วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ ตอน เมอรี่คิดมาก


(ต้นฉบับปี 2547)


โฮะๆๆ เมอร์รี่คริสต์มาส ขวัญใจเด็กๆ ลุงซานต้าออกพบประชาชน น้องๆ หนู


“จิงกาเบล จิงกาเบล จิงเกอนงเนียงไตรตรึม ขเย๋ยอึมตรึมขแย มะละแหม่งตงกรุย.... ”

เฮ้ย!! หยุดๆ หยุดเลย เวอร์ชั่นไหนวะเนี่ย!!

เอาล่ะครับ หลังจากเปิดคอลัมน์ด้วยเพลงประจำเทศกาล  ซึ่งอาจจะเวอร์ชั่นพิเศษไปนิดนึง ผู้ปกครองควรให้คำปรึกษา แต่ถึงอย่างไรท่อน จิงกาเบล จิงกาเบล แน่นอนว่าต้องคุ้นหูผู้อ่านแน่ 

ใช่แล้วครับ นี่คือเทศกาลวันคริสต์มาส ไม่ใช่วันคิดมาก อย่า... อย่ามาเล่นมุกแถวนี้ สาระกำลังจะแน่นเปรี๊ยะ ไม่เห็นรึไง

แม้ผมจะไม่ได้นับถือคริสต์ และไม่ได้เกิดที่อาณาจักรโรมัน แต่ประวัติของวันคริสต์มาส  ก็พอรู้มาบ้าง เนื่องจากเป็นคนรักการเรียน และรักการศึกษาหาความรู้มาตั้งแต่เด็ก ดั่งที่หม่อมแม่ได้ปลูกฝังไว้

วันคริสมาสต์ คือวันฉลองการประสูติของพระเยซู ผู้เป็นศาสดาสูงสุดของชาวคริสต์ทั่วโลก เพราะชาวคริสต์ถือว่าพระเยซูไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดาที่มาเกิดทั่วไป แต่พระองค์เป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด ดังนั้นการที่พระเจ้าได้ถ่อมองค์และเกียรติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นจากการเป็นทาสของความชั่ว และบาปต่างๆ ความสำคัญของวันคริสต์มาสจึงอยู่ที่การฉลองความรักของพระเจ้าที่มีต่อโลกมนุษย์ ชาวคริสต์ทุกคนเห็นตัวตนในพระเยซูคริสต์ที่มาเกิดเป็นมนุษย์ มากกว่าสิ่งอื่นใด

ถ้าพูดถึงวันคริสต์มาส นอกจากเพลงที่คุ้นหูกันแล้ว โลโก้ที่ทุกคนจะนึกถึงเป็นอันดับต้นๆ แน่นอนคงหนีไม่พ้นลุงอ้วนแดง 

“ซานตาครอส” 

 เจ้าของเสียงหัวเราะที่เปี่ยมด้วยความอบอุ่น และอ่อนโยน ชอบสไลด์ปล่องไฟเป็นงานอดิเรก

ซึ่งตัวจริงของลุงอ้วนแดงก็คือ นักบุญนิโคลัสซึ่งเป็นบาทหลวงในประเทศตุรกี ผู้ขึ้นชื่อด้านความใจดี โดยเฉพาะกับเด็กๆ ต่อมาท่านเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วฮอลแลนด์ในชื่อ “ซินเตอร์คลาส” ราว ค.ศ 1870 ชาวอเมริกันเรียกชื่อเพี้ยนไปเป็น “ซานตาครอส” ตั้งแต่แรกจนถึง ค.ศ 1890 และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ก็นอกเรื่องไปพอประดับรอยหยักนะครับ สำหรับผู้อ่านที่เล่นแร็คมานาน คงไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่าเทศกาลนี้แหละที่รอคอย เพราะเราจะได้ไล่ยิงลุงซานต้า และล่าโพริ่งใส่หมวก เป็นความสนุกสนานบานตะไทที่ 1 ปีจะมีเพียงหน ถ้าพลาดร้องไห้ให้น้ำตาเช็ดตาตุ่มก็ไม่หายเสียดาย ป่านนี้ก็คงเริ่มออกล่ากันแล้ว

และก็หนึ่งปีมีหนเช่นกัน ที่เราจะจับลุงอ้วนแดงมาพบปะประชาชน อ่ะ ฮ้า... ฟังดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่มันเป็นไปแล้วครับที่นี่ ลุงซานต้าจะมาตอบ จ.ม น้องๆ หนูที่เขียนส่งมาหาตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเด็กบางคนก็ลืมไปแล้ว แต่ซอกหลืบรอคอยเวลานี้มานานเหลือเกิน

