วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ร้อยแปดวิธีแหกบ้าน


(ต้นฉบับปี 2556)



ขึ้นชื่อว่าร้านเกม  คำแรกที่แว่บเข้ามาในหัวของบรรดาผู้ปกครองผู้ไม่เคยจับจอยคำนั้นก็คือ “แหล่งมั่วสุม”


"มั่วสุม" คืออะไร มันคงเป็นการไปสุมหัวทำอะไรมั่วๆ สักอย่างที่ไม่มีสาระ  แต่หลังจากที่ผมได้ไปสัมผัสมาเอง  



น่าจะใช้คำว่า “แหล่งสุมเกรียน” มากกว่า ร้านบ้าอะไร เข้าไปมีแต่ทรงนักเรียนเต็มไปหมด


การขอแม่ออกไปเล่นเกม ถือเป็นปัญหาระดับชาติสำหรับเด็กไทย หลายบ้านยอมลงทุนแก้ปัญหาด้วยการซื้อเกมมาให้เล่นที่บ้าน  แต่ถึงลงทุนขนาดนี้  หลายคนก็ยังติดออกไปเล่นนอกบ้านอยู่ก็มี



ตรงนี้ผมเข้าใจกันนะ  ว่าบางเกมมันต้องเล่นที่ร้านครับถึงจะได้ฟีล


ซึ่งทางแก้ถ้าจะเอาจริงๆ มีแค่ทางเดียวเท่านั้นครับ คือเอาบ้านมาเปิดร้านเกมซะเลย  เท่านี้ลูกๆ ของท่านก็ไม่ต้องขอไปร้านเกมแล้ว อืม มีเงินอย่างเดียวทำไม่ได้นะวิธีนี้ ต้องฉลาดหลักแหลมด้วย  ฉลาดจุงเบย


ซึ่งปัญหานี้ครับ มันก็ลุกลามไปทั่วทุกบ้าน ผมนี่ก็เคยเป็นผู้ประสบภัยหมายเลข 1 เลยทีเดียว   จะขอออกไปเล่นเกมนี่แทบจะคลานเข่าเข้าไป  มันไม่ง่ายเลยที่จะได้ออกไป (ต้องทำนิ้วจีบๆ ด้วย....มันไม่ง่ายเลย)



เพราะมันต้องยื่นเรื่องถึง 2 ด่าน ด่านแรกคือขอออกไปเล่น...... 


ด่านแรกว่ายากแล้ว ด่าน 2 ยากกว่า ต้องขอทุนทรัพย์ออกไปเล่นด้วย 


บางครั้งด่านแรกกว่าจะขอได้แทบอ๊วกเป็นเลือด เรื่องขอตังค์นี่เลิกคิดไปได้เลย  ไปยืนดูเค้าเล่นเฉยๆ ก็ได้


ลองคิดดูนะครับ ถ้าเราเด็กไทยต้องไฟว้กันแบบตรงไปตรงมาทุกวันแบบนี้ ความอบอุ่นของครอบครัวมันจะอยู่ที่ไหน 



เชื่อเหอะวันไหนพ่อแม่เกิดเหนื่อยใจ ยอมให้ไปง่ายๆ พวกเราก็ไม่ยอมไปอีกน่ะแหละ พอบอก "งั้นไปสิลูก เล่นให้สนุกนะ"  ไอ้ลูกได้ยินปั๊บรีบวิ่งไปต้มข้าวต้มหลังบ้านให้แม่เฉยเลย นึกว่าแม่ไม่สบาย เกิดกตัญญูขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลซะอย่างนั้น


ไม่ไหวครับ เรื่องแบบนี้มันต้องมีครึ่งทาง เราต้องสบายใจกันทั้ง 2 ฝ่าย  เพราะงั้นเมื่อถึงจุดๆ นี้  กลวิธีแหกบ้านเหล่านี้จึงต้องถือกำเนิดขึ้นมา  เรื่องชั่วช้าผมชอบนำเสนออยู่แล้ว


เริ่มจากวิธีโคตรเบสิก “ออกไปทำรายงาน” 



อืม...... คำแรกที่พุ่งเข้ามาในหัวคือ “คลาสสิค” โคตรๆ  วิธีนี้ไม่ต้องให้ใครสอนด้วย มันจะออกมาโดยสัญชาติญาณ มันจะได้ประโยชน์ 2 เด้ง 


