วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน พบปะกันหน้าเตา (ตอนแรก)


(ต้นฉบับปี 2556)


มิตรสหายท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า “ใครก็ตามที่มีชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์ มันผู้นั้นต้องรู้จักการมีทติ้ง”



ซึ่งเป็นความจริงครับ และผมก็ซาบซึ้งกับประโยคนี้ซะเหลือเกิน ซาบซึ้งจนอยากจะพามิตรสหายท่านหนึ่งคนนั้นไปมีทติ้งสักที



แต่เกรงว่าท่านจะรักษาคอนเส็ปตัวเอง หากพาไปมีทติ้ง เราก็จะรู้จักกัน เราก็จะรู้ว่าเค้าเป็นใคร ทีนี้จะเรียกว่ามิตรสหายท่านหนึ่งก็ไมได้แล้ว เราอาจจะต้องเรียกเค้าว่าสุรเดช งั้นก็ข้ามไปดีกว่า



ไม่ต้องสงสัยนะว่าทำไมต้องสุรเดช แมวพิมพ์




แล้วการมีทติ้งคืออะไร??? 



ทำเป็นจะสอนไปงั้นๆ แหละ ผมว่าคนอ่านก็รู้กันหมดแล้ว โอเค งั้นแกล้งทำเป็นไม่รู้ มันคืออะไร??........ 



แปลให้เข้าใจง่ายๆ มันคือการนัดมาเห็นหน้ากันในโลกความจริง!!! คือถ้าเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว รู้จักกันอยู่แล้ว เราเรียกว่านัดเที่ยวปกติ ไม่มีใครไปเที่ยวกับเพื่อนที่มหาลัยแล้วเรียกว่ามีทติ้งแน่ๆ



แต่ถ้ามิตรภาพนี้ก่อกำเนิดขึ้นในโลกออนไลน์ล่ะก็ เราจะเรียกว่ามีทติ้ง เพราะ...... เราจะเรียกมันว่ามีทติ้ง อืม ไม่งงนะ ไม่งง แมวพิมพ์อีกแล้ว




จะว่าไป การมีตติ้ง ยิ่งเป็นครั้งแรกนี่อารมณ์จะตื่นเต้นมาก เพราะมันคือการออกมาจากหน้าจอเหลี่ยมๆ มาเห็นหนังหน้ากันครั้งแรก ว่าไอ้ที่มันเดินตามแจมตูดทุกๆ วันเนี่ย หน้าตามันเป็นยังไง  ไอ้คนที่มันใจดีดีลโน่นดีลนี่ให้ทุกวันๆ เนี่ย ตัวจริงมันพ่อพระขนาดนี้หรือเปล่า




ยิ่งค่ำคืนก่อนจะมีทติ้งนี่ยิ่งตื่นเต้นเลย มันจะมีสตอรี่ หรือเรียกง่ายๆ ว่า มันจะมีเกริ่น คืนนั้นจะเป็นคืนเกริ่นนำ ว่าพรุ่งนี้จะพวกคุณจะต้องเจออะไรบ้าง อารมณ์เหมือนดูทีเซอร์หนังเรื่องนึง แต่ยังไม่เห็นหน้าคนแสดง 



หลักๆ ในการเกริ่นที่เจอบ่อยๆ เลยก็คือ เพื่อลดความตื่นเต้นลงบ้าง บางคนที่เกร็งเกินไป มันก็จะเอารูปมาให้ดูก่อน เพื่อลดความคาดหวังและกดดันให้ตัวเอง  แต่ถ้าใครเสร่อเอารูปมาโพสให้ดูก่อนว่าหน้าฉันเป็นแบบนี้นะ  จำไว้นะ  ให้ลืมไปได้เลย  เพราะนั่นอาจจะเป็นรูปที่ดูดีที่สุดในชีวิตมัน หรือเรียกว่ารูปหากินนั่นเอง



ยิ่งเป็นผู้หญิงนี่ต้องหารสิบ อาจเป็นรูปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว สมัยยังไม่กินหมีควายท้องแก่แม่ลูกอ่อนเข้าไป




