วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ เรื่องสั้น หวานมันฉันคือเธอ ตอนที่ 3


ความเดิมตอนที่แล้ว

ในที่สุดมนัสในร่างส้มปี๊ดก็จำต้องเข้าไปอยู่ในบ้านของเจ้าของร่าง แม้จะอึดอัดแต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่นี้จริงๆ ส่วนส้มปี๊ดก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ที่ร้านลุง ทั้งคู่จะทำใจให้ผ่านคืนนี้ไปได้หรือไม่ 

ไอ้คิดถึงกันน่ะไม่มีแน่ๆ อยู่แล้ว แล้วเหตุการณ์วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไร จะมีใครจับได้หรือไม่ ให้เดาก็ไม่ถูกหรอก ไปตามต่อกันเลยเหอะ















หวานมัน ฉันคือเธอ ตอนที่ 3



มนัสคิดในใจก่อนจะผลอยหลับไป เขาอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นแค่ความฝันจริงๆ


“ไม่ ไม่จริง... ชั้นต้องฝันไปแน่ๆ” 

 ในขณะเดียวกัน ส้มปี๊ดหยิกแก้มตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย สมาชิกเกรียนทุกคนยืนงง บรรยากาศมาคุเกิดขึ้น ไม่มีใครกล้าเล่นเกม บางคนก็พยายามเอาไม้เขี่ย

“เอ่อ ตั้งแต่ตื่นเนี่ย ท่านวิสาจดูแปลกๆ ไปนะ ว่ามั้ย แรคก็ไม่เห็นแตะเลย” พระโหดฯ เกาหัว

“เหมือนไม่ใช่ท่านวิสาจ....”

ผลั้ววว!!!

“ไม่ใช่!! ไม่ใช่แล้วนี่ใคร ออแลนโด้ บลูม เหรอ ก็เห็นๆ อยู่ว่าท่านวิสาจ ไอ้บ้า” พรีสน่ารักตบหัวไปทีนึง “เออ ว่ะ”



สาวน้อยหงุดหงิดมาก... ถึงมากที่สุด เธอตะบี้ตะบันหยิกแก้มไอ้มนัสจนเนื้อจะฉีกหมดแล้ว

“เอ่อ ท่านวิสาจครับ” เสียงเกรียนกรุ๊ปคนหนึ่งเรียก ส้มปี๊ดหันขวับ ตาดุมาก เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว สมาชิกเกรียนสะดุ้งโหยงกันทั้งกลุ่ม

“เอ่อ ม... ไม่เล่นแรคเหรอครับ”



“ก็ไม่อยากเล่น!! มีไรมั้ย!!” 

ส้มปี๊ดเสียงแป๋นด้วยความโมโห สมาชิกเกรียนทำหน้าเหมือนเจอผี

“พวกแกอยากเล่นก็เล่นไปซี่!! มองหาอะไรเล่า!!”

“อ... เอ่อ”

“ยังอีก!! เดี๋ยวแม่ทืบเรียงตัวเลยนี่!!!”

“ง... งับ” 

 สมาชิกเกรียนมือไม้สั่นเครือ เวลานี้พวกเขากลัวยิ่งกว่าเจอผีอีก เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าแก๊งค์พวกเราวะเนี่ย

ทุกคนคิดพร้อมกับวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปหาเครื่องคอมพ์.... บางคนก็วิ่งชนกันเอง









“ส้ม... ลูกส้ม” 

 เสียงที่อบอุ่นพูดซ้ำๆ หลายครั้ง มนัสที่สะลึมสะลือค่อยๆ รู้สึกตัว ภาพที่เห็น... คุณพ่อของส้มปี๊ดกำลังจับติ่งหูของเขาอยู่ ไม่รู้จับทำไม

“โดนเพื่อนแกล้งเหรอลูก....” 

