(ต้นฉบับปี 2557)
ย้อนไปเมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว ผมเคยเขียนถึงมาม่า และเหล่ามวลบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จนแทบจะชาบูขึ้นหิ้ง ยกตำแหน่งให้เป็นอาหารมหาเทพที่คอยค้ำจุนเกรียนไทยอันดับ 1 ตลอดกาล
จนถึงบัดเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นที่ 1 อยู่ ซึ่งตอนนั้นยอมรับว่า ผมอวยซะเวอร์หักโหม ประหนึ่งมีหุ้นอยู่บริษัทมาม่าเลยทีเดียว
แต่เอาจริงๆ ผมว่าผู้ท้าชิงอันดับ 2 อย่าง ข้าวไข่เจียวร้อน ๆ ก็ไม่ได้ห่างไกลจากอันดับ 1 มากมายขนาดนั้น
แต่เอาจริงๆ ผมว่าผู้ท้าชิงอันดับ 2 อย่าง ข้าวไข่เจียวร้อน ๆ ก็ไม่ได้ห่างไกลจากอันดับ 1 มากมายขนาดนั้น
ซึ่งเชื่อว่าวัดกันด้วยกลิ่น มาม่าอาจชนะเลิศในรัศมีไม่เกิน 10 เมตร แต่ถ้าให้เอา 2 อย่างมาวางอยู่ตรงหน้า ให้เลือกกินอย่างใดอย่างหนึ่ง ผมว่าไม่แน่ อาจมีพลิกโผ
ลองนึกภาพสถานการณ์จำลอง คุณกำลังเล่นเกมอยู่หน้าเครื่อง พร้อมกับซดมาม่าอย่างเอร็ดอร่อย
ลองนึกภาพสถานการณ์จำลอง คุณกำลังเล่นเกมอยู่หน้าเครื่อง พร้อมกับซดมาม่าอย่างเอร็ดอร่อย
แต่ทันใดนั้นเอง ไอ้เครื่องข้างที่ลุกไปไหนก็ไม่รู้เมื่อกี้ กลับมาพร้อมข้าวไข่เจียวร้อน ๆ จานใหญ่ ราดซอสชุ่มฉ่ำ โรยพริกน้ำปลาหน่อยนึง...... เชื่อมั้ย ล้านทั้งล้าน ไอ้มาม่าที่กำลังซด ๆ อยู่ตรงหน้า มันจะดูด้อยวรรณะลงมาทันที ข้าวไข่เจียวจะดูกลายเป็นอาหารกษัตริย์มงเปลลิเยที่ 14.5 ดูน่าแย่งชิง น่าเป็นเจ้าของการย่อยอาหาร
ถ้าไม่ติดว่าฆ่าชิงทรัพย์ผิดกฎหมาย คงได้มีคนตายเพราะถูกแย่งข้าวไข่เจียวกันบ้าง
จะว่าไปผมกับข้าวไข่เจียว และร้านเกม มันก็ผูกพันกันในระดับนึง จำได้แม่นข้าวไข่เจียวจานแรกที่ได้กินในร้านเกม มาจากความหน้าด้านโดยแท้
จะว่าไปผมกับข้าวไข่เจียว และร้านเกม มันก็ผูกพันกันในระดับนึง จำได้แม่นข้าวไข่เจียวจานแรกที่ได้กินในร้านเกม มาจากความหน้าด้านโดยแท้
ตอนนั้นประมาณ ป5 - 6 นี่แหละ ไอ้ผมกับเพื่อนก็นั่งเล่นเกมอยู่ในร้าน ป้าเจ้าของร้านทำกับข้าวอยู่หลังบ้าน กลิ่นหอมชิบหาย หอมจนไม่เป็นอันเล่นเกม ยิ่งวันนั้นเอาเงินค่าก๋วยเตี๋ยวมาเล่นเกมด้วย
ไอ้ 2 ตัวนี่ตาไม่ได้มองจอแล้ว ชะโงกชะเง้อมองแต่หลังบ้าน ผ่านไปสักพัก กับข้าวเต็มโต๊ะ กลิ่นทรมานกระเพาะอาหารมาก แล้วป้าแกกับลูกก็มานั่งกินแบบไม่สนใจสายตาใคร ไอ้ผมกับเพื่อนนี่ทิ้งน้องจอยมาเกาะขอบหน้าต่างแล้ว เกาะเป็นจิ้งจกขอส่วนบุญเลย
และทันใดนั้นเอง
“หิวเหรอ....?? กินมั้ยลูก เดี๋ยวป้าแบ่งให้”
