วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559

ROซอกหลืบ ตอน หน้าร้อน สงกรานต์ ไอศกรีม


(ต้นฉบับปี 2549)


ซอกหลืบหน้าร้อน สงกรานต์ และไอศครีม


โอ  พระจอร์ชเจ้า เป็นครั้งแรกที่หัวข้อมาแบบไตรภาค


เชื่อเลยว่าส่วนใหญ่คิดในใจ ไนท์หนุ่มหมดมุกแน่ ๆ  เลยจับเรื่องใกล้ตัวมายำมั่วในตอนเดียว เขียนเอาตัวรอดไปอีก 1 สัปดาห์


เอ่อ มันก็จริง  ว่าแต่ฟังขึ้นหัวก็น่าสนใจดีนะ ตั้ง 3 เรื่องแน่ะ


ก่อนอื่นผมต้องแสดงความยินดีกับพวกเราชาวไทยด้วยครับ เราเฝ้าอดทนกันมาหลายเดือน หน้าร้อน ฤดูร้อนกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วครับ


นับจากนี้จะเป็นการมาของ “ฤดูร้อนตับแตก” ซึ่งเป็นฤดูใหม่ของประเทศไทย


ผมเคยชอบอากาศร้อนแห้งของประเทศไทยครับ   อาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า  “แดดทำให้คนไทยแข็งแรง” ผมเองก็ไม่รู้เหตุผล อาจเป็นเพราะแสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรคล่ะมั้ง


แต่จากนี้ มันกำลังจะเข้าสู่ฤดูที่ทั้งร้อน ทั้งชื้น


ผมฟันธงฉับขาดสะบั้น เพราะนี่คือช่วงคาบเกี่ยวระหว่างฤดูร้อน และฤดูฝน


จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว ย่างเข้าเดือนพฤศจิกายน ฝนมันก็ยังหน้าด้านตกอยู่อย่างนั้น แถมแดดยังไม่ส่องด้วย เป็นอะไรที่หงุดหงิดมาก ได้แต่จุดธูปภาวนาว่าเมื่อลมหนาวพัดมา ก็ให้มันพัดอยู่นาน ๆ ด้วยเถอะ


แต่เปล่าเล้ย มันมาพัดให้เย็นเล่น ๆ 2 เดือน ก็โดนแดดไล่ไป  เมืองไทยนี่แสงแดดใหญ่สุดครับ   ผมทั้งภูมิใจและผิดหวังกับพลังดวงอาทิตย์


คิดดูเถอะ กลางปีนี้ฝนมาไล่แดดไม่ได้หรอก เราจะได้เจอทั้ง 2 อย่าง เตรียมตัวประสาทกินกันได้เลย ไหนพวกที่จะรอฟังผลสอบเอ็นทรานซ์อีก อากาศแบบนี้ ได้เครียดดิ่งเหวกันแน่


จะว่าไป หน้าร้อนก็มีทั้งดีทั้งเสีย ไม่ใช่ว่าผมเกลียดฤดูร้อนหรอก  ผมไม่ชอบอากาศร้อนต่างหาก  จำได้ว่าตอนเด็กผมเคยเฝ้ารอช่วงนี้ให้มาถึงเร็ว ๆ เหลือเกิน ถ้าใครเป็นเด็กจะนึกไม่นานครับ ว่าทำไม


ปิดเทอม.... ไปเที่ยว ทะเล สงกรานต์ ฯลฯ


หน้าร้อนนี่เหมาะกับการปิดเทอมใหญ่ที่สุดแล้วครับ เพราะถ้าฝืนให้เด็กเรียนต่อ ได้เครียดน้ำลายฟูมปากเป็นหมาบ้าคาห้องเรียน


แต่บางคนก็หนีไม่รอด  เช่นผมเป็นต้น พวกเขาถูกผู้ปกครองส่งไปลงนรกที่เรียกชื่อสวยหรูว่า “คอร์สซัมเมอร์”


ตอนเด็กผมก็เป็นหนึ่งในนั้น  แล้วไอ้ที่ผมไปเรียนจัดมันตารางได้เฮงซวยมาก ๆ 


เข้าเรียน 9 โมงเข้า เรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษจนถึงเที่ยง พัก 1 ชั่วโมง (แสรด  วิชาแสนรักของตูทั้งนั้น.... ประชด !!)


ตอนบ่ายเป็นวิชาพละครับ พี่แกให้ไปเล่นบาสฯ  วอลเล่ย์บอล ฟุตบอล กลางแดดเปรี้ยง แล้วแต่จะเลือกชนิดกีฬา เล่นจนถึง 4 โมงเย็น


ไอ้ตอนเช้ามันพอทนได้  แต่ช่วงบ่ายนี่มันไม่ไหวจริง ๆ จำได้ว่าวันแรกผมชวนเพื่อนโดดไปนั่งวาดการ์ตูนในห้องน้ำจนถึงเลิก แถมล็อคประตูห้องน้ำใหญ่แม่งซะเลย


