(ต้นฉบับปี 2557)
ถ้าผู้ใหญ่มองร้านเกมว่าเป็นด้านมืด เป็นแหล่งมั่วสุม เป็นศูนย์เซ็นเตอร์มอมเมาเยาวชน ใครเข้าไปนี่แค่ปลายเท้าแตะพื้นมึงเสียคนทันที!!! เดี๋ยว เดี๋ยวนะ เวอร์ไปมั้ย เอาเป็นว่าถ้าร้านเกมคือด้านมืด แน่นอนว่าโลกเรามันต้องมีถ่วงดุลกันครับ มีหยินก็ต้องมีหยาง
ด้านสว่างของผู้ใหญ่ก็คงเป็นร้านอินเตอร์เน็ตนั่นเอง เพราะส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า อินเตอร์เน็ตเพื่อการฉึกฉา
ขอเจาะลึกเรื่องชื่อนิดนึง คือต้องมีวิธีเรียก ตรงนี้ซีเรียส ไม่รู้ทำไม ถ้าเรียกย่อ ๆ ว่า “ร้านเน็ต” แม่งจะดูไร้สาระขึ้นมาทันที เหมือนเราไปเพื่อนั่งแชท เปิดกล้อง หาเพื่อนหาผัว แอบเล่นเว็บโป๊...... เหมือนภาพพวกนี้มันลอยเข้ามาเลย
แต่ถ้าเราเปลี่ยนจากร้านเน็ตเป็น ร้านอินเตอร์เน็ต หรือบริการอินเตอร์เน็ต มันจะดูดีมีชาติตระกูลขึ้นมาทันที!!
จะดูเหมือนเพื่อการศึกษา เช็คเมลล์ประกอบธุรกิจ คุยงาน หาข้อมูล!!! ดูเป็นคนดีขึ้นมา +90 เลเวลทันที ไอ้ชิบหาย ทั้งที่แม่งก็เดินเข้าร้านเดียวกัน...... ทำไมภาพพจน์มันต่างกันราวฟ้ากับก้นเหวขนาดนี้
ร้านเน็ตเดี๋ยวนี้ต้องบอกว่า หายากพอ ๆ กับงมเข็มในห้องสมุด มันกำลังจะกลายเป็นของแรห์ไอเท็มพอๆ กับหนังสือ RoVariety หนังสือที่มียอดตามล่าสูงสุด ณ ขณะนี้ (หายากมาก ขนาดไอ้คนเขียนมันยังทำหายเลย..... ทุเรศจริงๆ)
ช่วงหนึ่งร้านเน็ตถือเป็นที่ต้องการของชาวโลกมากๆ ในยุคที่อินเตอร์เน็ตบ้านยังต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธ์ในการล็อคอิน ต่อทีลุ้นแทบลืมหายใจ คุณยังจำเสียงต่อเน็ตยุค 2000 ได้มั้ยครับ
แอด...อิ๊ อ๊อดดด.....อ่อด แอ๊ดดดด....
อ่อ อิ๊ แอ่ดดด......อ่อดแอ๊ดดดด
เสียงเหี้ยมากกก...... เหมือนคนกำลังจะขากเสลด ทำไมไม่เอาเสียงเพลง หรือเอาเสียงบรรเลงอะไรมาให้ฟังยังจะดีซะกว่า เพื่อนผมนี่มันฟังจนทำเสียงต่อเน็ตโบราณได้ เป็นความสามารถพิเศษที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่กล้าอวดใคร มันภูมิใจรึเปล่ายังไม่รู้เลย เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ
คือที่มันฟังจนหลอนติดหูไม่ใช่อะไร มันต่อแล้วหลุด!!! หลุดแล้วก็ต่อใหม่!!! ต่อแล้วก็หลุด!!! หลุดแล้วก็ต่อใหม่!!! ต่อแล้วก็หลุด!!! หลุดแล้วก็ต่อใหม่!!!
