(ต้นฉบับปี 2557)
เกรียนกับการตบเนี่ยนะครับ เป็นของคู่กันมาตั้งแต่โบราณกาล เท่าที่จำความได้
ซึ่งตามหลักทฤษฏีวิทยาศาสตร์ของ ศจ.ดร.โธมัส มุลเลอร์ ณ บาเยิร์นมิวนิค ได้กล่าวไว้ว่า "วัตถุทรงกลมและเกลี้ยงนั้นจะมีแรงดึงดูด ให้อยากจะเอาอะไรสักอย่างไปสัมผัสด้วยความแรงระดับปานกลาง ถึงมาก ถึงมากที่สุด ยิ่งถ้าเป็นทรงผมแล้วล่ะก็ มีหลิมๆ เล็กน้อยจะยิ่งเพิ่มความอยากตบมากเป็นทวีคูณ" เรียกว่าอยากทำร้ายกันอย่างไม่ทราบสาเหตุเลยทีเดียว
จะว่าไปผมนี่ก็คุ้นเคยกับการตบมาตั้งแต่จำความได้ ในอดีตการตบถือเป็นการรักษาโรคแบบภูมิปัญญาชาวบ้านสุด ๆ
มาอธิบายให้ดูเป็นทางการอีกครั้ง การตบในความหมายของคำกริยาคืออะไร คือการสัมผัสอย่างแรงจากวัตถุที่เป็นพื้นราบนั่นเอง อืม รู้สึกวันนี้ทำไมมันดูวิชาการเหลือเกิน
การตบคือการรักษาที่คลาสสิคที่สุด ตอนเด็กบ้านยายผมมีทีวีขาวดำอยู่เครื่องนึง เสาอากาศรับสัญญาณเฮงซวยมาก ๆ วันนั้นผมนั่งกอดเข่าไข่โผล่เล็กน้อย ดูอุลตร้าแมนทาโร่ ดูไปสักพักภาพจู่ ๆ แม่งก็เลื่อนขึ้นเว้ย เด็กยุคเคเบิ้ลไม่เข้าใจหรอก แต่ถ้าเป็นพวกแก่ ๆ จะเข้าใจอารมณ์นี้เลย มันคือปัญหาระดับชาติ!! มึงจะเลื่อนหนีกูไปไหน สักพักสปีดการเลื่อนเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น..... หยุดสิโว้ย ทำไมไม่หยุด เฮ้ย ไม่ต้องดูมันแล้วว้อยยย กำลังจะร้องไห้แล้ว คุณยายเดินมาพอดี
“มันเลื่อนอีกแล้วเรอะ”
คุณยายพูดพร้อมกับเอามือไปลูบๆ ข้างทีวีขาวดำเครื่องนั้น ลูบไปเหมือนกึ่งๆ กำลังหามุมหาเหลี่ยมอะไรสักอย่าง ลูบไปลูบมา สักพักแกตบเข้าข้างทีวีเลย ผลั้ว!!!!
ราวกับมีเวทมนต์ ไอ้ภาพที่มันเลื่อนๆ เร็วๆ มันค่อยๆ ช้าลง ช้าลง
แล้วมันก็กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม!!!
เฮ้ย ผมแม่งโคตรทึ่งอ่ะ ทีเดียวอยู่เลย ทำได้ไงวะ จากนั้นมาผมจำแบบเป็นวิชาการเลยนะ อ๋อ..... ถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามันเกิดรวน เกิดผิดปกติอะไรขึ้นมา เราต้องตบมันนะ ตบแม่งเลย ก็ไม่รู้ล่ะว่ามันไปสั่นสะเทือนโดนชิพตัวไหน แต่ตบแล้วหาย
จากนั้นมาอะไรเสียผมตบแหลกเลยครับ ทีวี เครื่องเกม ตลับเกม ตบทีวีนี่ถ้าตบบ่อยๆ เราจะรู้เหลี่ยมครับ ว่าต้องโดนตรงไหน ใช้น้ำหนักฝ่ามือกี่% ตบเป็นจังหวะอะไร ส่วนใหญ่มุมตบที่ดีที่สุดจะอยู่ด้านขวาบน ส่วนใหญ่ตบแล้วหายครับ ถ้าตบซ้ายนี่เสียหนักกว่าเดิมอีก ถ้าไม่หายคิดว่าอาจพัฒนาจากตบเป็นตีเข่า
เครื่องเกมนี่ก็ตบได้ครับ ในกรณืที่กดปิด Power แล้วเปิดใหม่ยังเล่นเกมไม่ได้ ให้ตบหนักเลยครับ ตรงไหนตบได้ตบเลย ตบให้ทั่วเครื่อง ระหว่างตบก็ด่ามันไปด้วย
“ไอ้เครื่องเหี้ยนี่ มึงจะหายมั้ย ไม่หายกูซื้อใหม่นะ”
ตบไปด่าไป แล้วกด Power อีกครั้ง โอ้ว..... ดั่งปาฏิหาริย์ มันกลับมาเล่นได้อีกครั้งเฉยเลย ของแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
ตบตลับเกม.... นี่ก็ตบแล้วหายเหมือนกัน แต่พูดถึงตลับเกมสมัยก่อนนี่ จริง ๆ เรามีวิธีซ่อมแบบภูมิปัญญาชาวบ้านเยอะมากนะ แต่ละวิธีไม่รู้ไปเรียนรู้กันมาจากไหน แต่นึกถึงทีไรคำ ๆ นี้จะลอยมาทันที โคตรคลาสสิค.......