เหยดดดด นี่มันเสียงสวรรค์ชัด ๆ ป้าแกช่างใจบุญเหลือเกิน ไม่เสียชื่อที่ตั้งชื่อร้านเกมกิตติมศักดิ์ว่าร้านป้า ถามว่าถึงแม้จะถามเป็นมารยาท และถ้าเราเป็นเด็กดีมีการศึกษา เราก็ควรจะเกรงใจใช่มั้ย แต่เด็กดีมีการศึกษาที่ไหนจะเอาเงินค่าก๋วยเตี๋ยวที่บ้านมานั่งกดเกม
“หิวเหรอ....?? กินมั้ยลูก เดี๋ยวป้าแบ่งให้”
เหยดดดด นี่มันเสียงสวรรค์ชัด ๆ ป้าแกช่างใจบุญเหลือเกิน ไม่เสียชื่อที่ตั้งชื่อร้านเกมกิตติมศักดิ์ว่าร้านป้า ถามว่าถึงแม้จะถามเป็นมารยาท และถ้าเราเป็นเด็กดีมีการศึกษา เราก็ควรจะเกรงใจใช่มั้ย แต่เด็กดีมีการศึกษาที่ไหนจะเอาเงินค่าก๋วยเตี๋ยวที่บ้านมานั่งกดเกม
เรื่องหน้าด้านผมนี่ขั้นเทพมาตั้งแต่เด็ก จะเหลือเหรอ เอาสิครับ ขอบคุณป้ามากๆ ครับ ขอข้าวกับซอสท่วม ๆ จานนะครับ
ว่าแล้วป้าก็จัดไข่เจียวร้อนๆ ใส่จานพร้อมข้าวมาเลย
จากนั้นหน้าเครื่องก็เป็นดั่งสรวงสวรรค์.... การเล่นเกมมีความสุขกว่าเดิม 100 เท่าจากปกติ อาจเป็นเพราะตอนนั้นมันหิวมากๆ ประกอบกับข้าวไข่เจียวอร่อย และประเด็นสุดท้าย..... มันเป็นของฟรี
ว่าแล้วป้าก็จัดไข่เจียวร้อนๆ ใส่จานพร้อมข้าวมาเลย
จากนั้นหน้าเครื่องก็เป็นดั่งสรวงสวรรค์.... การเล่นเกมมีความสุขกว่าเดิม 100 เท่าจากปกติ อาจเป็นเพราะตอนนั้นมันหิวมากๆ ประกอบกับข้าวไข่เจียวอร่อย และประเด็นสุดท้าย..... มันเป็นของฟรี
ของฟรีมักอร่อยกว่าปกติ 2 - 3 เท่า ไม่เหมือนจ่ายเอง
บางทีที่ผมผูกพันกับมาม่า อาจเพราะมันทำง่าย สั่งง่าย แค่มีชามกับน้ำร้อนก็จบ แต่ความสุขมันหาสู้ข้าวไข่เจียวร้อน ๆ ไม่ได้
ผมว่าถ้าเราเป็นคนไทย ยังไงก็ต้องกินข้าว เวลาหิวจัด ๆ ข้างหน้ามีพิซซ่าถาดใหญ่ กับข้าวไข่เจียวฟู ๆ สวย ๆ อยู่ข้างหน้า
คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมกระโดดหาข้าวไข่เจียว
ข้าวไข่เจียวจัดว่าเป็นเมนูสำหรับคนไส้แห้งอันดับต้น ๆ ในสายข้าว รองลงมาก็ปลากระป๋อง น้ำพริก นี่แหละคือแก่นแท้ของการกินเพื่ออยู่รอด
จริง ๆ ผมรู้จักและผูกพันกับข้าวไข่เจียวมาตั้งแต่เด็กมาก ๆ เพราะตอนเด็กกินเป็นแค่อย่างเดียว เพราะพี่เลี้ยงผมตอนเด็กทำกับข้าวเป็นแค่อย่างเดียว ถามว่ากินทุกวันมันอร่อยมั้ย ก็อร่อยนะ แต่รู้สึกตัวเองกระจ๊อก กระจอกยังไงไม่รู้ เพราะไม่รู้จักอาหารชนิดอื่นเลยตั้งแต่อนุบาลยันประถม
และมาถึงวันนึง จำเหตุการณ์สะเทือนใจได้แม่น
วันปีใหม่มีกินเลี้ยงกันที่โรงเรียน ครูประจำชั้นบอกให้เอาอาหารที่บ้านมาคนละ 1 อย่าง แน่นอนผมไฟท์บังคับอยู่แล้ว ไม่ต้องเลือกเลย ไข่เจียวที่คุ้นเคย
แต่พอถึงวันจริง ดูกับข้าวเพื่อนคนอื่นในห้อง
ข้าวหมูแดง!! หมูกรอบ!! ข้าวมันไก่!! ขาหมู!!! ไก่ทอด!!!