หลังจากวันนั้นผมก็หนีเรียนจนจบคอร์ส ซึ่งจริง ๆ เป็นความผิดเต็ม ๆ ประตู  แต่ความรู้สึกผมมั่นกึ่งผิดกึ่งถูก  (ประมาณทำผิดแต่คิดถูกอ่ะ)  เพราะผมอึดอัดที่จะอยู่ที่นั่นไง  ยอมถูกไม้เรียวฟาด 1 วัน ดีกว่าต้องเล่นกลางแดดเปรี้ยง 30 วัน


จากเคสที่เคยผ่านมา มันทำให้ผมกล้ายืนยันเลยครับว่า ยังไงหน้าร้อนก็เหมาะกับการผ่อนคลายมากกว่า


ความร้อนมีอาณุภาพเปลี่ยนความตั้งใจคนมากกว่าความเย็น


หากไข่ไก่โดนความร้อนแล้วกลายเป็นไข่ลวกฉันใด คนเมื่อโดนความร้อนก็เปลี่ยนไปได้ฉันนั้น


ความร้อนนี่ก็เหมือนความกดดันนะครับ    ใครที่เอาชนะความร้อนได้ ใครที่ต้องทำงานกลางแดดแล้วรู้สึกมีความสุขนี่ผมยกนิ้วให้เลย ท่านได้บรรลุแก่นการใช้ชีวิตแล้ว


เขียนไปก็เริ่มอินกับความร้อน  เข้าเรื่องเย็น ๆ บ้างดีกว่า


นอกจากนี้ครับ ฤดูร้อนยังทำให้น้ำมีค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ การดื่มน้ำเย็น ๆ หรือไปว่ายน้ำ


ในความกดดันนั้น ถ้าได้เจออะไรเย็น ๆ นะ เป็นอะไรที่รู้สึกดีเป็นบ้าเลย แม้จะเย็นเป็นช่วง ๆ ก็เถอะครับ แต่มันก็ทำให้เรามีกำลังแรงสู้ต่อไป


แน่นอน หน้าร้อนที่เราขาดไม่ได้  กิจกรรมสาดน้ำในตำนาน


“วันสงกรานต์อ่าวเปอร์เซีย”  กับฉากสงครามกลางเมืองที่เวียนกลับมาหาคนไทยทุก ๆ ปี


วันที่ผมกำลังนั่งเขียนอยู่นี่ ผมคิดว่าคงเพิ่งผ่านมาชนิดที่เรียกว่าหมาด ๆ เสื้อยังไม่แห้งกันเลย

ก่อนหน้านั้น เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพื่อนมันโทรมาเล่าให้ฟังว่า มีขบวนแห่นางสงกรานต์ที่หน้าสยามพารากอน ผมรีบเปิดทีวีดู เอ.... ทำไมหน้านางสงกรานต์มันหน้าคล้าย ๆ เจ๊กขายขวดวะ หัวขาว ๆ มากันเหลืองระงมเลย เขาจะไปกินเจกันใช่มั้ยนั่นน่ะ

เอ่อ... ตัดไปเรื่องอื่นดีกว่า  ว่าจะไม่เขียนถึงแล้วนะเนี่ย

กลับเข้าเรื่อง

เอาล่ะครับ ผมให้เวลา 10 นาที ถ้าใครตากผ้าไว้ รีบไปเก็บผ้าด่วนเลยครับ ขณะนี้ซอกหลืบกำลังเข้าสู่สาระโหมด เกรงว่าฝนจะตกหนัก น้ำท่วม จะเกิดความเดือดร้อนในครัวเรือนเอาได้ (เฮ้ย ขนาดนั้นเชียวเหรอวะ)


อยากรู้ความหมายของคำว่า “สงกรานต์” กันไหมครับ แบบว่าประดับความรู้กันชิลด์ ๆ

คำว่า “สงกรานต์” มาจากภาษาสันสฤกต แปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น หรือการย้าย การเคลื่อนที่ พระอาทิตย์เคลื่อนที่เข้าสู่ราศีใหม่ หมายถึงขึ้นปีใหม่ของไทยเรานั่นเอง


เชื่อว่าเด็กๆ หลายคนคงทำหน้าสงสัยแบบน่ารักๆ “พี่ไน๊ท์.... มะเหงเกี่ยวกะสาดน้ำตรงไหนเลย”


ผมก็คงกระโดดถีบกลับไปด้วยความน่ารักๆ เช่นกัน


สาดน้ำมันก็เป็นแค่กิจกรรมหนึ่งในสงกรานต์ไง เช่นเดียวกับการทำบุญ ตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา สรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ เล่นก่อเจดีย์ทราย


แต่เผอิญการเล่นน้ำ มันน่าเล่นที่สุด


เพราะมันสามารถแตกแขนงเป็นกิจกรรมอื่น ๆ แสนปายับปายี้ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระเบิดน้ำแข็ง ประแป้ง จับนมแฟนชาวบ้าน รีมิกซ์เพลง จับกลุ่มเต้นท่าเปรตขอส่วนบุญ ฯลฯ