 มนัสอึ้ง ตาพลันสว่าง เขาไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่พยักหน้านิดๆ

“ไม่สบายรึเปล่า หือ.. ปกติลูกไม่นอนเร็วแบบนี้”

จังหวะนั้นแม่ส้มปี๊ดก็ถือจานสตอเบอรี่เข้ามาพอดี

“ไม่สบายเหรอนังส้ม!! นี่เลย กินสตอเบอรี่เพิ่มพลังนะลูก” 

แม่ส้มปี๊ดรีบเข้ามาป้อนผลไม้เร็วจี๋ เล่นเอามนัสตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็เคี้ยวกลืนไปจนได้

“อร่อยมั้ยลูก”  มนัสฝืนพยักหน้า รู้สึกปะแล่มๆ แฮะ



“เห็นมั้ยพ่อ... บอกแล้วว่ายังไม่เสีย กินได้”

พรู๊สสส!!! (เสียงมนัสพ่น เต็มหน้าพ่อเลย)

“เฮ้ย แม่!! ที่นี่ที่ไหน ช้างกูอยู่ไหน!!” (ผลั้ว!!) 

แม่เห็นพ่อโวยวายเกินเหตุ จึงตบกกหูเรียกสติทีนึง

“ล้อเล่น! ไม่เสียหรอก” แม่ส้มปี๊ดลุก

“นี่... ไปได้แล้วพ่อ ไม่เห็นเหรอว่าลูกมันเพลีย ให้นังส้มมันพักผ่อนเถอะ”

พ่อเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะลุกตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะหอมแก้มลูกสาวสุดที่รักก่อนออกจากห้องไป

ประตูห้องถูกปิดลง มนัสรู้สึกแปลกประหลาดบอกไม่ถูก กับความรู้สึกอบอุ่นเมื่อกี้

พ่อ... แม่ ครอบครัว งั้นเหรอ? เขาตัดขาดกับความรู้สึกนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ






ภาพในอดีตขาวดำผุดขึ้นมา (เมื่อ 1 ปีที่แล้ว) เหตุเกิดหน้าบ้านตระกูล “กัดเคลือบพิษ”






“พระเจ้าจอร์ช ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้”

ด.ช มนัส ตัดสินใจสะบัดผ้าคลุมสีดำ ติดเข็มกลัดโพริ่ง หันหลังให้กับอนาคตอันรุ่งโรจน์ และยาวไกลที่พ่อแม่วางไว้ให้เขา

“ในที่สุด ผมก็ค้นพบทางเดินของตัวเองแล้ว....”

“ลูก... ลูกจะไปไหน” 

หม่อมแม่ร่ำไห้โอเวอร์ที่สุดในโลก เมื่อได้ยินลูกชายประกาศจะหนีออกจากบ้าน

“สายลมเรียกร้อง สวรรค์กำหนด ให้ผมไปปราบมอนสเตอร์ ในจอคอมพ์” 

สายตาเด็กเกรียนมุ่งมั่น เท่ห์มาก “ทุกอย่าง.... มันเป็นชะตากรำ”

“แกบ้าไปแล้ว ไอ้มนัส พรุ่งนี้พ่อจะพาแกไปบำบัด”

มนัสกำหมัดที่อก “ผม... ไม่ได้บ้า มันเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชาย”

“ไอ้บ้า!!! หน้าที่ของแกคือเรียนหนังสือว้อยย!!!”



“ลาก่อนทุกคน.... สิ้นสุดการต่อสู้เมื่อไหร่ ผมจะกลับมา” 

มนัสหันหลังสะบัดผ้าคลุมอีกครั้ง การเดินทางเริ่มต้นขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มออกเดินไม่มีเหลียวหลัง ฉากข้างหน้าเป็นพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน โทนจากขาวดำกลายเป็นสีส้มแดงแสดงถึงพลังออนไลน์ที่พร้อมจะมอดไหม้

คีย์บอร์ด เม้าส์ และมอนิเตอร์กำลังรอเขาอยู่

“ม่ายยย!!! ลูกมนัส!!” 

 ภาพที่เห็น มันเท่ห์จนหม่อมแม่เป็นลมไปเลย










“เฮ้ยย!!! เบื่อว้อยย!!!”

