(ต้นฉบับปี 2549)
ซอกหลืบหน้าร้อน สงกรานต์ และไอศครีม
โอ พระจอร์ชเจ้า เป็นครั้งแรกที่หัวข้อมาแบบไตรภาค
เชื่อเลยว่าส่วนใหญ่คิดในใจ ไนท์หนุ่มหมดมุกแน่ ๆ เลยจับเรื่องใกล้ตัวมายำมั่วในตอนเดียว เขียนเอาตัวรอดไปอีก 1 สัปดาห์
เอ่อ มันก็จริง ว่าแต่ฟังขึ้นหัวก็น่าสนใจดีนะ ตั้ง 3 เรื่องแน่ะ
ก่อนอื่นผมต้องแสดงความยินดีกับพวกเราชาวไทยด้วยครับ เราเฝ้าอดทนกันมาหลายเดือน หน้าร้อน ฤดูร้อนกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วครับ
นับจากนี้จะเป็นการมาของ “ฤดูร้อนตับแตก” ซึ่งเป็นฤดูใหม่ของประเทศไทย
ผมเคยชอบอากาศร้อนแห้งของประเทศไทยครับ อาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า “แดดทำให้คนไทยแข็งแรง” ผมเองก็ไม่รู้เหตุผล อาจเป็นเพราะแสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรคล่ะมั้ง
แต่จากนี้ มันกำลังจะเข้าสู่ฤดูที่ทั้งร้อน ทั้งชื้น
ผมฟันธงฉับขาดสะบั้น เพราะนี่คือช่วงคาบเกี่ยวระหว่างฤดูร้อน และฤดูฝน
จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว ย่างเข้าเดือนพฤศจิกายน ฝนมันก็ยังหน้าด้านตกอยู่อย่างนั้น แถมแดดยังไม่ส่องด้วย เป็นอะไรที่หงุดหงิดมาก ได้แต่จุดธูปภาวนาว่าเมื่อลมหนาวพัดมา ก็ให้มันพัดอยู่นาน ๆ ด้วยเถอะ
แต่เปล่าเล้ย มันมาพัดให้เย็นเล่น ๆ 2 เดือน ก็โดนแดดไล่ไป เมืองไทยนี่แสงแดดใหญ่สุดครับ ผมทั้งภูมิใจและผิดหวังกับพลังดวงอาทิตย์
คิดดูเถอะ กลางปีนี้ฝนมาไล่แดดไม่ได้หรอก เราจะได้เจอทั้ง 2 อย่าง เตรียมตัวประสาทกินกันได้เลย ไหนพวกที่จะรอฟังผลสอบเอ็นทรานซ์อีก อากาศแบบนี้ ได้เครียดดิ่งเหวกันแน่
จะว่าไป หน้าร้อนก็มีทั้งดีทั้งเสีย ไม่ใช่ว่าผมเกลียดฤดูร้อนหรอก ผมไม่ชอบอากาศร้อนต่างหาก จำได้ว่าตอนเด็กผมเคยเฝ้ารอช่วงนี้ให้มาถึงเร็ว ๆ เหลือเกิน ถ้าใครเป็นเด็กจะนึกไม่นานครับ ว่าทำไม
ปิดเทอม.... ไปเที่ยว ทะเล สงกรานต์ ฯลฯ
หน้าร้อนนี่เหมาะกับการปิดเทอมใหญ่ที่สุดแล้วครับ เพราะถ้าฝืนให้เด็กเรียนต่อ ได้เครียดน้ำลายฟูมปากเป็นหมาบ้าคาห้องเรียน
แต่บางคนก็หนีไม่รอด เช่นผมเป็นต้น พวกเขาถูกผู้ปกครองส่งไปลงนรกที่เรียกชื่อสวยหรูว่า “คอร์สซัมเมอร์”