เพราะลุงซานต้าได้สัญญากับผมเป็นการส่วนตัวในคืนฝนพรำ กลางกระท่อมปลายนาแล้วว่า เมื่อใดที่หิมะตก เสียงเพลงจิงเกอเบลดัง เขาจะควบกวางเรนเดียร์กลับมาเพื่อเด็ก ๆ ที่น่ารักทุกคน

และวันนี้ เขาก็กลับมาตามสัญญา จุ๊ๆ อย่าเอ็ดตะโรไป ไม่อยากให้แตกตื่น ลุงซานต้าตัวจริงเสียงจริงอยู่กับซอกหลืบที่นี่แล้ว เด็กดีคนไหนอยากได้อะไร รีบเขียน จ.ม มาหาตอนนี้ก็ยังไม่สายนะจ๊ะ





อ้อ... ลืมบอกไป ลุงซานต้าคนนี้เค้าชื่อ “แอนโตนิโอ” ล่ะตัวเอง

*******************************************

ฉบับที่ 1 จากน้องทะนงศักดิ์

“สวัสดีครับลุงซานต้า สบายดีไหมครับ ผมสบายดี ตอนนี้ผมตื่นเต้นมากๆ เลยครับ ไม่คิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตผมจะมีบุญวาสนาได้คุยกับซานตาครอส ถ้าลุงซานต้าตอบจดหมายฉบับนี้จริงผมคงจะมีความสุขมากๆ 

ตอนนี้ใกล้สอบแล้วครับ เพื่ออนาคต ตอนนี้ผมกำลังอ่านหนังสือสอบอย่างขะมักเขม้น โตขึ้นผมอยากเป็นแอร์โฮสเตสครับ เจริญรอยตามพี่สาวข้างบ้าน 

ผมคงไม่ขออะไรลุงซานต้ามาก ขอแค่คำอวยพรก่อนสอบเป็นกำลังใจ ผมก็ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดแห่งชีวิตวัยเด็กแล้ว แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงมาก ผมอยากให้ลุงซานต้าช่วยไปฉกเฉลยข้อสอบล่วงหน้ามาให้หน่อย

หวังว่าคำขอของผมคงไม่มากไป ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ ตุ๊กตาปลุกเสกรูปซานตาครอสที่ลุงผมให้มาคิดว่าขลังพอดู น่าจะใช้ทรมานเล่นได้ ขอขอบคุณลุงซานต้าล่วงหน้า ไว้ผมจะเป็นเด็กดีตอบแทนให้ปีหน้านะครับ

ปล. รักลุงซานต้าเสมอ ลุงผ่านมาเราดีใจ ลุงผ่านไปเราคิดถึง”




ตอบ : คำอวยพรของหลานทะนงศักดิ์ลุงเขียนให้แล้ว พรุ่งนี้จะมีคนเอาไปให้พร้อมซองผ้าป่า ใส่เงินต่ำกว่าหลักพันระวังบ้านไฟไหม้โดยมิทราบสาเหตุ

ลุงก็หวังว่าหลานจะให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยม ส่วนเฉลยข้อสอบลุงคงทำให้ไม่ได้จริง ๆ เพราะหน้าต่างห้องพักครูแคบมาก แขม่วพุงแล้วก็ยังติด ไม่เหมือนหน้าต่างบ้านหลาน เข้าง่ายออกสะดวก 

ตุ๊กตาปลุกเสกสวยดี ลุงขอเลยละกัน ก่อนสอบ 1 สัปดาห์แนะนำให้หลานลองคุยกับครูใหญ่เรื่องสร้างปล่องไฟที่ห้องพักครู ขนาดกว้างเมตรสี่สิบ ยาวเมตรสี่สิบ ลุงคิดว่าน่าจะสไลด์ผ่านไม่ยาก แต่ลุงเชื่อว่าครูใหญ่คงไม่น่าให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นลุงคิดว่าจะช่วยเหลือเท่าที่ทำได้

ข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษข้อแรกตอบ ข. ไข่ นะหลาน ลางสังหรณ์มันบอก

สุดท้ายนี้ขอให้หลานได้เป็นแอร์โฮศเตสอย่างที่ตั้งใจ แต่ถ้าเป็นไม่ได้ เป็นพัดลมโฮสเตสก็ไม่เลวนัก จะได้ช่วยชาติประหยัดพลังงาน

