วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน เกมปกอ่อน


(ต้นฉบับปี 2556)

หมายเหตุ.... คอลัมน์ตอนนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดักแก่ตัวเอง แต่ถ้าใครที่ยังวัยรุ่นอยู่ อยากจะอ่านเพื่อศึกษาความแก่ของคนในครอบครัว ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี

ข้อควรระวัง ห้ามเอาความแก่มาล้อเด็ดขาด เพราะมันเจ็บมาก 


มา... มาเข้าเรื่องกันเลยนะหลาน


จะว่าไปยุคนี้มันเป็นยุคของการทัชสไลด์ ปรื้ด ปรื้ด กันหมดแล้ว ย้อนกลับไปอีกหน่อยก็เป็นยุคของเกมคอมพิวเตอร์ครองเมือง อ่ะ ย้อนกลับไปอีก ก่อนหน้านั้นก็เป็นยุคของเพลย์สเตชั่น เกมอาเขต เครื่องซุปเปอร์


นี่คิดดูเอานะ ขนาดย้อนกลับไปตั้ง 3 ยุค แม่งยังดูไฮเทคอยู่เลยอ่ะ!!! แน่นอนเลยว่า สิ่งที่ผมกำลังจะเขียนถึงต่อไปนี้ อาจทำให้เด็กดิจิตอลหลายคนถึงกับเอามือทาบอกแล้วอุทานว่า


“โอ้ว คุณพระ เมืองพุทธเราเคยมีแบบนี้ด้วยหรือ....” แน่แท้ทีเดียว



ผมเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า “เกมปกอ่อน”




ซึ่งมาจาก เกม+สมุดปกอ่อน สมุดปกอ่อนคืออะไร มันก็คือสมุดเลกเชอร์นั่นแหละครับ แต่ปกมันไม่แข็ง ปกมันจะเป็นกระดาษสีธรรมดา เล่มละ 5 บาท มี 20 หน้า ถ้า 8 บาทมี 40 หน้า


ดูเหมือน 8 บาทจะคุ้มกว่าใช่มั้ย แต่เอาจริงๆ เกมปกอ่อนนี่มันมีอาถรรพ์นะครับ ซื้อเล่มหนามาก็เท่านั้นแหละ เพราะเขียนจริงๆ ไม่ถึง 16 หน้า ไม่รู้ทำไม นี่คือขยันสุดๆ แล้วนะ ที่เหลือก็เอาไว้ฉีกมาเป็นกระดาษทด หรือสอบเก็บคะแนนอะไรก็ว่ากันไป




เกมปกอ่อนคืออะไร มันก็คือเกมที่อยู่ในสมุดปกอ่อนไงฟาย.... 


แปลได้น่าถีบยอดหน้ามาก เอาง่ายๆ มันคือเกมที่เราเขียนเองในสมุด โดยมีแรงบันดาลใจมาจากเกมคอมพิวเตอร์น่ะแหละ คิดซะว่ากระดาษนี่คือหน้าจอ จุดมุ่งหมายหลักๆ คือ เอามาเล่นกันหลังสอบ!!! 


เด็กเรียนไม่เข้าใจหรอก ว่าการผ่อนคลายก่อนเข้าห้องสอบมันสำคัญแค่ไหน สำหรับเกรียนไม่มีอะไรมันส์ไปกว่าการมั่วข้อสอบอีกแล้ว



ซึ่งผมว่ามันเป็นอะไรที่คลาสสิกมากๆ ในยุคที่เราไม่ได้พกไอพอด หรือเครื่องเกมพกพา แต่ใจพวกลุงๆ น่ะมันโหยหาโคตรๆ ตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว เราก็เลยต้องดิ้นรนกันเอง


ทางออกก็คือผลิตมันขึ้นมาเองซะเลย โดยอาศัยภาพจำ....... จำมาเลย เราเคยเห็นหน้าจอเป็นยังไง เราเขียนมันออกมา วาดมันออกมา คือทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างก่อน ส่วนจะเล่นยังไง อันนี้เดี๋ยวมาดิ้นรนกันต่ออีกเรื่องนึง