ตอนเด็กผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วไอ้ที่ผมไปเรียนจัดมันตารางได้เฮงซวยมาก ๆ
ก่อนอื่นผมต้องแสดงความยินดีกับพวกเราชาวไทยด้วยครับ เราเฝ้าอดทนกันมาหลายเดือน หน้าร้อน ฤดูร้อนกำลังจะผ่านพ้นไปแล้วครับ
นับจากนี้จะเป็นการมาของ “ฤดูร้อนตับแตก” ซึ่งเป็นฤดูใหม่ของประเทศไทย
ผมเคยชอบอากาศร้อนแห้งของประเทศไทยครับ อาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า “แดดทำให้คนไทยแข็งแรง” ผมเองก็ไม่รู้เหตุผล อาจเป็นเพราะแสงแดดช่วยฆ่าเชื้อโรคล่ะมั้ง
แต่จากนี้ มันกำลังจะเข้าสู่ฤดูที่ทั้งร้อน ทั้งชื้น
ผมฟันธงฉับขาดสะบั้น เพราะนี่คือช่วงคาบเกี่ยวระหว่างฤดูร้อน และฤดูฝน
จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว ย่างเข้าเดือนพฤศจิกายน ฝนมันก็ยังหน้าด้านตกอยู่อย่างนั้น แถมแดดยังไม่ส่องด้วย เป็นอะไรที่หงุดหงิดมาก ได้แต่จุดธูปภาวนาว่าเมื่อลมหนาวพัดมา ก็ให้มันพัดอยู่นาน ๆ ด้วยเถอะ
แต่เปล่าเล้ย มันมาพัดให้เย็นเล่น ๆ 2 เดือน ก็โดนแดดไล่ไป เมืองไทยนี่แสงแดดใหญ่สุดครับ ผมทั้งภูมิใจและผิดหวังกับพลังดวงอาทิตย์
คิดดูเถอะ กลางปีนี้ฝนมาไล่แดดไม่ได้หรอก เราจะได้เจอทั้ง 2 อย่าง เตรียมตัวประสาทกินกันได้เลย ไหนพวกที่จะรอฟังผลสอบเอ็นทรานซ์อีก อากาศแบบนี้ ได้เครียดดิ่งเหวกันแน่
จะว่าไป หน้าร้อนก็มีทั้งดีทั้งเสีย ไม่ใช่ว่าผมเกลียดฤดูร้อนหรอก ผมไม่ชอบอากาศร้อนต่างหาก จำได้ว่าตอนเด็กผมเคยเฝ้ารอช่วงนี้ให้มาถึงเร็ว ๆ เหลือเกิน ถ้าใครเป็นเด็กจะนึกไม่นานครับ ว่าทำไม
ปิดเทอม.... ไปเที่ยว ทะเล สงกรานต์ ฯลฯ
หน้าร้อนนี่เหมาะกับการปิดเทอมใหญ่ที่สุดแล้วครับ เพราะถ้าฝืนให้เด็กเรียนต่อ ได้เครียดน้ำลายฟูมปากเป็นหมาบ้าคาห้องเรียน
แต่บางคนก็หนีไม่รอด เช่นผมเป็นต้น พวกเขาถูกผู้ปกครองส่งไปลงนรกที่เรียกชื่อสวยหรูว่า “คอร์สซัมเมอร์”
ตอนเด็กผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วไอ้ที่ผมไปเรียนจัดมันตารางได้เฮงซวยมาก ๆ
เข้าเรียน 9 โมงเข้า เรียนคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษจนถึงเที่ยง พัก 1 ชั่วโมง (แสรด วิชาแสนรักของตูทั้งนั้น.... ประชด !!)