ปล. ลุงซานต้าก็รักหลานเช่นกัน โฮะ โฮะ โฮะ


***************************************************

ฉบับที่ 2 จากน้องสก็อต วิลเลียม

“สวัสดีครับลุงซานต้า ถ้าลุงซานต้ากำลังอ่านจดหมายของผมอยู่จริงๆ ผมจะดีใจมากๆ เลยครับ และจะดีใจมากยิ่งๆ ขึ้นไปอีกถ้าลุงตอบจดหมายฉบับนี้กลับมาด้วยความเอ็นดู ตอนนี้ผมมีเรื่องกลุ้มใจเล็กน้อย ที่ผลงานทีมฟุตบอลทีมโปรดกำลังดิ่งเหว ผมเป็นแฟนแมนฯ ยู ครับ และผมก็คิดว่าลุงซานต้าก็น่าจะเป็นแฟนแมนฯ ยูเช่นกัน สังเกตจากชุดสีแดงล้วนที่ใส่ไม่เคยเปลี่ยน ผมดีใจนะครับที่บุคคลในฝันของผมมีอุดมการณ์เหมือนกัน ทุกวันนี้ผมทำตัวเป็นเด็กดีอย่างสม่ำเสมอ เพราะผมรู้ว่าลุงซานต้าจะให้ของขวัญเฉพาะกับเด็กดีเท่านั้น ผมมั่นใจมากว่าตอนนี้ผมเป็นเด็กดี และบ้านผมตอนนี้ต่อปล่องไฟเสร็จแล้ว ลุงซานต้าครับ ผมอยากได้ตั๋วศึกวันแดงเดือดที่จะเตะกันปีหน้านี้อ่ะครับ ผมจะไปดูผีแดงเด็ดปีกหงส์ ถ้าลุงซานต้าว่างก็อยากจะให้ไปด้วยกัน จบเกมส์แล้วเราจะได้ไปจุดพลุฉลองกันหน้าโอลด์ แทรปฟอร์ด ทุกอย่างนี้ผมอยากทำให้ รอย คีน ผู้เป็นวีรบุรุษฮีโร่ในเกมแบ่งแต้มแดงเดือดครั้งก่อน หวังว่าลุงซานต้าคงบันดาลให้นะครับ

ปล. ผมเหน็บถุงเท้าบอลข้างซ้ายนำโชคไว้ที่ระเบียง ลุงซานต้าเอาตั๋วใส่ไว้ในนั้นนะครับ

ปล. (อีกที) ผมรักลุงซานตาครอสที่สุดในโลกเลย ฟันธงสกอร์ 3 - 0”




ตอบ : ตั๋ววันแดงเดือดท่าจะยาก เพราะลุงคิดว่ากำลังซื้ออาจจะไม่พอ ยิ่งตอนนี้อาหารกวางหมดแล้วด้วย ลุงคงจะต้องเก็บงบไว้เพื่อยานพาหนะของลุงก่อน

หลานอย่าเพิ่งน้อยใจ อย่าเพิ่งกินหมากฝรั่งรสลูกพลับฆ่าตัวตาย จอยูบีซีร้านคาราโอเกะป้าแม้นน่าจะทดแทนอรรถรสกันได้ จอเขาใหญ่มาก คาดว่าวันนั้นคนน่าจะเต็มร้าน เสียงเชียร์กระหึ่มไม่แพ้ที่โอลด์ แทรปฟอร์ดแน่นอน

ลุงเขียนแผนที่ใส่ไว้ในถุงเท้าแล้ว ถุงเท้าเหม็นมาก ดีที่ลุงปฏิกริยาไว กลั้นหายใจทัน ถ้าเป็นคนอื่นคงเสียชีวิตไปแล้ว หลานน่าจะซักก่อนมาแขวนนะ เอาไว้ถ้าไปไม่ถูกจริง ๆ ลุงจะควบกวางมารับไปดูด้วยละกัน

อ้อ จะบอกว่าที่ใส่ชุดแดง ลุงเป็นแฟนลิเวอร์พูลนะหลาน และขอแสดงความยินดีด้วยที่แมนฯ ยู ตกรอบยูฟ่า ฯ หลานอย่าคิดมาก ปีนี้ถ้วยยุโรปคงเป็นของหงส์อีกปี