นั่นคือเด้งแรกได้ออกไปแน่ๆ เพราะเพื่อการศึกษา ส่วนเด้งที่ 2 เราสามารถเบิกค่าทำรายงานได้ 


แต่ปัญหาหลังจากนี้ก็คือ ตอนกลับบ้าน เราจะเอารายงานที่ไหนมาให้เค้าดู


บางคนฉลาด เตรียมรายงานที่เสร็จเรียบร้อยแล้วรอไว้ก่อนเลย แต่บางคนก็เสือกลืมดูว่าเคยส่งไปแล้ว ยื่นให้แม่ดูน้ำตาแทบไหล ทำเสร็จแล้ววิ่งไปส่งครูเลยเหรอลูก ขยันจุงเบย..... 



ป๊าบ!!! ป๊าบ!!! โดนซะ 2 ดอก


ถ้าจะให้โกหกทั้งดุ้นแบบนี้ผมไม่แนะนำดีกว่า  


แนะนำให้ไปทำรายงานจริงๆ น่ะแหละ หายไปสัก 2 ชม. ไปเล่นซะ 1 อีก ชม. นึงไปทำรายงานก็ได้ ไม่ต้องเสร็จหรอก ได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น กลับบ้านก็เอามาให้แม่ดู แบบนี้เจอกันครึ่งทาง ยังดูดีกว่า


หรืออีกวิธีนึง วิธีนี้สอง อันนี้ก็เนียน ตอนเด็กๆ ผมใช้บ่อยกว่าทำรายงานอีก เพราะรายงานพอมันใช้บ่อยแล้วมันดูขยันแปลกๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนไม่ใช่ลูกตัวเอง



เปลี่ยนครับ ให้เป็น “ขอออกไปกินข้าว” 


ให้บรรยายสรรพคุณร้านไปเลยว่าทำไมมื้อนี้ถึงกินข้าวบ้านไม่ได้ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นก๋วยเตี๋ยวโอกาสได้ออกไปจะสูงมาก และอาจต้องรับภาระซื้อมาฝากคนทั้งบ้านด้วย


บอกไปเลยต้มยำหมูร้านนี้เป็นหมูป่าบราซิล ใส่ถั่วงอกกลับหัวได้อะไรก็ว่าไป และแน่นอนเราจะได้ตังค์มาด้วย อันนี้ถึงจะตอแหลแต่ก็แฟร์มาก เอาค่าข้าวนี่แหละแลกค่าเกม


เอาไปเล่นเกมแล้วอดข้าว ต้องอดทนครับ ลูกผู้ชายไม่เอาเปรียบใคร สมมติได้มา 30 เอาไปเล่นซะ 20 อีก 10 ซื้อลูกชิ้นประทังท้องก็ได้ 


อ้อ ตรงนี้สำคัญมาก ให้บอกไปเลยว่าร้านนี้คนเยอะ รอนานหน่อย เพราะเราหายไปตั้ง ชม. ไง เกิดมีใครในบ้านสงสัยออกไปตามที่ร้านข้าวไม่เจอล่ะฮาเลย แล้วยิ่งไปเจอกำลังกดจอยยิกๆ ในร้านนี่ยิ่งฮาเข้าไปใหญ่ โดนลากกลับมาบ้านได้รู้ว่านรกมีจริงแน่นอน...... 


อืม ไม่ใช่อะไร เคยโดนมาแล้ว แหม่ ประมาทไปหน่อย (แต่คิดๆ ดูมันก็สมควรโดน แมนหน่อย อย่าบ่น)


เรื่องเรียนก็แล้ว เรื่องกินก็แล้ว ลองเอาเรื่องเที่ยวดูบ้างมั้ย 



วัดใจไปเลย เที่ยวกับเล่นเกมสำหรับผู้ใหญ่ไร้สาระพอๆ กัน แต่แปลกแต่จริง บางบ้านขอออกไปเล่นเกม ใช้งบแค่ 20-30 บาท ไม่ให้!! แต่พอขอออกไปเที่ยวใช้งบ 100-200 ดันอนุญาตซะอย่างนั้น!!! 