สุดท้ายด้วยความเบื่อสุดขีด ไม่รู้จะทำอะไร ส้มปี๊ดในร่างมนัสก็ตัดสินใจเดินไปเปิดเครื่องเล่นเกมจนได้ ท่ามกลางการจับจ้องของสายตาเกรียนกรุ๊ปทั้งแก๊งค์

เธอพยายามไม่สบตา เธอรู้สึกว่าเกร็งมาก เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายรุมจ้องเยอะขนาดนี้ แถมเป็นผู้ชายหัวเกรียนเสียด้วย



“เอ่อ... ท่านวิสาจเล่น ID หญิง ด้วยเหรอครับ ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย”

ส้มปี๊ดสะดุ้งตกใจ นึกขึ้นได้ว่าเผลอเข้าไอดีตัวเอง

“เอ่อ ก็แล้วไง!! ก็แบบว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้างไงเล่า ทำไมวะ มีปัญหาอะไรมั้ย”

4 จตุรเทพยืนเง็งกันหมด ต่างพยายามนึก ท่านแอบไปเล่นตอนไหนวะเนี่ย อะไรกัน ลูกสมุนอีกคนชะโงกหน้าเข้ามาดูที่จอ

“เห ชื่อโจรเปรี้ยว...”



“เฮ้ย!!! ไอ้บ้านี่ จะจ้องชื่อทำไมเล่า เสียมารยาทนะ” 

ส้มปี๊ดลุกลี้ลุกลนเอามือนึงปิดจอใหญ่ ส่วนอีกมือก็กด log out ออกไปเลย

“ไอ้ตัวนี้ไม่ล่งเล่นมันแล้ว เล่นตัวใหม่เลยดีกว่า” 

 ได้ยินดังนี้ นักธนูจึงรีบอาสาแท๊งค์ให้หัวหน้าทันที

“แท๊งค์ให้เหรอ... เออ ก็ดีนะ” 

 ส้มปี๊ดยิ้มแหยๆ พยายามไม่พูดอะไรมาก แต่หารู้ไม่ว่าหลังร้าน....

“เฮ้ย ข้าว่าท่านวิสาจผีเข้าแน่ๆ เลยว่ะ” พรีสน่ารักพูด “ใครไล่ผีเป็นมั่งวะ”

“แกอ่ะเล่นพระ” แอสซาซินโบ้ย

“ข้าสายสู้ผีเว้ย ไม่ใช่ไล่ผี”

“เฮ้ย แล้วจะเอาไง” พระโหดฯ เกาหัว ที่เหลือเห็นก็เกาพร้อมกัน



หลังร้านฟันธงว่าท่านวิสาจโดนผีเข้าซะแล้ว พรุ่งนี้จะเกิดไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย

คืนนั้นส้มปี๊ดก็เล่นเกมทั้งคืน ส่วนมนัสน่ะเหรอ นอนหลับสบายอยู่ในห้องสีชมพูนั่นแหละ












วันรุ่งขึ้น ที่ ร.ร ศึกษาโนเนะวิทยา



“นี่... ยัยส้ม” อังโกะสะกิด “เอ้ย ไม่ใช่ โทษที นี่... นายมนัส”

“อะไร”  มนัสหันมา อังโกะเขยิบเข้ามาใกล้ๆ

“ชั้นรู้วิธีสลับร่างคืนแล้ว” 

 มนัสตาโต “เหรอ ทำไง แล้วเธอรู้ได้ไง”

“โธ่ ชั้นน่ะอ่านการ์ตูนเยอะ” อังโกะชะโงกดูอาจารย์ เห็นแกกำลังหันหลังเขียนกระดานอยู่ “นี่... แล้วมีเล่มนึง มันบอกว่า”



“ถ้าสลับร่างด้วยวิธีชนกัน ให้จับ 2 คนมาชนกันอีกครั้ง ด้วยความแรงเท่าเดิม ทีนี้ก็จะคืนร่างได้”



มนัสเสียงดัง  “เธอจะบ้าเหรอ ใครจะไปจำได้ว่าตอนนั้นวิ่งด้วยความเร็วกี่กิโลต่อชั่วโมง”



“นี่ สายน้ำผึ้ง!!! คุยอะไรกัน” อาจารย์หน้าแก่หันกลับมาตวาด

“คุยกันในห้อง แสดงว่าที่สอนนี่เข้าใจแล้วใช่มั้ย”

แต่ น.ส สายน้ำผึ้งยังนิ่ง



“เฮ้ย มนัส อ. เรียก” อังโกะสะกิด มนัสสะดุ้ง เออ เว้ย สายน้ำผึ้งก็คือเราเองนี่หว่า

“ลุกขึ้น!! ตอบคำถาม” อาจารย์ขึ้นเสียง

“กำแพงเมืองจีน อยู่ในประเทศอะไร”



“ปาย่อน!!” 

