเองได้ทันทีแม้เจอหน้ากันครั้งแรก มีความไร้สาระในตัวเองสูง หยาบคายได้เป็นธรรมชาติทุกสถานการณ์ เรื่องการเมืองอะไรก็เอาหมด เหตุผลบ้าง อารมณ์ส่วนตัวบ้าง เรียกว่าคุยแบบไม่มีเก็บกั๊กอะไรสักอย่าง 


ไม่กลัวดราม่าด้วย ตราบใดที่ยังไม่มีระเบิดมาวางอยู่หน้าบ้าน


หรือแบบที่ 4!! ออกไปทางเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ทำหอกเหวอะไรเลย 



อ่านอย่างเดียว คิดซะว่าฟีดข่าวคือหนังสือพิมพ์ อ่านไปวันๆ แล้วก็นอยด์แดกไปวัน ๆ โอย ไม่ไหวแร้วนะแต่ละคน แต่ละโพสทำไมมันชวนจิตหดหู่เหลือเกิน ไปเล่นแคนดี้นะครัชดีกว่า.....


หรือแบบที่ 5!! เน้นชีวิตส่วนตัว 



เอาเว้ย โลกภายนอกใครจะตีกันยิงกันอะไรกุไม่สนละ โลกของกูอยู่นี่ เน้นบอกเล่าชีวิตส่วนตัวอย่างเดียว สร้างกรอบให้ตัวเองขึ้นมาเลย ชีวิตส่วนตัวเน้นๆ เท่านั้น 


เรื่องอะไร เรื่องกิน..... รูปอาหารทั้งวัน 


เรื่องรูปร่างหน้าตา.... โพสรูปตัวเองทั้งวัน 


เรื่องความรัก..... เหงามันทั้งวัน อ้าว ทำไม ก็ไอ้พวกคนโสดไง ทำอยู่ 3 อย่างแหละ ไม่เศร้า เหงา ก็เพ้อ


อ่อ แล้วพวกมีแฟนล่ะ ก็เหมือนกันแหละ เศร้า เหงา เพ้อ...... แฟนไม่รักไง ฮ่าๆ (เฮ้ย บางคนแม่งงี้จริงๆ นะ)


เอาล่ะพอๆ แค่นี้ก่อน เอาจริงๆ มันมีหลายแบบมากกว่านี้ (ความจริงคือขี้เกียจนึกละ) ส่วนตัวผมนี่อยู่ประมาณแบบที่ 2 และก็เป็นแบบนี้สม่ำเสมอมาหลายปีแล้ว ทั้งที่ในใจอยากเลิกชิหาย.... 



อยากเป็นแบบแรกเหมือนกันนะ ดูเป็นคนดีมากเลยอ่ะ อายุก็เข้าหลัก 3 แล้ว อยู่แถวบางเขนแล้ว ออกซ้ายแป๊บเดียวก็ถึงหลักสี่ มันน่าจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ แต่ก็อย่างว่า ถ้าเป็นผู้ใหญ่กว่านี้  จะมานั่งเขียนอะไรบ้าบออยู่แบบนี้เหรอ




มิตรสหายท่านนึงบอกผมว่า ผมว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คมันเป็นดาบ 2 คม



จริง ๆ ว่ะพี่ ผมก็เลยบอกมันว่า เออดี งั้นเอาโซเชียลเน็ตเวิร์คไปแล่เนื้อวัวกันเถอะ ทุ้ย ไม่ใช่  หมายถึงมีทั้งคุณมีทั้งโทษ ไม่ใช่เป็นดาบจริง ๆ


สำหรับบางคนนี่คือโลกแห่งความสุขเลยนะ แต่สำหรับบางคน ที่นี่ก็คือโลกแห่งดราม่าเช่นกัน พร้อมจะไฟว้กันได้ตลอดเว


ถ้าเรามีพื้นฐานดีนะครับ มีเพื่อน พี่ น้อง ครอบครัว เวลาเรามาอยู่ในโลกโซเชียล  เราก็จะมีกรอบที่แข็งแรงอยู่แล้ว  การคุยกันจะเป็นเรื่องง่ายดายและไม่ต้องคิดมากอะไรเลย



ไม่ต้องแสวงหาเพื่อนในเน็ต ทุกอย่างดูเต็มอยู่แล้ว กลายเป็นว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คมาเสริมให้ความสัมพันธ์ที่มีแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก


แต่ถ้าพื้นฐานเราคือเกรียน!!! ฮ่าๆๆ หรือพื้นฐานเราคือเกมออนไลน์!!! มันก็จะเป็นอย่างไอ้คนเขียนเนี่ย  รอบตัวเป็นคนแปลกหน้าซะ 80% เพื่อนจริงเป็นชนกลุ่มน้อย ครอบครัวไม่มีเลย 



พวกที่ไม่แอดทางบ้าน ส่วนใหญ่จะคล้ายๆ ผมเนี่ย ที่ไม่แอดเพราะไม่อยากให้วงศ์ตระกูลต้องมารับรู้ ว่าลูกหลานเกรียนกากหื่นกามขนาดไหน เราอยากเป็นอิสระเต็มที่ไง มันไร้สาระซะจนดวงวิญญาณบรรพบุรุษแทบจะมาเกิดใหม่  ถือมีดดาบตามไล่ฆ่าไอ้ลูกหลานคนนี้กันเลยทีเดียว


ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ต้องทำความเข้าใจอย่างนึงครับ ว่าพื้นฐานคนรอบตัวคือคนรู้จัก มันเป็นกันเองมากไม่ได้ พวกนี้เดินเฉี่ยวกันในเซิฟก็แอดเฟรนด์ได้แล้ว