ปล. ฟันธง 3 – 0 เจอร์ราดแฮททริก โฮะๆๆ



***************************************************

ฉบับที่ 3 จากน้องบู้บี้

“สวัสดีค่ะพี่ปันยา หนูชื่อบู้บี้ ตอนนี้หนูเล่นฮันเตอร์อยู่อ่ะค่ะ หนูสงสัยจนอยากให้พี่ช่วยแนะนำทีว่า ระหว่างหมวกแอปเปิ้ลกับหมวกสาลี่ หนูควรจะใช้หมวกอะไรดีค่ะ แล้วควรตีบวกเท่าไหร่ อ้อ ลืมบอกไป หนูเล่นสาย dex – agi ค่ะ”




ตอบ : เอ่อ... ปันยาไหนเหรอหลานบูบี้ ส่งมาผิดแล้ว  ที่นี่มีแต่ลุงซานตาครอส


*************************************************
ฉบับที่ 4 จากน้องสายน้ำผึ้ง เปรี้ยวเข็ดสะเด็ดยาด

“สวัสดีค่ะลุงซานต้า หนูเป็นคนนึงที่ไฝ่ฝันว่า ครั้งหนึ่งจะได้ของขวัญจากลุงซานต้าในฐานะเด็กดี หนูมั่นใจเกิน 100% ว่า จดหมายฉบับนี้จะต้องถึงมือลุงซานต้าอย่างแน่นอน 

เพราะงั้นหนูจึงขอของขวัญวันคริสต์มาสเลยละกันนะคะ ที่หนูอยากได้ก็มีตู้ร้องคาราโอเกะเพลงการ์ตูน โฮมเธียร์เตอร์ลำโพงคู่ เพลย์สเตชั่น 3 โทรศัพท์มือถือบางเฉียบ ถ่ายรูปและอัดล้างภายในตัว คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กส์ ตุ๊กตาคิทตี้ขนาดสเกลหนึ่งต่อหนึ่ง วีซีดีแม่มดน้อยโดเรมีบ๊อกซ์เซ็ท เครื่องปรับอากาศซัยโจเกงกิ ตู้ถ่ายสติกเกอร์ จักรยานเทอร์โบสีชมพูหวานแหวว บัตรรับประทานอาหารญี่ปุ่นตลอดชีวิต ฯลฯ

นี่แค่ส่วนหนึ่งค่ะ ถ้าเขียนหมดอาจเปลืองเนื้อที่คอลัมน์ ไว้ที่เหลือหนูจะเย็บเล่มแล้วส่งไปให้ที่บ้านลุงซานต้านะคะ ลุงซานต้าใจดีที่สุดในโลกเลย หนูรู้ว่าลุงซานต้าต้องตามใจหนูแน่ ๆ

หนูคิดว่าแขวนถุงเท้าคงเอาไม่อยู่ หนูเลยเปลี่ยนเป็นถุงกระสอบข้าวสาร แขวนรอไว้ล่วงหน้าแล้ว ลุงซานต้ามาไว ๆ นะคะ หนูจะรอวันนั้นค่ะ จะได้ขอลายเซ็นด้วย เย้... เย้”



ตอบ : สารภาพว่าลุงซานต้ากำลังอ่านจดหมายฉบับนี้ด้วยมือที่ชุ่มเหงื่อ

อยากบอกเหลือเกินว่าลุงไม่ใช่ห้างโลตัสนะหลาน แต่ของที่อยากได้ใช่ว่าจะจัดหามาให้ไม่ได้ มันอลังการขนาดนี้ ลุงเลยอยากรู้ว่าหลานเป็นเด็กดีระดับไหน

ถ้าแค่เบ ๆ เช่นทิ้งขยะลงถัง หรือจูงคนตาบอดข้ามถนน อมยิ้ม 1 แพ็คก็น่าจะสมตัว แต่ถ้าเป็นความดีระดับโลก เช่นใช้กำลังภายในต้านอุตกาบาตที่พุ่งเข้าชนโลก หรือถวายชีวิตต่อสู้กับผู้รุกรานจากต่างดาว หลานอยากได้กำแพงเมืองจีนเป็นรางวัล ลุงก็บันดาลให้ได้ 

ดังนั้นลุงอยากให้หลานส่งหลักฐานการทำความดีมาให้ลุงและคณะกรรมการพิจารณาก่อน ส่วนของขวัญได้ไม่ได้ยังไง ลุงจะโทรเลขไปบอกอีกที