บางคนโชว์พิซซ่าตั้งแต่เด็ก ไอ้เด็กเปรตมึงจะรวยไปไหน แต่ละคนนี่มันอะไรกัน แต่ไฮไลท์ของห้องอยู่ที่เด็กกินผัดกระเพรา ซึ่งเป็นที่ตื่นตะลึงและมหัศจรรย์มากถ้าเด็กคนไหนแดกผัดกระเพราได้ เพราะเด็กส่วนใหญ่กินเผ็ดไม่ค่อยได้
ครูเห็นนี่แทบจะมอบโล่ มอบเกียรติบัตร เชิญครูใหญ่ สส นายก โคตรเหง้าศักราชมาถ่ายรูปหน้าเสาธงเลยทีเดียว
อ่ะ แล้วให้ทายว่าทุกคนมองไข่เจียวของผมยังไง.......
เชี่ยแม่ง แต่ละคนนี่มองด้วยสายตาเวทนาสุด ๆ ไนท์เด็ก..... นายเติบโตมาในสังคมแบบไหนกันหรือ ทำไมนายกินไข่เจียว พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่ประถม 1 กันแล้ว เราเลิกกินไข่เจียวราดซอสมะเขือเทศไปแล้ว
และที่เจ็บปวดยิ่งกว่า แม่งไม่มีใครสนใจไข่เจียวของผมแม้แต่คำเดียว ในขณะที่คนอื่นสวิงกิ้งกับข้าวกันอย่างสนุกสนาน ผมนี่นั่งกินข้าวไข่เจียวตาปริบ ๆ ไม่มีใครมาแบ่งไปกินเลย เหมือนจะมีน้ำตาคลอเล็กน้อยด้วย
สุดท้ายก้อทนไม่ไหว ต่อมน้ำตาแตกนั่งร้องไห้อย่างน่าสงสารสุดๆ (ผมเชื่อว่าคนอ่านหลายคนร้องไห้ตาม เพราะมันสะเทือนใจจริงอะไรจริง)
แต่ที่น่าแปลกใจคือ พอเราเข้าสู่รั้วมหาลัย สถานการณ์ของความเป็นข้าวไข่เจียวดันพลิกกลับ
จากเมนูสุดมืดมนในวัยเยาว์ ข้าวไข่เจียวกลายเป็นสุดยอดอาหารเรืองแสงในชั่วโมงเร่งด่วน ชั่วโมงทำงาน หรือเวลาที่สมองอุดตันคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาซะยังงั้น
และยิ่งอยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะนะครับ แบบว่ากำลังสาละวนทำรายงาน หรือเล่นเกมกันอย่างบ้าคลั่งจนเลยเวลากินข้าว อย่าได้มีใครเปิดก่อนเชียว มีตามมากกว่าหนึ่งแน่นอน
แล้วมันไม่รู้เป็นอะไร ไอ้คนเปิดมักเดินไปเปิดแบบลับ ๆ ไปแอบสั่งหรือแอบไปทอดเองตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวกันอีกทีก็ฟูฟ่องมาพร้อมกลิ่นหอมอำมหิตวางที่โต๊ะแล้ว
ที่เหลือก็แทบจะทิ้งเม้าส์ทิ้งจอยลุกไปสั่งพร้อมกันเลยทีเดียว
เฮ้ย!! กูด้วย!!
2 เลย!!!
เฮ้ย 3 เลย!!!