จะคุยอะไรก็เกรงใจทางบ้านเค้าหน่อย เขาอาจมีเชื้อเจ้าก็ได้  เจ้าขุน เจ้านาง..... เปล่า เจ้ามือป็อกเด้งนี่แหละ ตลกทำไมก็ไม่รู้ สรุปคือจะพูดอะไรมันก็ต้องระวัง


แต่ที่มันมีดราม่า ก็เพราะไอ้บางคนนี่แหละ มันคงถือว่าแอดเพื่อนกันแล้วมันก็คือเพื่อนกันจริงๆ ไม่รู้ล่ะ ถึงเราจะยังไม่รู้จักกัน แต่มึงเป็นเพื่อนกูแล้ว เวลาคุยเป็นกันเองได้โคตร ๆ



วันแรกเรียกคุณ วันที่ 2 นาย ตั้งแต่วันที่ 3 เป็นต้นไป มึงกูยาวตลอดเบย อ้าว สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่บอกกันบ้าง 


บางคนเค้าถือนะ ผมนี่โดนบ่อยมาก แต่ด้วยสเตตัสสาธารณะครับ ก็ต้องเสแสร้งสนิทกันไปแบบมึน ๆ อืม ๆ


เอาจริง ๆ ก็ยังพอคุยได้ ไม่โกรธ ไม่หือ ไม่อือ ประคองความรู้สึกไป เล่นถึงพ่อแม่เมื่อไหร่ค่อยโบกแท๊กซี่ไปเฮดชอตมัน


เอาจริงๆ ผมว่าตอนนี้ แนวคิดในการเข้าหามันมีอยู่ใหญ่ ๆ 2 แบบ คือมาแบบสุภาพ กับมาแบบเกรียน ๆ ไปเลย


สุภาพนี่ก็เกรงใจซะเหลือเกิน พวกนี้เคยคุยด้วยแล้วแบบ โห.... ทำไมต้องเกรงใจ พูดเพราะขนาดนั้น ขออนุญาตมันทุกประโยค 



ส่วนมาแบบเกรียนนี่ มึงจะเกรียนไปไหน ถือว่าอีกคนกระชากคอเสื้อผ่านหน้าคอมไม่ได้ เลยไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว


มันมีข้อดีคนละแบบนะ สุภาพ เกรงใจเกินไป โอเคไม่เคืองกันก็จริง แต่มันก็สนิทกันช้า เกรียนมากไป โอเคมันได้เป็นกันเอง แต่ถ้ามากไปก็จะพาลเกลียดกันง่าย ๆ เหมือนกัน


ถ้าถามว่าแบบไหนดีที่สุด ตอบไม่คิดเลยว่าเจอกันที่ครึ่งทางดีที่สุด



จะเกรียนจะสุภาพก็ว่ากันไปตามจังหวะและเลือดลม เราต้องสังเกต ด้วยว่าไอ้คนที่เราคุยด้วยเนี่ย เล่นด้วยได้มั้ย เป็นคนแบบไหน แรก ๆ ก็ทักแบบสุภาพ ๆ ดูเชิงไปก่อน  พอสังเกตว่าเฮ้ยเล่นได้นี่หว่า ก็เริ่มเกรียน แล้วก็ยาวไป


บางคนอคติกับพวกเกรียนเลยก็มี  ถือมาก ๆ ต้องสุภาพตลอดในฐานะคนไม่สนิท  ตกหางเสียงไปประโยคนึงแทบจะมองเป็นคนไร้การศึกษา น่าเอาคำราชาศัพท์มาคุยประชดมัน  สวัสดีพระยะค่ะแม่งเลย




ถึงตรงนี้  ถามว่าทำไมจู่ ๆ ผมเอาเรื่องนี้มาพูด


ผมว่าเดี๋ยวนี้โลกโซเชียลมันเครียดไปไหม  มีคนทะเลาะกันทุกวัน นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้  เถียงได้เถียง  ยอมได้ก็ไม่ยอมกัน  
เพราะอะไร


เพราะแค่ไม่สนิท  ไม่ได้รู้จักกันเว้ย   บางทีมันทะเลาะกันได้เพราะคำพูดนิด ๆ หน่อย ๆ แท้ ๆ  ทั้งที่ถ้าปรับการพูดคุยให้ดี ๆ ผมว่าสังคมนี้โคตรน่าอยู่อ่ะ คุณจะได้เพื่อนใหม่ทุกวัน


ไม่ใช่คุยเพื่อเอาชนะ ชนะแล้วได้อะไร จะมีใครส่งกิฟวอยเชอร์ไปให้เหรอ


มองคนอื่นแล้วผมก็มองดูตัวเอง จริง ๆ เรื่องแบบนี้มันแก้ง่าย ๆ ที่ตัวเองจริง ๆ นะ ให้ระวังการพูดคุยแค่ตัวเองก็พอ เข้าหาใครก็คุยดี ๆ 



ส่วนใครจะเข้าหาเราแย่แค่ไหน ก็อย่าไปแย่ตอบ เกรียนพอได้แต่อย่ากุ๊ย


ลองถามตัวเองดูครับว่า วันนี้เราให้เกียรติคนที่เราคุยด้วยมากแค่ไหน  ใจเขาใจเราครับ 



ไอ้ปรัชญาใหม่ประเทศไทย “อยู่ที่ไหนก็ตีกันได้เนี่ย” ให้มันเป็นมุกก็พอ  เว้นหน้าจอไว้บ้างก็ดีนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น