รับทราบแล้วนะหลาน..... โฮะ โฮะ โฮะ



************************************************


ฉบับที่ 5 จากน้องมาณิต กัดเคลือบพัส

“สวัสดีครับลุงซานต้า ผมอยากได้บัตรแร็คตลอดชีวิต หวังว่าลุงซานต้าคงหามาได้ ขอบคุณมากครับ ไปล่ะ”




ตอบ : ท่าทางหลานคงจะรีบเขียน สงสัยคงติดภารกิจอะไรสักอย่าง ลุงเดาเอาว่าคงไปอ่านหนังสือสอบ เด็กดีแบบนี้ลุงสนับสนุน 

ของที่อยากได้ลุงจะจัดส่งให้ทันทีภายใน 1 สัปดาห์ เป็นบัตรแร็คสีทองอร่าม ราคาสูงลิบลิ่ว แต่สำหรับเด็กที่รักเรียนอย่างหลาน ลุงบันดาลให้ได้เสมอ

อ้อ และไม่ต้องห่วงว่าบัตรจะใช้การไม่ได้นะหลาน เพราะลุงซานต้าได้ขูด Password และทดลองใช้แล้ว หลานวางใจได้ บัตรไม่ใช่ของปลอมแน่นอน


************************************************



เป็นไงบ้างครับ สำหรับความน่ารักของลุงอ้วนแดง คริสต์มาสทั้งที สมใจเด็กๆ น้องหนูๆ กันบ้างมั้ยเอ่ย นานทีปีหนซอกหลืบจัดให้อยู่แล้ว คริสต์มาสนี้ประเทศไทยหนาวจัด ผู้อ่านอย่าลืมดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ ปีหน้าถ้ายังมีบุญวาสนาถึงกัน เราคงได้เจอกันอีก

อยากบอกว่า ความสุขของน้องๆ ก็คือความสุขของลุงซานต้า...... เมอร์รี่คริสต์มาสนะหลาน โฮะ โฮะ โฮะ แค่ก... แค่ก

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน เด็กร้านเกม


(ต้นฉบับปี 2557)


อีกหนึ่งตำนานร้านเกม ที่ไม่เขียนถึงก็คงไม่ได้ เพราะพวกเขาเหล่านี้ครับ มีส่วนเติมเต็มให้กับสถานที่ ๆ เรียกว่า “ร้านเกม” ให้สมบูรณ์


ขอบคุณภาพประกอบจาก www.bloggang.com


พวกเขาคือ “เด็กร้านเกม”


หรืออีกโค้ดเนม ที่หลายคนเรียกจนติดปาก ไอ้พวกเด็กเปรตทั้งหลายนั่นแหละ หัวเกรียน ๆ ตัวผอม ๆ น้อย ๆ หน้าตาน่ารัก  น่าเอ็นดู



มันขาดไม่ได้นะครับไอ้พวกนี้ ถ้าร้านเกมขาดพวกนี้ไปแล้วจะต้องพบกับอะไรรู้มั้ยครับ


มันคือความสงบสุข!!!  เดี๋ยว.... ไม่ใช่แระ  ร้านเกมที่เงียบสงบนี่มันคือร้านเน็ตแล้วล่ะ  ร้านเกมของจริงต้องวึ่นวือ  ยั้วเยี้ย   เพลี้ยกระโดดสิถึงจะถั่วต้วม


อย่าเข้าใจผิดนะครับ ว่าเด็กร้านเกมคือเด็กที่เล่นเกมในร้านเท่านั้น  เล่นเกมก็ส่วนเล่นเกม  คนที่เล่นเกมก็ไม่ได้มีแต่เด็กเสมอไป



เด็กร้านเกมก็คือ เด็กที่อยู่ในร้านเกม อายุสูงสุดในตำแหน่งรับผิดชอบนี้ ผมให้ไม่เกิน 14 ขวบอ่ะ หน้าที่ของพวกเขาก็คือ เดินไปเดินมาอยู่ในร้านเกม ทางนั้นที ทางโน้นที คอยสร้างสีสัน และทำลายสมาธิของคุณเวลาเล่นเกม ทรงมันจะมาประมาณนี้


“เฮ้ยพี่ เล่นไรอ่ะ.....!!!”


แล้วมันก็เดินจากไป.....


“เฮ้ยพี่ เกมนี้ผมน็อคแล้ว....”


แล้วมันก็เดินจากไป......