มึงทอดเผื่อทุกคนเลยสัส!!!! ทอดให้แม่งหมดลังเลย
บางร้านบริการตัวเองนะครับ จ่ายเงินแล้วไปทอดกันเอง ใครเสร่อออกตัวว่าทอดไข่เก่งล่ะก็ มึงไม่ต้องกลับมาที่เครื่องแล้วล่ะ ยืนตีไข่ทอดไข่อยู่ตรงนั้นเลย โหดร้ายมาก
ข้าวไข่เจียวถือเป็นเมนูล่องหนในร้านเกม หรือร้านเน็ต เป็นเมนูที่เราไม่เคยเห็นรายการเมนู แต่มันมีอยู่จริง ขอเพียงความกล้าที่จะปรารถนาจะแดก แต่ก็ต้องดูเจ้าของร้านด้วย ถ้าเป็นป้าเป็นลุงใจดี ๆ ลองเจรจาเลย แต่ถ้าเป็นสก๊อยหน้าตาขี้เกียจ ก็ฝันไปเถอะว่าจะได้กิน
จากนั้นมาเมนูข้าวไข่เจียวก็ถือว่าเป็นเมนูอมตะนะครับ เป็นเมนูที่คลาสสิคและไม่มีวันตายจนถึงบัดเดี๋ยวนี้ ตราบใดที่คนไทยยังมีช่วงเวลาเร่งรีบ และนิสัยสิ้นคิด
บางคนไม่รีบ ไม่สิ้นคิด แต่กินเพราะคิดถึง ตั้งใจจะเสพความอร่อยของมันจริง ๆ ก็มี
และความทรมานอย่างหนึ่งของผมตอนนี้ก็คือ ต้องเขียนคอลัมน์นี้ไปพร้อมกับคิดถึงไข่เจียวไปด้วยตลอดเว
และอย่าแปลกใจครับว่า เมื่ออ่านคอลัมน์ตอนนี้จบแล้ว คุณอยากจะหาข้าวไข่เจียวสักจานมากินหน้าคอม
ไข่เจียวสักจานมั้ยสัส !!!
บางทีที่ผมผูกพันกับมาม่า อาจเพราะมันทำง่าย สั่งง่าย แค่มีชามกับน้ำร้อนก็จบ แต่ความสุขมันหาสู้ข้าวไข่เจียวร้อน ๆ ไม่ได้
ผมว่าถ้าเราเป็นคนไทย ยังไงก็ต้องกินข้าว เวลาหิวจัด ๆ ข้างหน้ามีพิซซ่าถาดใหญ่ กับข้าวไข่เจียวฟู ๆ สวย ๆ อยู่ข้างหน้า
คนอื่นผมไม่รู้ แต่ผมกระโดดหาข้าวไข่เจียว
ข้าวไข่เจียวจัดว่าเป็นเมนูสำหรับคนไส้แห้งอันดับต้น ๆ ในสายข้าว รองลงมาก็ปลากระป๋อง น้ำพริก นี่แหละคือแก่นแท้ของการกินเพื่ออยู่รอด
จริง ๆ ผมรู้จักและผูกพันกับข้าวไข่เจียวมาตั้งแต่เด็กมาก ๆ เพราะตอนเด็กกินเป็นแค่อย่างเดียว เพราะพี่เลี้ยงผมตอนเด็กทำกับข้าวเป็นแค่อย่างเดียว ถามว่ากินทุกวันมันอร่อยมั้ย ก็อร่อยนะ แต่รู้สึกตัวเองกระจ๊อก กระจอกยังไงไม่รู้ เพราะไม่รู้จักอาหารชนิดอื่นเลยตั้งแต่อนุบาลยันประถม
และมาถึงวันนึง จำเหตุการณ์สะเทือนใจได้แม่น
วันปีใหม่มีกินเลี้ยงกันที่โรงเรียน ครูประจำชั้นบอกให้เอาอาหารที่บ้านมาคนละ 1 อย่าง แน่นอนผมไฟท์บังคับอยู่แล้ว ไม่ต้องเลือกเลย ไข่เจียวที่คุ้นเคย
แต่พอถึงวันจริง ดูกับข้าวเพื่อนคนอื่นในห้อง
ข้าวหมูแดง!! หมูกรอบ!! ข้าวมันไก่!! ขาหมู!!! ไก่ทอด!!!
บางคนโชว์พิซซ่าตั้งแต่เด็ก ไอ้เด็กเปรตมึงจะรวยไปไหน แต่ละคนนี่มันอะไรกัน แต่ไฮไลท์ของห้องอยู่ที่เด็กกินผัดกระเพรา ซึ่งเป็นที่ตื่นตะลึงและมหัศจรรย์มากถ้าเด็กคนไหนแดกผัดกระเพราได้ เพราะเด็กส่วนใหญ่กินเผ็ดไม่ค่อยได้
ครูเห็นนี่แทบจะมอบโล่ มอบเกียรติบัตร เชิญครูใหญ่ สส นายก โคตรเหง้าศักราชมาถ่ายรูปหน้าเสาธงเลยทีเดียว
อ่ะ แล้วให้ทายว่าทุกคนมองไข่เจียวของผมยังไง.......