รูปแบบเกมปกอ่อนมันจะเป็นแบบนี้ครับ ได้อารมณ์สัสๆ เหมือนเปิดเครื่องเกมเล่นเองเลย เปิดหน้าแรกมันจะเป็นชื่อเกมก่อนครับ เขียนใหญ่ๆ อลังๆ ภาษาญี่ปุ่น!!!! แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ มั่ว!!! บางคนเขียนมีมังกรเลื้อยผ่านด้วย แปลเป็นไทยก็แถได้ว่าหมัดมังกร นักรบมังกร อะไรประมาณนั้น




หน้าต่อไปเป็นอะไร มันก็ต้องเข้าสู่เกมสิครับพี่น้อง หน้านี้ก็อลังการไม่แพ้กัน เพราะเป็นการเขียนให้เลือกตัวละคร ซึ่งเราจะได้เห็นญาติโงกุนเต็มไปหมด คือดูหน้าก็รู้เลยว่าญาติกันแน่ๆ


ต้องเข้าใจก่อนนะ ว่ายุคที่ลุงผ่านมานั้น ลายเส้นดราก้อนบอลมันครองโลก ใครเขียนไม่เป็นมีปมแต่เด็กแน่ๆ ซึ่งตัวละครที่เลือกก็จะมีท่าไม้ตายบอกชัดเจน ว่าปล่อยท่าอะไรได้บ้าง ท่าบังคับคือคลื่นเต่า ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละวะ นอกนั้นก็มั่วไปเรื่อย ตัวละ 4-5 ท่า  บางคนก็เขียนละเอียดว่า ท่านี้สร้างความเสียหายเท่าไหร่ ใช้ sp เท่าไหร่ บางคนบอกด้วยว่าต้องกดยังไง.......



ตอนนั้นสงสัยมาก เพื่อ!! จะกดยังไงวะ มีแต่กระดาษ ปรากฏว่าผู้ผลิตเกมเขาทำได้ มันให้เราทำมือเหมือนกำลังถือจอยเกม แล้วก็มโนภาพว่ากำลังกดท่าอยู่ มันจะดูนิ้วเราเว้ย ว่ากดถูกมั้ย ถ้ากดถูกมันก็จะปล่อยท่าให้ โอ้ว โคตรสมจริงเลยแสส!!! คารวะสิบจอก คิดได้ไง




ถัดมาหน้าต่อไปก็แน่นอน เขียนฉาก..... ฉากหากินก็ป่าไม้ใบหญ้า ภูเขา ทะเล น้ำตก อารมณ์ประมาณท่องเที่ยวไทยซะส่วนใหญ่ ลูกกระจ็อก บอสกลาง บอสใหญ่ อันนี้แล้วแต่ความขยัน บางคนขยันมาก เขียนเป็นสิบฉาก แต่พอเล่นจริงคนเล่นเบื่อตั้งแต่ฉากแรก 



ไอ้ฉากนี่เขียนอลังการไว้เหมือนจะดีนะครับ แต่พอเล่นไปสักพักนี่ก็จำฉากกันไม่ได้แล้ว เส้นดินสอปากกาวื่นวือไปหมด บางคนอินเนอร์แรง ยิงแสงกระดาษขาดเลยก็มี ยิงฉากที่ 2 ไอ้ฉาก 3 ดันอยู่กระดาษอีกด้านนึงพอดี แม่งทะลุมาฉาก 3 เลย


ซึ่งเราสามารถมั่วได้ว่า มันเป็นสูตรลับข้ามฉาก สามารถลัดไปฉากที่ 4 ได้เลย ซึ่งถึงแม้จะดูมั่วได้อย่างน่ามอบโล่ แต่ก็ไม่ควรใช้บ่อย เพราะเจ้าของเกมอาจน้อยใจ ไม่ให้ลอกการบ้านวันหลังได้



มาถึงวิธีการเล่นกันบ้าง นี่แหละคือจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ มันจะเล่นยังไงให้สนุกวะ เราจะต่อสู้กันยังไงในหน้ากระดาษให้มันได้อารมณ์เหมือนถือจอยบังคับเอง ซึ่งทางเลือกมันก็มีอยู่ดังนี้



เป่ายิงฉุบ..... อันนี้โคตรเบสิก ผู้เล่นเลือกท่าไม้ตายมาท่านึง แล้วก็มาเป่ายิงฉุบกัน ถ้าเป่าชนะท่าไม้ตายก็ตีโดน ถ้าแพ้ก็ Miss ไป ถ้าเป็นไม้ตายสุดยอดก็เป่าหลายครั้งหน่อย เอาให้เหนื่อย