คือเราก็หันไปมองนะ แต่ไม่รู้ว่ามึงต้องการจะสื่ออะไร คุยกับกูก็ไม่น่าใช่ พอเราหันมาจะคุยด้วย มันก็ตาลอย ๆ เดินไปดูเครื่องอื่นแล้ว



เป็นสเตตัสลอย ๆ  อะไรของมัน แล้วเด็กร้านเกมนี่มันไม่ได้มีคนเดียว มันก็มีกลุ่มเพื่อนของมันเหมือนกัน  เรียกว่าสร้างสีสันกันเป็นทีมเวิร์ค  เวลามาเป็นทีมมันจะมาทรงนี้ สมมุติว่ามา 2 คน


“เฮ้ยพี่ เล่นไรอ่ะ.....!!!”


แล้วมันก็เดินจากไป.....


“เฮ้ยพี่ เกมนี้ผมน็อคแล้ว....”


แล้วมันก็เดินจากไป......


ดูเหมือนเดิมใช่มั้ย..... แต่ไม่  คนพูดก็คนนึง ถามว่าอีกคนทำห่าอะไร แม่งยืนจ้องจอเว้ย  ยืนจ้องเหมือนจะเข้าสิงจอให้ได้ ไม่พูดอะไรเลย 



พอเรามองหน้ามัน มันก็หันมามองหน้าเรา ยิ้มให้ด้วยนะ แล้วมันก็มองจอต่อ  ไอ้เย็ดเป็ด  มึงต้องการอะไรจากคนเล่นเกมอย่างกูวะ 


ครับ  มันก็มองจอสักพัก แล้วมันก็จากไป...... ไปดูจอคนอื่น


จะว่าคล้ายเด็กเชียร์เบียร์ก็ไม่น่าใช่  เพราะพวกนี้มันก็ไม่ได้กระตุ้นให้อยากเล่นต่ออีกสัก ช.ม. ตรงไหน แล้วเวลาเครื่องว่างก็ไม่เห็นมันไปเล่นเกม บางทีจู่ๆ มันก็หายไป แล้วมันก็กลับมา หายไป......  แล้วมันก็กลับมา มาตอนไหน ตอนกูเล่นเกมทุกที


“พี่ ทำไมไม่เก็บของล่ะ ของดีนะ” 



พวกเขามักจะมีความห่วงใยให้เสมอ


“พี่ ระวังนะ หัวหน้าใหญ่มี 2 ร่าง” 



พวกเขามักจะเตือนสติเรา ให้อยู่ในความไม่ประมาท


“พี่ ทำไมไอเท็มถึงเก็บซ้อนกันไม่ได้ล่ะ” 



พวกเขามักจะมีอะไรให้เราขบคิดเสมอ


ผมกล้าบอกเลยว่า ทุกร้านต้องมี มีแบบไมได้ตั้งใจด้วย เพราะภูมิลำเนาของเด็กร้านเกม บ้านมันก็อยู่แถว ๆ นั้นแหละ บางคนมันอยู่ข้างร้านเกมเลย 



อ๋อ.... ที่มันหายไป มันกลับไปหาขนมกินที่บ้าน พออิ่มแล้วมันก็กลับมา บางคนมันเอาขนมมาเคี้ยวข้าง ๆ กุเลย  อิจฉามันจริง ๆ


ผมว่าเด็กพวกนี้ จะมองให้มันน่ารัก มันก็น่ารักนะ อย่างน้อยมันก็ไม่ปากดี ไม่ด่าอากงอาม่าเรา เวลาที่เราต้องการจอย 2 สักคน เด็กพวกนี้มันก็ช่วยเราได้ 



บางทีมันก็รออยู่  เมื่อไหร่จะชวนกูสักที   ยืนบอกใบ้ให้ตั้งนานแล้วว่าเคยเล่นเกมนี้นะโว้ย  น็อคแล้วด้วยนะโว้ย 


เวลาผมชวนเด็กพวกนี้เล่นเกม.... อารมณ์เหมือนผมได้ทำบุญทำทาน ช่วยเด็กยากไร้ในประเทศโซมาเรีย โอซาว่า  ถึงจะเล่นดูมั่ว ๆ แต่เค้าก็ดูสนุก   ผมก็สนุกไปด้วย


แน่นอนว่าถ้า มีด่าพี่กากจัง โคตรอ่อนด๋อยเมื่อไหร่  ผมจะเอาจอยเกมมัดแล้วเตะโด่งออกนอกร้านทันที