ตกลงนี่มันคือเน็ตเพื่อการศึกษา หรือเน็ตฝึกความอดทนกันแน่วะเนี่ย สรุปคือโอเค....ถ้าอยากจะบีบให้กูออกไปหาร้านข้างนอกมากนัก ไปก็ได้โว้ย
มีเรื่องนึงพี่ผมสงสัยมาตลอด จนถึงเดี๋ยวนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ (แต่ร้านที่จะให้สงสัยไม่ค่อยเห็นแล้วล่ะ) สงสัยว่าทำไมค่าค่าชั่วโมงเล่นเน็ตถึงแพงกว่าเล่นเกม!! อย่าปฏิเสธว่าไม่เคยเจอ
หน้าร้านนี่เขียนเลย อินเตอร์เน็ต ชม.ละ 25 เกม ชม.ละ 20
พอผ่านมาสักปีราคาลงเว้ย อินเตอร์เน็ต ชม.ละ 20 เกม ชม.ละ 15
ผ่านไปอีกปีราคาถูกลงอีก เน็ต ชม.ละ 15 เกม ชม. ละ 10
เออยังดีที่หยุดอยู่แค่นี้ ไม่งั้นยุคนึงเราอาจได้เห็นเน็ต ชม.ละ 5 บาท ส่วนเกมเล่นฟรี ใครอยากเล่นอะไรเล่น เดี๋ยวทางร้านจ่ายค่าไฟให้ จะบ้าเหรอ....... ทำไมวะ!! ทำไม ทำไมเกมถึงต้องถูกกว่ากัน 5 บาทเสมอ กฎหมายฉบับไหนบัญญัติไว้
จำได้แม่นเลย ผมเคยเข้าร้านแบบนี้แหละ เน็ต 25 เกม 20 แต่วันนั้นผมเล่นเกม นั่งปั่นเวล ตีมอนส์อะไรไปเรื่อย วันนั้นเกิดเบื่อเร็ว เล่นไปครึ่ง ชม. เกิดอยากเล่นเน็ตเว้ย
เบื่อเกมละ อยากดูรูปโป๊ อยากอ่านเรื่องเสียว (เฮ้ย..เฮ้ย นักเขียนทำไมไม่เป็นตัวอย่างที่ดีกับเยาวชนวะ) ปิดเกมเล่นเน็ตดีกว่า
เฮ้ย..... ไม่ได้สิ เราเล่นเกมนี่หว่า ผมบอกกับตัวเองเหมือนละครไทย
วินาทีนั้น ความรู้สึกเหมือนผมกำลังพิสูจน์สิ่งลี้ลับอะไรบางอย่าง ผมอยากจะรู้จริงๆ ว่า ถ้าเราเล่นเกมไปแล้ว เราจะเล่นเน็ตได้หรือไม่!!!! อะไรมันจะเกิดขึ้น!!! ผมปิดเกม แล้วลองเข้าเน็ต!!!
ขุ่นพระ!!!! แม่งเข้าเน็ตได้!!!!
ผมก็ไม่รู้จะตกใจทำซากตึกอะไร ก็แหงอยู่แล้ว เกมออนไลน์มันก็ต้องใช้เน็ต ถ้าเล่นเน็ตไม่ได้สิแปลก จริง ๆ ตรงนี้ก็ไม่น่าลุ้นอะไรเท่าไหร่หรอก ไอ้ที่มันลุ้นคือ ต้องจ่ายเท่าไหร่มากกว่า ไอ้เจ้าของร้านมันเห็นแล้วด้วย
25 หรือ 20 วะเนี่ย
จริง ๆ มันก็ไม่ควรจะลุ้นเหงื่อแตกอะไรขนาดนั้น ถ้าเกิดวันนั้นไม่พกมาแค่ 20 พอดีเป๊ะ อืม..... แล้วเกิดอยากมาพิสูจน์อะไรวันนี้ก็ไม่รู้ ผ่านไปครบ 1 ชม. ผมเดินไปจ่ายตังค์ เป็นอย่างที่คิดไว้ในใจจริง ๆ
25 บาท!!!
“เฮ้ยพี่ ผมมีแค่ 20 อ่ะ แล้วผมก็เล่นเกมนะ” ผมเริ่มดิ้นแล้วเว้ย พี่แกชี้ไปหน้าร้านเลย
เน็ต 25!! เกม 20!! เมื่อกี้อั้วเห็นลื้อเล่นเน็ต ก็ต้อง ชม.ละ 25 บาท!!!
อะไรวะ!!! ไอ้เหี้ยยยย เอากันยังงี้เลยเหรอ สรุปคือกูแตะไอคอนตัว E นี่ไม่ได้เลยใช่มั้ย!!! แตะปั้บโดนอีก 5 บาททันที มันจุกแค้นยังไงไม่รู้ สู้มึงปรับทั้งเน็ตทั้งเกม 25 เท่ากันยังรู้สึกดีกว่า
25 บาท!!!