ตอนบ่ายเป็นวิชาพละครับ พี่แกให้ไปเล่นบาสฯ วอลเล่ย์บอล ฟุตบอล กลางแดดเปรี้ยง แล้วแต่จะเลือกชนิดกีฬา เล่นจนถึง 4 โมงเย็น
ไอ้ตอนเช้ามันพอทนได้ แต่ช่วงบ่ายนี่มันไม่ไหวจริง ๆ จำได้ว่าวันแรกผมชวนเพื่อนโดดไปนั่งวาดการ์ตูนในห้องน้ำจนถึงเลิก แถมล็อคประตูห้องน้ำใหญ่แม่งซะเลย
หลังจากวันนั้นผมก็หนีเรียนจนจบคอร์ส ซึ่งจริง ๆ เป็นความผิดเต็ม ๆ ประตู แต่ความรู้สึกผมมั่นกึ่งผิดกึ่งถูก (ประมาณทำผิดแต่คิดถูกอ่ะ) เพราะผมอึดอัดที่จะอยู่ที่นั่นไง ยอมถูกไม้เรียวฟาด 1 วัน ดีกว่าต้องเล่นกลางแดดเปรี้ยง 30 วัน
จากเคสที่เคยผ่านมา มันทำให้ผมกล้ายืนยันเลยครับว่า ยังไงหน้าร้อนก็เหมาะกับการผ่อนคลายมากกว่า
ความร้อนมีอาณุภาพเปลี่ยนความตั้งใจคนมากกว่าความเย็น
หากไข่ไก่โดนความร้อนแล้วกลายเป็นไข่ลวกฉันใด คนเมื่อโดนความร้อนก็เปลี่ยนไปได้ฉันนั้น
ความร้อนนี่ก็เหมือนความกดดันนะครับ ใครที่เอาชนะความร้อนได้ ใครที่ต้องทำงานกลางแดดแล้วรู้สึกมีความสุขนี่ผมยกนิ้วให้เลย ท่านได้บรรลุแก่นการใช้ชีวิตแล้ว
เขียนไปก็เริ่มอินกับความร้อน เข้าเรื่องเย็น ๆ บ้างดีกว่า
นอกจากนี้ครับ ฤดูร้อนยังทำให้น้ำมีค่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ การดื่มน้ำเย็น ๆ หรือไปว่ายน้ำ
ในความกดดันนั้น ถ้าได้เจออะไรเย็น ๆ นะ เป็นอะไรที่รู้สึกดีเป็นบ้าเลย แม้จะเย็นเป็นช่วง ๆ ก็เถอะครับ แต่มันก็ทำให้เรามีกำลังแรงสู้ต่อไป
แน่นอน หน้าร้อนที่เราขาดไม่ได้ กิจกรรมสาดน้ำในตำนาน
“วันสงกรานต์อ่าวเปอร์เซีย” กับฉากสงครามกลางเมืองที่เวียนกลับมาหาคนไทยทุก ๆ ปี
วันที่ผมกำลังนั่งเขียนอยู่นี่ ผมคิดว่าคงเพิ่งผ่านมาชนิดที่เรียกว่าหมาด ๆ เสื้อยังไม่แห้งกันเลย
ก่อนหน้านั้น เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพื่อนมันโทรมาเล่าให้ฟังว่า มีขบวนแห่นางสงกรานต์ที่หน้าสยามพารากอน ผมรีบเปิดทีวีดู เอ.... ทำไมหน้านางสงกรานต์มันหน้าคล้าย ๆ เจ๊กขายขวดวะ หัวขาว ๆ มากันเหลืองระงมเลย เขาจะไปกินเจกันใช่มั้ยนั่นน่ะ
เอ่อ... ตัดไปเรื่องอื่นดีกว่า ว่าจะไม่เขียนถึงแล้วนะเนี่ย
กลับเข้าเรื่อง
เอาล่ะครับ ผมให้เวลา 10 นาที ถ้าใครตากผ้าไว้ รีบไปเก็บผ้าด่วนเลยครับ ขณะนี้ซอกหลืบกำลังเข้าสู่สาระโหมด เกรงว่าฝนจะตกหนัก น้ำท่วม จะเกิดความเดือดร้อนในครัวเรือนเอาได้ (เฮ้ย ขนาดนั้นเชียวเหรอวะ)
อยากรู้ความหมายของคำว่า “สงกรานต์” กันไหมครับ แบบว่าประดับความรู้กันชิลด์ ๆ
ก่อนหน้านั้น เมื่อปลายเดือนที่แล้ว เพื่อนมันโทรมาเล่าให้ฟังว่า มีขบวนแห่นางสงกรานต์ที่หน้าสยามพารากอน ผมรีบเปิดทีวีดู เอ.... ทำไมหน้านางสงกรานต์มันหน้าคล้าย ๆ เจ๊กขายขวดวะ หัวขาว ๆ มากันเหลืองระงมเลย เขาจะไปกินเจกันใช่มั้ยนั่นน่ะ