แล้วลองนึกภาพพวกตัวละครที่ HP เสร่อมาเยอะๆ นะ เป่าจนเบื่ออ่ะ ถึงกับต้องนั่งถามตัวเองเลยว่า กุกำลังทำอะไรอยู่วะเนี่ย มันได้อารมณ์เป่ายิงฉุบมากกว่าเล่นเกมนะนั่นน่ะ



ยิงด้วยปากกา..... วิธีนี้ผมอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นต้นคิด!!! คิดได้ไงวะ!!! แทบจะคารวะล้านจอก เอาปากกาปักที่กระดาษ แล้วก็เอามือผลักปากกาออกไปเว้ย มันจะเหมือนยิงแสงอ่ะ นี่แหละเป็นนวัตกรรมที่ใกล้เคียงกับการใช้จอยโยกที่สุด แรกๆ มันจะตื่นตาตื่นใจมาก เหมือนปล่อยพลังได้จริงๆ


แต่พอผ่านไปสักพักแสงแม่งเต็มกระดาษละ สกปรกชิบหาย ยังสู้กันไม่รู้ผลอีก อันนี้แนะนำให้ใช้สูตรลับข้ามฉากในตำนานนะครับ ยิงแสงให้ทะลุกระดาษ แล้วตัดจบฉากนั้นไปเลย จบฉาก 1 เจอกันอีกทีฉากที่ 5 กระดาษขาดไป 3 แผ่น ยังไงการใช้กำลังยังเป็นทางออกที่ดีเสมอ



ยิงด้วยที่กดปากกา..... อ่า วิธีนี้ไม่เลอะเทอะ แต่ก็ต้องใช้ทรัพย์สินกันหน่อย ต้องใช้เหรียญบาทเป็นตัวโจมตี ยิงแบบที่กดปากกานี่ จะออกไปทางจอยชู๊ตติ้งนะครัส ยิงแม่นโดนศัตรูก็ลด HP กันไป


ถ้ามีพาวเวอร์อัพ จากเหรียญบาทก็จะกลายเป็นเหรียญห้า ร่างสุดยอดจะกลายเป็นเหรียญสิบ ซึ่งร่างสุดยอดมักจะมีอาถรรพ์เสมอ มันจะชอบหลุดเฟรมพุ่งลงท่อตลอด สิบบาทแลกกับการปราบบอสใหญ่ ทำไมมันออกไปทางเสียใจมากกว่าดีใจก็ไม่รู้นะ ฆ่าบอสได้แท้ๆ



ผมว่าเกมปกอ่อนมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับวาดรูปเล่นเท่าไหร่หรอกครับ แต่มันมีจินตนาการ มันไม่ใช่ต่างคนต่างเขียน เราเอามาแชร์กันมากกว่าเอามาบลัฟกัน


เกมปกอ่อนมันอาภัพอย่างครับ คือคนผลิตเสือกเยอะกว่าคนเล่น บางคนเขียนแม่ง 2 เล่มเลยก็มี เล่มนึงเอาไว้เล่น อีกเล่มเก็บไว้ดู พอคนเขียนเยอะกว่า มันก็เลยต้องอยู่รอดด้วยการถ้อยทีถ้อยอาศัย กุเล่นเกมมึง เสร็จแล้วมึงต้องมาเล่นของกุบ้างนะ มิตรภาพก็เลยบังเกิด ส่วนใหญ่จะกดดันให้เพื่อนต้องเล่นของเราก่อน เพื่อนแท้ไม่แท้ก็ดูกันตรงนี้แหละ



สุดท้ายไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ในรูปแบบใด ขอให้เป็นเกม เกมจะสร้างมิตรภาพให้กับเราได้เสมอ มันช่างคลาสสิคอะไรอย่างนี้......



3 ความคิดเห็น:

  1. ผมเล่นแต่เกมยิงฐานครับ แบบมีฐานอยู่คนละฝั่งกระดาษ
    แต่ละคนปล่อยยานออกจากฐายไปสกัดได้จำนวนจำกัด
    วิธีการยิงยาน,ยิงพลัง คือการไถปากกาไปกับกระดาษ

    โอ! แก่เบย

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. โอ้ว ดีจาย นานๆ จะมีคนเม้นท์ที 5555

      ลบ
  2. ลูกผู้ชายมันต้องเล่นกลางแจ้งเส้ เล่นกระดาษในร่ม ไม่ใช่แนว 555

    ตอบลบ