อีห่ารากนี่ก็ย้ำจริง..... จ่ายก็ได้ สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาเงินเพื่อนเพื่อเอาตัวรอดออกมา
บางร้านมันก็แบ่งวรรณะแปลก ๆ เครื่องเกมนี่ใหม่มาก ประหนึ่งพึ่งประกอบเสร็จแล้วยกมาเล่นเลย ส่วนไอ้เครื่องสำหรับเล่นเน็ต สภาพเหมือนคอมบริจาค สีโคตรรวินเทจ จะอมเหลืองไปไหน
เก่าไม่เคืองเท่าอนาถ ค่า ชม. เสือกแพงกว่าอีกต่างหาก สู้แกล้งบอกว่าเล่นเกม แล้วไปใช้เครื่องเกมเล่นเน็ตไม่ดีกว่าเหรอ
พูดถึงความคลาสสิคของร้านเน็ต.... เอาแบบร้านเน็ตออริจินอลเลยนะ ไม่มีเกมให้เล่นเลย
มันก็คือร้านสำหรับนั่งทำงานน่ะแหละ คอมกากและเก่า ตู้น้ำตู้นึง มีน้ำอัดลม น้ำเปล่า ชามะนาว
มีบริการปริ้นท์งานขาวดำ แผ่นละ 5 บาท ปริ้นท์สีราคาจี้ปล้น แผ่นละ 30..... ถ้าจะคิดราคานี้ไม่ลากไปปล้นหลังร้านเลยล่ะ ถึงจะบ่น แต่เมื่อจนตรอกมันก็ยอมจ่ายล่ะวะ
คาแรคเตอร์เจ้าของร้านก็จะเงียบ ๆ นิ่ง ๆ ไม่ร่าเริงใด ๆ เรียกว่าจืดเลย แต่ผู้คนที่มาใช้บริการจืดกว่า นั่งเงียบ ๆ ใครแอบบันเทิงก็ใส่หูฟังเงียบ ๆ ครบ ชม. ก็จ่ายตังค์และเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
แต่เชื่อมั้ย เห็นเงียบ ๆ ยังงี้นะ อยู่ทนชิบหาย...... ร้านเกมอื่นเค้าเจ๊งไปหมดแล้ว แถวบ้านผมนี่มีร้านเน็ต 2 ร้าน ทุกวันนี้ยังอยู่ครบทั้ง 2 ร้านอ่ะ แต่หน้าร้านเปลี่ยนธีมไปเรื่อย ขายกาแฟบ้าง ข้าวไข่เจียวบ้าง ล่าสุดเป็นน้ำแข็งใส อีกร้านนึงขายลูกชิ้น ก็เข้าใจว่าแค่ขายเน็ตอย่างเดียวมันไม่พอยาไส้
ลูกค้าเค้าก็โคตรจะคลาสสิก หน้าเดิม ๆ เกื้อกูลกันมาตลอด 10 ปี ไม่คิดใช้ 3G ไม่คิดใช้ Wifi เลย ซึ่งผมก็คาดว่าน่าจะอยู่ด้วยกันยันแก่เฒ่า ไม่สิ.... มันก็แก่กันอยู่แล้วนี่หว่าทั้งเจ้าของร้านและลูกค้า
พูดถึงตัวผมเองนี่ ผมยอมรับว่าตัวเองล้าหลังกว่าชาวบ้านเค้าประมาณเท่าตัวนึง
3 ปีที่แล้ว คนอื่นเค้ามีเน็ตติดบ้านกันหมดแล้ว ผมยังเดินเข้าออกร้านเน็ตเพื่อเล่น Facebook อยู่เลย ต้องร้านเน็ตด้วยนะ ต้องการความสงบ
แต่ร้านเน็ตมันก็มีพัฒนาการของมัน
จากช่วงนึงที่มีแต่ร้านจืด ๆ ไม่ค่อยดึงดูด ลองได้พึ่งพาการตกแต่งเพิ่มสไตล์ไปสักเล็กน้อย มันก็จะดูน่าเข้าไปเล่นทันที ขนาดบางคนมีเน็ตอยู่บ้านแล้วยังอยากเข้าไปเลย ร้านแบบนี้แหละสีสัน น่าเข้าด้วยแรงดึงดูดส่วนตัว
ไอ้พวกความเกรียน ความวุ่นวาย มันจะอยู่ในร้านแบบนี้แหละ เพราะไอ้พวกร้านคลาสสิกมันเสียงดังไม่ได้ เจ้าของร้านแม่งด่า...... สัส
เดี๋ยวฉบับหน้าเรามาต่อร้านเน็ตโมเดิร์นสไตล์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น