เอ่อ... ตัดไปเรื่องอื่นดีกว่า ว่าจะไม่เขียนถึงแล้วนะเนี่ย
กลับเข้าเรื่อง
เอาล่ะครับ ผมให้เวลา 10 นาที ถ้าใครตากผ้าไว้ รีบไปเก็บผ้าด่วนเลยครับ ขณะนี้ซอกหลืบกำลังเข้าสู่สาระโหมด เกรงว่าฝนจะตกหนัก น้ำท่วม จะเกิดความเดือดร้อนในครัวเรือนเอาได้ (เฮ้ย ขนาดนั้นเชียวเหรอวะ)
อยากรู้ความหมายของคำว่า “สงกรานต์” กันไหมครับ แบบว่าประดับความรู้กันชิลด์ ๆ
คำว่า “สงกรานต์” มาจากภาษาสันสฤกต แปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น หรือการย้าย การเคลื่อนที่ พระอาทิตย์เคลื่อนที่เข้าสู่ราศีใหม่ หมายถึงขึ้นปีใหม่ของไทยเรานั่นเอง
เชื่อว่าเด็กๆ หลายคนคงทำหน้าสงสัยแบบน่ารักๆ “พี่ไน๊ท์.... มะเหงเกี่ยวกะสาดน้ำตรงไหนเลย”
ผมก็คงกระโดดถีบกลับไปด้วยความน่ารักๆ เช่นกัน
สาดน้ำมันก็เป็นแค่กิจกรรมหนึ่งในสงกรานต์ไง เช่นเดียวกับการทำบุญ ตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา สรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ เล่นก่อเจดีย์ทราย
แต่เผอิญการเล่นน้ำ มันน่าเล่นที่สุด
เพราะมันสามารถแตกแขนงเป็นกิจกรรมอื่น ๆ แสนปายับปายี้ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระเบิดน้ำแข็ง ประแป้ง จับนมแฟนชาวบ้าน รีมิกซ์เพลง จับกลุ่มเต้นท่าเปรตขอส่วนบุญ ฯลฯ
จากประสบการณ์เล่นสงกรานต์ทุกปี ผมจะบอกว่ามันอนาถขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ก็คงไม่ผิดนัก เมื่อก่อนมันไม่ปาทังก้าวาไรตี้ขนาดนี้นี่หว่า
ตอนเด็กผมมีแค่ปืนฉีดน้ำรูปโดนัลด์ดั๊ก 1 กระบอก และขันน้ำพลาสติกเดนตาย 1 อัน และการสาดน้ำแต่ละครั้งของผมก็ไม่เคยเกิน 450 มิลลิกรัม แรงเหวี่ยงของน้ำก็ไม่ถึง 40 ก.ม/ช.ม
เพื่อน ๆ ที่เล่นด้วยกันทุกคนในหมู่บ้านก็เป็นอย่างนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองมายืนมองหน้าบ้านท่านก็อดอมยิ้มกับกิจกรรมแสนซนแบบนี้ไม่ได้ บางท่านยังมาร่วมวงฉีดน้ำด้วยกันเลย
แล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ มันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
สมัยนี้พอพ่อแม่ได้ยินว่าลูกจะออกไปเล่นสงกรานต์ หัวใจแทบสลาย ความรู้สึกเหมือนกับว่าลูกจะออกไปตรวจกับระเบิดชายแดนฝั่งลาว โอกาสรอดชีวิตกลับมาครบองค์ คงมีต่ำพอ ๆ กับไปว่ายน้ำเล่นในบ่อจระเข้
ถ้าผมมีลูก ผมก็คงเป็นห่วงเขาเหมือนกันล่ะครับ กลัวออกไปแล้วจะโดนใครจกกินเป็นอาหาร หรือกลัวว่าแก้วหูจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เพราะทนเสียงนวัตกรรมเครื่องยนต์มอไซด์ของพวกนักซิ่งสมองควายไม่ไหว
ยิ่งนานเข้า สงกรานต์มันก็เหมือนจะยิ่งห่างไกลการสาดน้ำมากไปทุกที