ตบตลับนี่แค่เบื้องต้น ขั้นแอดวานซ์นี่เราจะแกะตลับออกมาเลย เหลือแต่แผงวงจรเขียวๆ ถึงจุดๆ นี้ตบไม่ได้แล้วนะ ตบแล้วแผงทิ่มมือ ใช้เป่าเอา
เป่าตลับ!!!
เป่าแรง ๆ เหมือนหมอกำลังไล่ผีที่สิงอยู่ในแผงเกมอ่ะ ถ้าไม่ได้ผล เอายางลบมาถู ๆ ๆ ที่แผงวงจร ประมาณว่าลบสิ่งชั่วร้ายออกไป
บางคนยางลบเอาไม่อยู่ เอาไปตากแดด!!! เอาไปตากแดดฆ่าเชื้อโรค!!! อ๋อ ตกลงที่เกมมันเล่นไม่ได้นี่เพราะมีเชื้อโรคแฝงอยู่งั้นเหรอ
เคยเห็นเพื่อนผมนี่เอาไปตาแดดเหมือนกัน แต่มันทำผมสะเทือนใจมาก มันเอาไปตากถาดเดียวกับปลาสลิดเลย อืม ตกเย็นก็ได้เมนูใหม่ละทีนี้ แผ่นเกมแดดเดียว......
ไอ้ที่พูด ๆ เรื่องตบสมัยก่อนนี่ไม่ใช่อะไรครับ ถือว่าเล่าสู่กันฟัง เพราะเป็นของหายากละครับ เดี๋ยวนี้หาดูไม่ได้แล้ว เราอยู่ในยุคที่ทีวีไม่ต้องตบ เพราะติดเคเบิ้ลชัดแจ๋วทุกเครื่อง เครื่องเกมก็ขายไม่ค่อยออก เพราะคนเล่นในคอมกับมือถือ ส่วนตลับเกมนี่.... มันคืออัลไล???