ซึ่งระหว่างทางไปเที่ยว เราสามารถแวะเล่นเกมด้วยก็ได้ แต่เชื่อเหอะว่า ขอไปเที่ยวอ่ะนานๆ ครั้งถึงจะได้ผล แถมคนขอต้องเป็นเด็กความประพฤติดีโคตรๆ ด้วย 


โอเค งั้นเกรียนๆ อย่างเราก็ข้ามไปเถอะ เห็นประโยชน์ของการตั้งใจเรียนรึยัง


“ไปเตะบอล!!!” 



ลองหันมาทางกีฬาบ้าง ขึ้นชื่อว่าเด็กเล่นกีฬาไม่มีครอบครัวไหนที่ไม่สนับสนุน แล้วจะเอาตังค์จากไหน ก็แน่นอน ก็ต้องขอเพื่อเอาไปซื้อลูกบอล 


ซึ่งเด็กติดเกมทั้งหลายอาจต้องลงทุนใส่รองเท้าผ้าใบ ทำตัวฟิตเต็มที่ก่อนจะไปขอทุนสนับสนุนทางกีฬา ฟุตบอลดูจะของ่ายสุด อย่ากระแด่ะขอไปเล่นฮอคกี้น้ำแข็ง หรือโปโลน้ำเด็ดขาด


ถึงแม้ถ้าเกิดปาฏิหาริย์เค้าเชื่อขึ้นมา อาจได้งบหลักร้อยถึงพัน แต่ต้องแลกด้วยการใส่ชุดฮอคกี้ไปนั่งกดเกม มันก็ไฮคลาสไป


เอาเป็นว่าผมใช้วิธีนี้ค่อนข้างเนียน เพราะจำได้ว่าตอนกลับบ้านเล่นวิ่งมาเลย ถึงบ้านเหงื่อท่วม เพื่อสุขภาพแท้ๆ


“ลืมของ” 



กลับมาสู่วิธีเบสิกอีกครั้ง กับการลืมของไว้ที่โรงเรียน ถ้าคิดจะลืม มันต้องลืมแบบว่า ต้องมีค่าเดินทางด้วย และต้องลืมอะไรที่มันดูสำคัญๆ หน่อย 


ลืมปากกา ดินสอ ยางลบนี่อ้างให้ดูโง่เปล่าๆ เอาแบบที่ว่า ถ้าไม่รีบไปเอาตอนนี้ต้องมีคนตายแน่ๆ บอกว่างานกลุ่มก็ไม่เลว ดูทำเพื่อพวกพ้อง 


แต่ถึงจะเบสิกแต่วิธีนี้ก็ต้องทำเวลานิดนึง เพราะฟีลลิ่งมันต้องรีบไง แต่บางคนก็ดันแผนสูงกว่านั้น เล่นยาวๆ ไปเลยแล้วบอกหาของไม่เจอ กลับมาถึงบ้านก็แกล้งหาอีกที.... โอ๊ะ ที่แท้ก็อยู่ที่บ้านนี่เอง ช่างกล้าแท้  อืม..... ผมเองก็ยังไม่หน้าหนาขนาดนั้น 


แต่ยืนยันว่ามีคนเคยทำจริงๆ  ซึ่งก็ไม่รู้จะไปชื่นชมกับเรื่องพรรค์นี้ของมันทำไม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 


ซึ่งทั้งหมดนี้ก็คือ ความชั่วสารพัดของผมที่เอามาแนะนำนั่นเอง ตอแหลเค้าไว้เยอะครับ มันไม่ดีจริงๆ ยอมรับ ที่เล่าๆ นี่ก็ปนละอายด้วย แต่ถ้าถามว่าแล้วเวรกรรมมันมีจริงไหม ตอบเลยครับว่ามีจริงๆ



ทุกวันนี้ผมทำงานแล้วครับ และกำลังโดนแม่เอาคืนอยู่ ทุกเดือนนี่ขอตังค์ยิกเลย ไม่รู้จะขอไปไหนนักหนา ถ้าให้รวมเงินเผลอๆ เยอะกว่าที่ผมผลาญของแกแล้วมั้งนั่นน่ะ 


แต่ก็ทำได้แค่บ่นครับ มันก็ต้องตามใจน่ะแหละ ถึงจะอย่างนั้นก็รักแกจะตาย


ทั้งหมดที่แนะนำนี้เอาแค่พองามนะครับ ยังไงก็อย่าหายไปบ่อยให้ทางบ้านเป็นห่วงล่ะ



นานๆ ทีปีละครั้งก็พอครับ ทุ้ย..... นี่ก็นานไปว้อย






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น