ผมหมายถึงความรู้สึกของการสาดน้ำใส่กันยิ่งไม่ค่อยมีให้กันทุกที หม่อมแม่เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนการสาดน้ำหมายถึงสาดความสุขใส่กันครับ ในอากาศที่ร้อน ๆ นี้ ความเย็นจากน้ำก็คือความสุขดี ๆ นี่เอง
จริง ๆ มันเป็นความหมายที่คิดได้ไม่ยากเลยนะ เออ เพราะเราร้อนไง การให้ความเย็นก็คือการให้ความสุข
หรือคิดแต่ว่า ถึงเวลาเราก็มาสาดกันให้เปียกโชกเท่านั้น
เหมือนมาตรฐานความสุขของคนไทยกำลังเปลี่ยนไป น่าเครียดแล้วนะครับอย่างนี้ ว่าขอเพียงสนุกสะใจ ใครจะรู้สึกยังไงตูไม่สน
สารภาพว่าตอนที่ผมออกไปข้างนอก มีทั้งความสนุกและความกลัวปะปนกัน
จำได้ว่าปีที่แล้ว มีวันนึงที่ผมไม่ได้เล่นสงกรานต์ เพราะต้องนั่งรถออกไปเป็นเพื่อนซื้อของกับแม่ที่ห้างใกล้ ๆ บ้าน
ระยะทางจากห้างกลับบ้าน เป็นระยะทาง 700 เมตร โดยประมาณ
ผมเห็นคนนั่งกินเหล้าข้างทาง แถมยังมอมคนที่เล่นสงกรานต์ผ่านไปมา
ผมเห็นจิ๊กโก๋รุมชกต่อยกัน สาเหตุผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ผมเห็นลุงกะป้าแก่ ๆ เอาดินสอพองไปป้ายคนซ้อนมอไซด์ ทั้ง ๆ ที่เขาบอกปัดว่าไม่
ผมเห็นเด็กอายุประมาณ ม. ต้น คู่หนึ่ง ยืนดูดยืนล้วงกันอย่างไม่อายใคร
ผมเห็นกระเทยควายใส่ชุดว่ายน้ำทูพีช กระโดดขึ้นไปเต้นบนโต๊ะ
ผมเห็นสาว ๆ กลุ่มหนึ่งแต่งตัวโป๊แนบเนื้อ ไปรุมโปะแป้งผู้ชายที่เดินผ่านไปมา ก่อนถือวิสาสะหอมแก้มทีนึงแล้วแรดไปหาเหยื่อต่อ
และจากนั้นผมก็เห็นอะไรไม่ชัดเจนนัก เพราะมีคนเอาดินสอพองมาละเลงกระจกรถจนเลอะไปหมด
โห อะไรมันจะบู๊ล้างผลาญกันขนาดนั้น
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้อีกสักกี่สิบปี มันจะพัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบกันไปถึงไหน สำหรับเทศกาลสาดน้ำที่เห็นแล้วแทบอุทาน สาดเอ้ย !!
เชื่อว่าเด็กๆ หลายคนคงทำหน้าสงสัยแบบน่ารักๆ “พี่ไน๊ท์.... มะเหงเกี่ยวกะสาดน้ำตรงไหนเลย”
ผมก็คงกระโดดถีบกลับไปด้วยความน่ารักๆ เช่นกัน
สาดน้ำมันก็เป็นแค่กิจกรรมหนึ่งในสงกรานต์ไง เช่นเดียวกับการทำบุญ ตักบาตร ปล่อยนกปล่อยปลา สรงน้ำพระ รดน้ำผู้ใหญ่ เล่นก่อเจดีย์ทราย
แต่เผอิญการเล่นน้ำ มันน่าเล่นที่สุด
เพราะมันสามารถแตกแขนงเป็นกิจกรรมอื่น ๆ แสนปายับปายี้ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระเบิดน้ำแข็ง ประแป้ง จับนมแฟนชาวบ้าน รีมิกซ์เพลง จับกลุ่มเต้นท่าเปรตขอส่วนบุญ ฯลฯ
จากประสบการณ์เล่นสงกรานต์ทุกปี ผมจะบอกว่ามันอนาถขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ ก็คงไม่ผิดนัก เมื่อก่อนมันไม่ปาทังก้าวาไรตี้ขนาดนี้นี่หว่า
ตอนเด็กผมมีแค่ปืนฉีดน้ำรูปโดนัลด์ดั๊ก 1 กระบอก และขันน้ำพลาสติกเดนตาย 1 อัน และการสาดน้ำแต่ละครั้งของผมก็ไม่เคยเกิน 450 มิลลิกรัม แรงเหวี่ยงของน้ำก็ไม่ถึง 40 ก.ม/ช.ม