 มนัสลุกตอบอย่างฉะฉาน เสียงฮาลั่นห้องเลยทีเดียว  









“ว้อยย...!! เมื่อไหร่จะเลิกเรียนวะเนี่ย”

มนัสเดินอย่างรมณ์เสียในช่วงพักกลางวัน โดยมีอังโกะเดินกำหมัดตามอยู่ไม่ห่าง ท่าทางตกมันไม่แพ้กัน

ไอ้สมองหมาปัญญาควายแท้ไม่มีวัว ทำเพื่อนชั้นถูกหักคะแนน กำแพงเมืองจีนบ้านแกสิอยู่ปาย่อน





“เอ่อ น้องส้มปี๊ดครับ” 

 เสียงหล่อดังมาจากข้างหลัง ทั้งคู่หันไปพร้อมกัน ภาพที่เห็น รุ่นพี่หนุ่มหล่อโทนเกาหลีถือดอกกุหลาบขาวยิ้มรออยู่ อังโกะเผลอยิ้มไม่รู้ตัว แล้วก็โดดเข้ามาสะกิดใกล้ๆ

“ยัยส้ม ในที่สุดเค้าก็มาจีบเธอเองแล้วล่ะ”

ส่วนมนัสยังงงอยู่ “ใครวะ”

“ก็พี่เร็น ม.6 ไง” อังโกะยังยิ้มอยู่ แต่... แต่แล้ว รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ หายไป กลายเป็นความซีด.....



เฮ้ย.... นี่พี่เร็นก็จริง แต่นี่ไม่ใช่ยัยส้มนี่หว่า






“ฮ่าๆๆ ตลกเว้ย คนบ้าอะไรวะชื่อพิเรน!!!” 

มนัสปล่อยฮาแบบไม่กั๊กเลย อังโกะจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว

“เอ่อ น้องส้ม...ทำไม” พี่เร็นถึงกับทำอะไรไม่ถูก อังโกะแย่งพูดแทน

“พี่เร็นคะ ไว้... ไว้มาจีบกันวันหลังได้มั้ยคะ คือ... วันนี้ยัยส้ม ยังไม่พร้อมใช้อ่ะค่ะ วันนี้บัคเยอะอ่ะค่ะ”

พี่เร็นหน้างง “เอ่อ แล้วน้องส้มเป็นอะไรเหรอครับ”



“เป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดว้อยย!!! PVP กันป่าว!!!”

“หา น้องส้มว่าไงนะครับ!!” พี่เร็นตกใจกับการตอบสนองของการให้ดอกไม้





“ก็ว่าไงล่าวว!! เฮ้ยย!! ป็อดล่ะซี่!!! ทำหน้าเป็นตูดเลยนะ” 

มนัสยกไหล่ทำท่าเก๋าสุดขีด นักเลงออนไลน์

“นายน่ะอยู่เซิฟอะไรล่ะ หน้าปอดๆ แบบนี้จะยิงโซลสะไตร๊ค์ให้จำทางเข้าเซิฟเวอร์ไม่ได้เลย”



“ม.. ไม่จริง น... น้องส้ม ทำไม....”

“อึ้งเลยอ่ะเด้!!! นี่ยังไม่เจอของจริง เดี๋ยวเจอพาวว์ จะหนาวกว่านี้”

มนัสสูดหายใจลึกก..... ตอนนี้อังโกะเข่าทรุดพื้นแล้ว หมด... หมดกัน มันไม่รู้สึกตัวเลยเหรอเนี่ย



มนัสตะโกนลั่น!!

“ชื่อในเกม!!! ชื่อ!!!” 


(ติดตามตอนต่อไป)


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น