อีกประเภท บางคนจะเห็นหน้ากันพรุ่งนี้ คือยังไงก็ต้องเห็นอยู่แล้ว ก็ยังอุตส่าห์ทำตัวลึกลับซะเหลือเกิน เอารูปมาโพสเหมือนกัน แต่โพสรูปปิดหน้าปิดตา หันหลบมุม ลงทุนตัดหน้ากากกระดาษมาใส่ หรือถ่ายซูมให้เห็นแค่ติ่งหู ทำให้ตัวเองเหมือนตัวละครลับที่ต้องกดสูตร เพิ่มความน่าสนใจ ได้แค่คืนเดียวก็เอา



บางคนก็ออกไปทางยิงเจตนารมณ์ ประกาศกร้าวเลยว่าจะถ่ายรูปคนนี้ๆ ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นตายอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะแพคคู่มากะไอ้คนก่อนหน้านั้นแหละ เข้ากันดีเหลือเกิน คนนึงลึกลับ อีกคนจะแฉ 



บางคนก็ประกาว่าจะไปขอลายเซ็นพี่คนนี้ให้ได้ แบบว่าตามผลงานมานานแล้ว ไอ้พี่คนนั้นมันก็งงนะ เฮ้ยเรามีผลงานอะไรให้ติดตามวะ วันๆ ก็เดินตีมอนส์ ขายของดองเค็มไปเรื่อย มันเอาอะไรมากรี๊ดกูวะเนี่ย อืม เอ่อ อ่า เอ่อ แต่ถ้าอยากได้ก็เอาวะ จะสนองให้แบบงงๆ ละกัน





บางคนมันก็เกร็งครับ กลัวทำตัวไม่ถูก ประเภทนี้มีเยอะเหมือนกัน พวกไม่รู้จะไปอยู่กับใคร ก็เลยหิ้วเพื่อนไปด้วยคนนึง ให้มันไปงงเล่นๆ ว่าที่นี่ที่ไหน แล้วไอ้พวกนี้เป็นใคร แล้วตบท้ายด้วยคำถามที่ว่า ทำไมชั้นต้องมาเป็นคู่เกย์กับแกด้วย ก็ให้อุ่นใจกันไป 



แต่เอาจริงๆ ก็แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้  ก็อย่าเลยครับ  คนนอกจะเพิ่มขึ้นเปล่าๆ เรามาที่นี่เพื่อมิตรภาพใหม่เอี่ยมแกะกล่อง เปิดใจรับอะไรใหม่ๆ ดีกว่ามาอยู่กับน้ำพริกถ้วยเก่านะ (เอ๊ะ ยังไงวะ ใช้คำแปลกๆ)




มะ มาถึงเลือกชุด..... นี่ก็เรื่องสำคัญ คือเรื่องชุดนี่ จะมีคนอยู่แค่ 2 ประเภทนะครับ คือจริงจังระดับชาติ กับไม่จริงจังอะไรเลย



พวกกลางๆ มีมั้ย ก็น่าจะมีแหละ แต่ผมดูไม่ออกเลยว่ะ คือพวกจริงจังระดับชาตินี่ดูออกตั้งแต่แรกเห็นเลยครับ จัดเต็มมาเลยตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อผ้าหน้าผมบ่งบอกความเป็นตัวเองสุดๆ ถ้าแนวก็โคตรแนวเลย ล่ามโซ่เป้ายาน แว่นดำ ทรงผมใส่เจลใส่แว๊กซ์แหลมเปี๊ยบ แข็งป๊าก เรียกว่าแข็งแบบแทงคนตายได้เลย 



ถ้าทรงเนี๊ยบนี่จัดซะหล่อเวอร์ แขนยาว กางเกงสุดหรู หูรูดทองคำ ยังกะพ่อคุณทูนหัวอาศัยอยู่ในวังจุฑาเทพ 



ส่วนพวกไม่จริงจังอะไรเลย นี่ก็จะมาแบบไม่ใส่ใจรูปลักษณ์ภายนอกเลยแม้แต่นิดเดียว เคยใส่ยังไงหน้าคอมพ์ ก็ใส่ยังงั้นแหละออกมาจากบ้าน เป็นตัวของตัวเองและขี้เกียจในสไตล์เดียว การมีทติ้งไม่ได้มีความพิเศษอะไรสำหรับพวกเขาเลย เหมือนไปตามคำสั่งหัวหน้ากิลด์