ขอบคุณภาพประกอบจาก www.internetcafe.in.th


เอาล่ะ ถ้าจะมาถึงขนาดนี้ก็คงต้องพูดถึงเด็กร้านเกมในดวงใจสักคน จริง ๆ ช่วงชีวิตการเล่นเกมในร้านของผมนะ มีเด็กร้านเกมมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ทั้งผ่านมา และผ่านไป 



ฟีลมันจะซาบซึ้งไปไหนวะ แต่ถ้าให้นึกถึงแค่คนเดียวจริงๆ ผมจะนึกถึง 


“ไอ้คง” 


โดยเฉพาะวันที่เราวิ่งตากฝนกลับไปกินข้าวโพดคั่วด้วยกันที่ห้อง.... ไม่ใช่ละ ไม่อีโรติกสิ


ตอนนั้นผมกับไอ้คงน่าจะห่างกันประมาณ 5 ปี ผม 15 ไอ้คงก็สัก 10 ขวบ เด็กตัวดำ ๆ หนา ๆ แรงเยอะผิดสเกลเด็กทั่วไป นิสัยนักเลง แต่เสือกมาอยู่ในร้านเกม



ฐานะทางบ้านไอ้คงจนมาก บ้านผมว่าจนแล้วนะ พอมาเจอมันผมรู้สึกตัวเองเป็นเศรษฐีขึ้นมาทันที เห็นแบงค์ยี่สิบยังกะแบงค์ร้อย   เจอมันครั้งแรกจำได้ว่าเล่นเกม "ดราก้อนบอล"


เกมบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไม่ได้วัดกันที่เทคนิคต่อสู้อะไรเลย วัดกันที่กดปุ่มต้านพลังรัว ๆ อย่างเดียว แล้วผมหัวเสียมาก ชนะคอมไม่ได้ ซอยจนนิ้วจะซ้นหมดแล้ว ไอ้คงมันยืนดูอยู่นานแล้ว เข้ามาแสดงความช่วยเหลือทันที


“พี่ ให้ผมช่วยมั้ย”


ตอนนั้นไอ้ผมก็นึกว่ามันเล่นเก่ง อ่ะ ไหนจะช่วย ช่วยยังไง ไอ้คงบอกเลย


“เดี๋ยวตอนที่กดปุ่มต้านพลังกัน ผมจะกดรัวให้เอง!!!” 



 ผมนึกในใจ ไอ้ชิบหาย.... มีแต่พละกำลังนี่หว่า อ่ะผมก็ลองดู 


พอให้มันกด โอ้โห.... มันรัวยับเลย เอา 2 มือช่วยกันตบ ๆ ๆ ๆ ๆ จิก ๆ ๆ ๆ ๆ เรียกว่าแลกจอยปุ่มพังกับชนะคอมได้นี่  มันยอมแลกแน่


เฮ้ย ๆ มึง......มึง พอเหอะ ความตั้งใจมึงเทพจริง แต่ฝีมือกากมากเลยว่ะ  ไปหาเวลาฝึกฝนด่วน  ผ่านไปตานึง  มันรัวปุ่มจนหอบ 



“ไม่ได้ผลเลยพี่ ยังสู้มันไม่ได้...... เอางี้ดีกว่า เดี๋ยวผมไปตามน้องๆ มาให้”


ผมก็ตกใจ  เฮ้ย จะไปตามมาทำไมวะ!!   แต่ไม่ทันแล้ว ไอ้คงมันวิ่งกลับบ้านไปแล้ว  มันไปตามน้อง ๆ ของมันมาจริง ๆ



มาอีก 3 คน!!!! ไอ้คนสุดท้องนี่ยังเดินน้ำลายยืดอยู่เลย เดินเตาะแตะๆ กันมาแบบงง ๆ  เฮ้ยยยยย มึงจะตามน้องมึงมาทำไม!!!!


“เดี๋ยวพวกเรามาช่วยกันกด ปุ่มมี 4 ปุ่ม พวกเราช่วยกันกดคนละปุ่ม!!!!”