จากประสบการณ์เล่นสงกรานต์ทุกปี ผมจะบอกว่ามันอนาถขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ก็คงไม่ผิดนัก เมื่อก่อนมันไม่ปาทังก้าวาไรตี้ขนาดนี้นี่หว่า


ตอนเด็กผมมีแค่ปืนฉีดน้ำรูปโดนัลด์ดั๊ก 1 กระบอก และขันน้ำพลาสติกเดนตาย 1 อัน และการสาดน้ำแต่ละครั้งของผมก็ไม่เคยเกิน 450 มิลลิกรัม แรงเหวี่ยงของน้ำก็ไม่ถึง 40 ก.ม/ช.ม


เพื่อน ๆ ที่เล่นด้วยกันทุกคนในหมู่บ้านก็เป็นอย่างนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองมายืนมองหน้าบ้านท่านก็อดอมยิ้มกับกิจกรรมแสนซนแบบนี้ไม่ได้ บางท่านยังมาร่วมวงฉีดน้ำด้วยกันเลย


แล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ มันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่


สมัยนี้พอพ่อแม่ได้ยินว่าลูกจะออกไปเล่นสงกรานต์   หัวใจแทบสลาย ความรู้สึกเหมือนกับว่าลูกจะออกไปตรวจกับระเบิดชายแดนฝั่งลาว โอกาสรอดชีวิตกลับมาครบองค์   คงมีต่ำพอ ๆ กับไปว่ายน้ำเล่นในบ่อจระเข้


ถ้าผมมีลูก ผมก็คงเป็นห่วงเขาเหมือนกันล่ะครับ   กลัวออกไปแล้วจะโดนใครจกกินเป็นอาหาร   หรือกลัวว่าแก้วหูจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เพราะทนเสียงนวัตกรรมเครื่องยนต์มอไซด์ของพวกนักซิ่งสมองควายไม่ไหว


ยิ่งนานเข้า สงกรานต์มันก็เหมือนจะยิ่งห่างไกลการสาดน้ำมากไปทุกที


ผมหมายถึงความรู้สึกของการสาดน้ำใส่กันยิ่งไม่ค่อยมีให้กันทุกที หม่อมแม่เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนการสาดน้ำหมายถึงสาดความสุขใส่กันครับ ในอากาศที่ร้อน ๆ นี้ ความเย็นจากน้ำก็คือความสุขดี ๆ นี่เอง


จริง ๆ มันเป็นความหมายที่คิดได้ไม่ยากเลยนะ  เออ  เพราะเราร้อนไง  การให้ความเย็นก็คือการให้ความสุข


หรือคิดแต่ว่า  ถึงเวลาเราก็มาสาดกันให้เปียกโชกเท่านั้น


เหมือนมาตรฐานความสุขของคนไทยกำลังเปลี่ยนไป น่าเครียดแล้วนะครับอย่างนี้   ว่าขอเพียงสนุกสะใจ  ใครจะรู้สึกยังไงตูไม่สน


สารภาพว่าตอนที่ผมออกไปข้างนอก มีทั้งความสนุกและความกลัวปะปนกัน

จำได้ว่าปีที่แล้ว มีวันนึงที่ผมไม่ได้เล่นสงกรานต์ เพราะต้องนั่งรถออกไปเป็นเพื่อนซื้อของกับแม่ที่ห้างใกล้ ๆ บ้าน

ระยะทางจากห้างกลับบ้าน เป็นระยะทาง 700 เมตร โดยประมาณ

ผมเห็นคนนั่งกินเหล้าข้างทาง แถมยังมอมคนที่เล่นสงกรานต์ผ่านไปมา

ผมเห็นจิ๊กโก๋รุมชกต่อยกัน สาเหตุผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร

ผมเห็นลุงกะป้าแก่ ๆ เอาดินสอพองไปป้ายคนซ้อนมอไซด์ ทั้ง ๆ ที่เขาบอกปัดว่าไม่

ผมเห็นเด็กอายุประมาณ ม. ต้น คู่หนึ่ง ยืนดูดยืนล้วงกันอย่างไม่อายใคร

ผมเห็นกระเทยควายใส่ชุดว่ายน้ำทูพีช กระโดดขึ้นไปเต้นบนโต๊ะ

ผมเห็นสาว ๆ กลุ่มหนึ่งแต่งตัวโป๊แนบเนื้อ ไปรุมโปะแป้งผู้ชายที่เดินผ่านไปมา ก่อนถือวิสาสะหอมแก้มทีนึงแล้วแรดไปหาเหยื่อต่อ

และจากนั้นผมก็เห็นอะไรไม่ชัดเจนนัก เพราะมีคนเอาดินสอพองมาละเลงกระจกรถจนเลอะไปหมด

โห  อะไรมันจะบู๊ล้างผลาญกันขนาดนั้น

ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้อีกสักกี่สิบปี มันจะพัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบกันไปถึงไหน  สำหรับเทศกาลสาดน้ำที่เห็นแล้วแทบอุทาน สาดเอ้ย !!

ถ้าจะขนาดนี้  

ผมเลือกนั่งเล่นแรค กินไอศกรีมอยู่บ้านดีกว่ามั้ง......







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น