จะซีเรียสแค่อย่างเดียวเท่านั้นครับ คืออย่าลืมกระเป๋าตังค์ เท่านั้นจริงๆ



ว่ากันต่อด้วยเรื่องสถานที่ จากที่ผ่านประสบการณ์มา 90% ของกลุ่มมีทติ้งไทยแลนด์แห่งชาติ มักมาตายรังที่หมูกระทะหัวละ 89 หมด อีก 10% ที่เหลือไม่รู้ 



โดยเฉพาะการมีทครั้งแรกมักมาจบปาหมอนแบบนี้เสมอ แต่เชื่อมั้ย ตอนคุยกันก่อนหน้านั้นน่ะ ไม่มีใครอยากมากินสักคน ถ้าไม่ใช่เมื่อ 8 ปีที่แล้วนะ สมัยที่หมูกระทะเกาหลียังบูมใหม่ๆ ตอนนั้นทั้งเด็กยันรุ่นพ่อแม่เราพร้อมใจกันไปโดยไม่เถียงกัน



แต่พอมายุคนี้ ทางเลือกมันเยอะขึ้นไง การนัดหมายจะออกมาทรงนี้ครับ...... มาเป็นแบบโครงการ 1 คน 1 ร้าน สมมติในกลุ่มมีทมี 10 คน!!! ก็เสนอมา 10 ร้าน!!! แล้วไอ้ที่เสนอมานี่ก็คัดสรรมาแต่ใกล้บ้านตัวเองทั้งนั้น



แล้วในกลุ่มมีทติ้งไม่รู้ทำไม มันต้องมีสักคน 2 คนที่บ้านอยู่ไกลมหาศาลกว่าชาวบ้านชาวช่อง หรือถ้าไม่ไกลเวอร์ มันก็จะต้องมีกฎเหล็กว่าพ่อแม่ไม่ให้กลับดึก!!! เป็นครอบครัวดีมีกฎระเบียบขึ้นมาทันที อืมนะ ลูกห้ามกลับบ้านดึก แต่เล่นเกมยันเช้าได้ อัลไล



แล้วไอ้ 10 ร้านนี่นะ เรียกว่าไม่ซ้ำกันเลย ราเม็ง ชาบู ซูชิ พิซซ่า สเต็ก ไก่ทอด ลาบเป็ด เห็ดย่าง บ่างชุบแป้งโกกิ ฯลฯ แล้วสุดท้ายมันก็จะตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายก็เลยตัดปัญหาด้วยการกินหมูกระทะ......... จบ




จบครับ จบแบบเบื่อๆ คล้ายๆ เห็นโกโบริตายในจอครั้งที่ 20 



อืม... เอาก็เอาวะ เราไม่ได้เน้นรสชาติ เราเน้นพบปะสังสรรค์ อย่างน้อยๆ เราคิดในแง่ดีที่สุด มันก็เหมือนเอาทุกร้านที่เสนอมามารวมอยู่ในร้านเดียวล่ะวะ เพราะบางร้านมันครบเครื่องจริงๆ ครับ มีหมดทุกอย่าง!!! ตั้งแต่ก้อนเกลือยันเนื้อทีเร็กซ์ คือเน้นให้มีครบอย่างเดียวเท่านั้น ไม่เน้นรสชาติ



ซูชินี่ปูอัดเป็นริ้วมาเลย สเต็กนี่ สาบานว่ากินเนื้อเหมือนกินสกอตไบร์ทตากแดด แห้งมาก เหมือนหมักพร้อมกันทีเดียวร้อยชิ้น จืดโคตร ประโยชน์เป็นรูปธรรมมีแค่อย่างเดียว คือเอาไว้ถ่ายรูป เพราะมันดูเยอะ ใส่ลูกเล่นแอฟซะหน่อยก็แจ่มแล้ว โอ้โห ใครจะเชื่อ เนื้อแห้งๆ เติมวิ้งๆ ปิ้งๆ ดูดีขึ้นมาทันที ซูชิเศษปลาน่ากิ๊น น่ากิน 


เอาเถอะ เผื่อเก็บไว้ดูปลงสังขารในช่วงบั้นปลายชีวิต ว่าอย่าไปยึดติดกับคำว่าบุฟเฟ่ราคาถูก



จะว่าไป แพล่มมาถึงตอนนี้ การมีทหน้าเตายังไม่เริ่มขึ้นเลย สงสัยจะยาว ต้องไปต่อฉบับหน้าแล้วล่ะ บ่องตง......





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น