เพื่อน ๆ ที่เล่นด้วยกันทุกคนในหมู่บ้านก็เป็นอย่างนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองมายืนมองหน้าบ้านท่านก็อดอมยิ้มกับกิจกรรมแสนซนแบบนี้ไม่ได้ บางท่านยังมาร่วมวงฉีดน้ำด้วยกันเลย
แล้วผมเองก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ มันเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
สมัยนี้พอพ่อแม่ได้ยินว่าลูกจะออกไปเล่นสงกรานต์ หัวใจแทบสลาย ความรู้สึกเหมือนกับว่าลูกจะออกไปตรวจกับระเบิดชายแดนฝั่งลาว โอกาสรอดชีวิตกลับมาครบองค์ คงมีต่ำพอ ๆ กับไปว่ายน้ำเล่นในบ่อจระเข้
ถ้าผมมีลูก ผมก็คงเป็นห่วงเขาเหมือนกันล่ะครับ กลัวออกไปแล้วจะโดนใครจกกินเป็นอาหาร หรือกลัวว่าแก้วหูจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เพราะทนเสียงนวัตกรรมเครื่องยนต์มอไซด์ของพวกนักซิ่งสมองควายไม่ไหว
ยิ่งนานเข้า สงกรานต์มันก็เหมือนจะยิ่งห่างไกลการสาดน้ำมากไปทุกที
ผมหมายถึงความรู้สึกของการสาดน้ำใส่กันยิ่งไม่ค่อยมีให้กันทุกที หม่อมแม่เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนการสาดน้ำหมายถึงสาดความสุขใส่กันครับ ในอากาศที่ร้อน ๆ นี้ ความเย็นจากน้ำก็คือความสุขดี ๆ นี่เอง
จริง ๆ มันเป็นความหมายที่คิดได้ไม่ยากเลยนะ เออ เพราะเราร้อนไง การให้ความเย็นก็คือการให้ความสุข
หรือคิดแต่ว่า ถึงเวลาเราก็มาสาดกันให้เปียกโชกเท่านั้น
เหมือนมาตรฐานความสุขของคนไทยกำลังเปลี่ยนไป น่าเครียดแล้วนะครับอย่างนี้ ว่าขอเพียงสนุกสะใจ ใครจะรู้สึกยังไงตูไม่สน
สารภาพว่าตอนที่ผมออกไปข้างนอก มีทั้งความสนุกและความกลัวปะปนกัน
จำได้ว่าปีที่แล้ว มีวันนึงที่ผมไม่ได้เล่นสงกรานต์ เพราะต้องนั่งรถออกไปเป็นเพื่อนซื้อของกับแม่ที่ห้างใกล้ ๆ บ้าน
ระยะทางจากห้างกลับบ้าน เป็นระยะทาง 700 เมตร โดยประมาณ
ผมเห็นคนนั่งกินเหล้าข้างทาง แถมยังมอมคนที่เล่นสงกรานต์ผ่านไปมา
ผมเห็นจิ๊กโก๋รุมชกต่อยกัน สาเหตุผมไม่รู้ว่าเพราะอะไร
ผมเห็นลุงกะป้าแก่ ๆ เอาดินสอพองไปป้ายคนซ้อนมอไซด์ ทั้ง ๆ ที่เขาบอกปัดว่าไม่
ผมเห็นเด็กอายุประมาณ ม. ต้น คู่หนึ่ง ยืนดูดยืนล้วงกันอย่างไม่อายใคร
ผมเห็นกระเทยควายใส่ชุดว่ายน้ำทูพีช กระโดดขึ้นไปเต้นบนโต๊ะ
ผมเห็นสาว ๆ กลุ่มหนึ่งแต่งตัวโป๊แนบเนื้อ ไปรุมโปะแป้งผู้ชายที่เดินผ่านไปมา ก่อนถือวิสาสะหอมแก้มทีนึงแล้วแรดไปหาเหยื่อต่อ
และจากนั้นผมก็เห็นอะไรไม่ชัดเจนนัก เพราะมีคนเอาดินสอพองมาละเลงกระจกรถจนเลอะไปหมด
โห อะไรมันจะบู๊ล้างผลาญกันขนาดนั้น
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้อีกสักกี่สิบปี มันจะพัฒนาและเปลี่ยนรูปแบบกันไปถึงไหน สำหรับเทศกาลสาดน้ำที่เห็นแล้วแทบอุทาน สาดเอ้ย !!
ถ้าจะขนาดนี้
ผมเลือกนั่งเล่นแรค กินไอศกรีมอยู่บ้านดีกว่ามั้ง......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น