ได้ยินคำว่าตลับเกมกูรีบแอ๊ปไม่รู้จักทันทีเลย มันเคยมีของแบบนี้เกิดขึ้นในโลกมนุษย์ด้วยเหรอ
แล้วเคยสงสัยมั้ย ว่าทำไมเมื่อคิดถึงการทำร้ายไอ้พวกเกรียน เราจะนึกถึงการตบเป็นอันดับแรก
แน่นอนเหตุผลที่มาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยรูปทรงของวัตถุ เหมือนเราเห็นลูกบอลแล้วอยากเตะฉันใด หัวเกรียนมันก็น่าตบฉันนั้น
แหม่นะ..... นึกภาพหัวเกรียน ๆ โค้งเว้าข้างนี่ แค่นึกถึงฝ่ามือก็สั่นเครือแล้วอ่ะ มันอยากตบจริง ๆ จะแรงจะหนัก จะตบด้วยเกลียด หมั่นไส้ หรือเอ็นดู อะไรก็ว่ากันไปทีหลังแล้วกัน เรียกว่ากระตุ้นให้เลือดไปเลี้ยงฝ่ามือได้ดีโคตร ๆ
แล้วกลุ่มเป้าหมายอยู่ไหน วัยเด็กจนถึงวัยรุ่นนี่แหละ ซึ่งเป็นวัยที่พวกเราจะไม่ค่อยมีอีโก้กันเท่าไหร่ ตบแล้วแค่เจ็บ ตบมาก็ตบคืน แต่ถ้าเรียนจบ ทำงานแล้วนี่ก็ต้องให้เกรียรติกันนิดนึง ถ้าโดนตบนี่ไม่จบแค่ตบคืนแน่ ตอนเด็ก ๆ นี่ผมก็ตัวโดนตบกระจายเลยนะ และก็เป็นฝ่ายไปตบเค้าก็เยอะเหมือนกัน
จริง ๆ การตบหัว เล่นหัวนี่ถือเป็นการหยามอย่างรุนแรงเลยนะครับ จริง ๆ ผู้ใหญ่จะสอนเลยว่าห้ามเล่นด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างว่าอ่ะนะ ยิ่งห้ามก็ยิ่งทำ คือถ้าเด็ก ๆ เพื่อนสนิทตบเล่นกันนี่ เราไม่รู้สึกอะไรเลยนะ เหมือนเป็นการแกล้งกันปกติ
บางทีเพราะไอ้สนิทนี่แหละ มันไม่ใช่แค่ตบหัวไง มันเดินมาต่อยเลยก็มี บางทีนึกครึ้มอะไรขึ้นมา เตะตัดขา เจาะยาง สวนตูด อ่อ...... สรุปคือไอ้สิ่งที่เราโดนกระทำในวัยเยาว์ ตบหัวนี่ดูเมตตาสุดแล้ว
เพราะหนักสุดที่ผมเคยโดนคือ กระโดดถีบ..... ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจอารมณ์ ณ จุดนั้นว่า มึงคิดอะไรอยู่..... ทำไมต้องโดดถีบกูด้วยยยย
ตบเกรียนนี่เราแยกได้เป็น 2 แบบนะครับ คือ “ตบเล่น” กับ “ตบจริง”
ตบเล่นนี่ไม่มีพิษมีภัย ถ้าคนตบกับคนโดนตบสนิทกันมาก ตบเอามันมือเฉย ๆ พอเลือดสูบฉีด พอให้คนที่ไม่รู้จักพวกมึงได้ลุ้นกันเล่น ๆ ว่า เฮ้ย มันจะต่อยกันรึเปล่าวะ
ส่วนตบจริงนี่ผมไม่แนะนำ มันคือการตั้งใจทำร้ายร่างกาย ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเป็นเกรียนเลยครับ โทสะล้วน ๆ ต่อให้เป้าหมายจะน่าตบแค่ไหนก็ตาม เรื่องตบนี่ให้อยู่แค่ตบเล่น กับตบเป็นมุกก็พอ
เพราะถ้าตบเป็น รู้ว่าใครตบได้ตบไม่ได้ เกรียนจะตบกันด้วยความสนุกสนาน เบิกบานที่สุดในสามโลกา การตบแล้วได้เสียงฮานี่ ถือเป็นศิลปะขั้นสูงนะครับ ไม่ใช่ใครก็ทำได้ง่าย ๆ เพราะโคตรเปลืองเนื้อเปลืองตัวเล้ย ไม่ฮาก็เจ็บตัวฟรีอีก เสี่ยงเป็นโรคน้ำในหัวไม่เท่ากันด้วย
แต่ทุกวันนี้ พวกหัวรุนแรง ตบจริงก็ยังมีอยู่นะ พวกนี้ตบปุ๊บหันไปสวนหมัดปั๊บเลย เป็นเรื่องเป็นราวข่าวใหญ่ นักข่าวลูบปากเขียนข่าวเลยทีเดียว ตบแรงนี่ยังไงก็ต้องต่อยอยู่แล้ว ไฟท์บังคับ คงไม่หันไปถามตบผมทำไมแน่นอน
ซึ่งถ้าสวนหมัดนี่ผมแนะนำให้เลิกนะครับ มันมีวิธีเอาคืนที่ดีกว่านั้น
เกรียนไทยต้องรักกันไว้ครับผม ถ้าเค้าตบจริงมา เราทำแบบพระเอกละครไทยเลยครับ
จูบแม่งเลยยยยยย!!!!
ตบจูบนี่ก้อคลาสสิคคคคค!!! อ้วกกก ทุ้ยยยย...สสส จบดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น