เชี่ยแม่ง แต่ละคนนี่มองด้วยสายตาเวทนาสุด ๆ ไนท์เด็ก..... นายเติบโตมาในสังคมแบบไหนกันหรือ ทำไมนายกินไข่เจียว พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่ประถม 1 กันแล้ว เราเลิกกินไข่เจียวราดซอสมะเขือเทศไปแล้ว
และที่เจ็บปวดยิ่งกว่า แม่งไม่มีใครสนใจไข่เจียวของผมแม้แต่คำเดียว ในขณะที่คนอื่นสวิงกิ้งกับข้าวกันอย่างสนุกสนาน ผมนี่นั่งกินข้าวไข่เจียวตาปริบ ๆ ไม่มีใครมาแบ่งไปกินเลย เหมือนจะมีน้ำตาคลอเล็กน้อยด้วย
สุดท้ายก้อทนไม่ไหว ต่อมน้ำตาแตกนั่งร้องไห้อย่างน่าสงสารสุดๆ (ผมเชื่อว่าคนอ่านหลายคนร้องไห้ตาม เพราะมันสะเทือนใจจริงอะไรจริง)
แต่ที่น่าแปลกใจคือ พอเราเข้าสู่รั้วมหาลัย สถานการณ์ของความเป็นข้าวไข่เจียวดันพลิกกลับ
จากเมนูสุดมืดมนในวัยเยาว์ ข้าวไข่เจียวกลายเป็นสุดยอดอาหารเรืองแสงในชั่วโมงเร่งด่วน ชั่วโมงทำงาน หรือเวลาที่สมองอุดตันคิดอะไรไม่ออกขึ้นมาซะยังงั้น
และยิ่งอยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะนะครับ แบบว่ากำลังสาละวนทำรายงาน หรือเล่นเกมกันอย่างบ้าคลั่งจนเลยเวลากินข้าว อย่าได้มีใครเปิดก่อนเชียว มีตามมากกว่าหนึ่งแน่นอน
แล้วมันไม่รู้เป็นอะไร ไอ้คนเปิดมักเดินไปเปิดแบบลับ ๆ ไปแอบสั่งหรือแอบไปทอดเองตอนไหนไม่รู้ รู้สึกตัวกันอีกทีก็ฟูฟ่องมาพร้อมกลิ่นหอมอำมหิตวางที่โต๊ะแล้ว
ที่เหลือก็แทบจะทิ้งเม้าส์ทิ้งจอยลุกไปสั่งพร้อมกันเลยทีเดียว
เฮ้ย!! กูด้วย!!
2 เลย!!!
เฮ้ย 3 เลย!!!
มึงทอดเผื่อทุกคนเลยสัส!!!! ทอดให้แม่งหมดลังเลย
บางร้านบริการตัวเองนะครับ จ่ายเงินแล้วไปทอดกันเอง ใครเสร่อออกตัวว่าทอดไข่เก่งล่ะก็ มึงไม่ต้องกลับมาที่เครื่องแล้วล่ะ ยืนตีไข่ทอดไข่อยู่ตรงนั้นเลย โหดร้ายมาก
ข้าวไข่เจียวถือเป็นเมนูล่องหนในร้านเกม หรือร้านเน็ต เป็นเมนูที่เราไม่เคยเห็นรายการเมนู แต่มันมีอยู่จริง ขอเพียงความกล้าที่จะปรารถนาจะแดก แต่ก็ต้องดูเจ้าของร้านด้วย ถ้าเป็นป้าเป็นลุงใจดี ๆ ลองเจรจาเลย แต่ถ้าเป็นสก๊อยหน้าตาขี้เกียจ ก็ฝันไปเถอะว่าจะได้กิน
จากนั้นมาเมนูข้าวไข่เจียวก็ถือว่าเป็นเมนูอมตะนะครับ เป็นเมนูที่คลาสสิคและไม่มีวันตายจนถึงบัดเดี๋ยวนี้ ตราบใดที่คนไทยยังมีช่วงเวลาเร่งรีบ และนิสัยสิ้นคิด
บางคนไม่รีบ ไม่สิ้นคิด แต่กินเพราะคิดถึง ตั้งใจจะเสพความอร่อยของมันจริง ๆ ก็มี
และความทรมานอย่างหนึ่งของผมตอนนี้ก็คือ ต้องเขียนคอลัมน์นี้ไปพร้อมกับคิดถึงไข่เจียวไปด้วยตลอดเว
และอย่าแปลกใจครับว่า เมื่ออ่านคอลัมน์ตอนนี้จบแล้ว คุณอยากจะหาข้าวไข่เจียวสักจานมากินหน้าคอม
ไข่เจียวสักจานมั้ยสัส !!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น