ไอ้บ้า!!!  2 ปุ่มก็พอโว้ยยย


แต่ไม่ทันแล้ว  ไอ้คงจับจอยถูเลย มั่ว ๆ ๆ ๆ ๆ จนปล่อยพลังออกมาได้ พอเข้าสู่โหมดกดปุ่มรัว แม่งวางจอยละ ไอ้คงกับน้องบังเกิดเกล้าของมันก็รุมรัวปั๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ สนุกสนานกันเลยทีเดียว



ส่วนใหญ่ออกไปทางกระแทกกันเองมากกว่า จอยอันปิ๊ดเดียวรุมตั้ง 4 คน   มึงบ้าไปแล้วววว   ถั่มเพื่อคร๊ายยยยย


ส่วนผลลัพธ์ก็ไม่ต้องพูดถึง แพ้เหมือนเดิม..... ดีที่ผมต้องห้ามมันก่อน ไม่งั้นกลัวมันไปเชิญลุงป้าน้าอา โคตรเหง้ามาช่วยกดอีก



ถึงมันจะดูโง่.... ในแง่ปฏิบัติ แต่ในทางความรู้สึก เฮ้ย... ไอ้นี่มันได้ใจเราว่ะ จากนั้นมาเวลาผมเล่นเกมก็ให้มันเป็นจอย 2 บ่อย ๆ ไอ้พวกน้อง ๆ มันก็เป็นกองเชียร์


เช้า สาย บ่าย เล่นเกม ตอนเย็นเตะบอล..... 


เช้า สาย บ่าย เล่นเกม ตอนเย็นเตะบอล..... 


นี่เป็นลูปนรกในช่วงปิดเทอม เรียกว่าเจอหน้าไอ้คงจนเบื่ออ่ะ ไอ้นี่ก็โชคดีเนาะที่มารู้จักผม  เล่นเกมได้ไม่เสียตังค์สักบาท


เดี๋ยวนี้ผมว่า เด็กร้านเกมคงเริ่มจะสูญพันธ์ละ เพราะเดี๋ยวนี้เป็นร้านเกมคอม แล้วค่า ชม. ถูกมาก มีแค่ 5 บาทก็เล่นได้แล้ว ไอ้อารมณ์เด็กมามุงดูนี่ก็คงน้อยลงไปทุกที



แต่ถึงจะมี ก็คิดว่าไม่น่ารอดจากการถูกบ้องหัวไปได้ เพราะเดี๋ยวนี้คนแม่งหงุดหงิดง่ายชิบหาย


ระหว่างที่ความทรงจำสมัยเด็กเริ่มจะเลือนรางลงไปทุกที 



ผมเดินๆ อยู่ในซอยแถวบ้านเนี่ย จู่ ๆ ก็มีมอไซด์คันนึงมาเทียบข้าง ๆ แล้วก็บอกว่า


“พี่ๆ ขึ้นมั้ย เดี๋ยวผมไปส่งบ้าน”


ผมมองหน้ามันก่อน ใครวะ 



“คงไงพี่ พี่จำผมไมได้เหรอ ผมยังจำพี่ได้เลยเนี่ย พี่อยู่ที่เดิมหรือเปล่า เดี๋ยวผมไปส่ง!!!”


เฮ้ยยยย ผมเซอร์ไพรซ์มาก แต่ที่เซอร์ไพรซ์ยิ่งกว่า







“ตอนนี้ผมเปิดร้านเกมแล้วนะพี่ ถ้าพี่ไปเล่น ผมให้เล่นฟรี!!!”







ได้ยินแบบนี้ ผมยอมรับว่าโคตรรู้สึกดี ที่กูให้มึงเล่นด้วยวันนั้นจริง ๆ


วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน โซเชี่ยวเปรี้ยวปาก

(ต้นฉบับปี 2556)

   

ก่อนอื่นขอถาม เวลาคุณอยู่ในโลกโซเชียล การพูดคุยของคุณเป็นแบบไหน


แบบที่ 1!! มารยาทงาม สุภาพที่สุดในชีวิตเท่าที่จะทำได้..... 



คุยกับทุกคนด้วยความสุภาพ ไม่ว่าสนิทหรือไม่สนิท มีหางเสียงทุกพยางค์  ทั้งชีวิตไม่เคยเหน็บแนมใครเลย   โลกสวยที่สุด มองโลกในแง่ดี


และที่สำคัญ หลีกเลี่ยงการเมืองทุกชนิด โดยรวมบุคลิกน่ามอบโล่ หรือไม่ก็เอาโล่ไปถมหน้าบ้าน


หรือแบบที่ 2!! ยังอยู่ในขอบเขตของคนมารยาทงาม มีความสุภาพพอเล็กน้อยถึงปานกลาง...... 
บางจุดมีฝนตกเล็กน้อย 


สุภาพและระวังกับคนที่ไม่ได้สนิท และคนแปลกหน้าที่เจอกันครั้งแรก ส่วนกับพวกที่สนิทเลเวลแทบจะฉีกตูดดม  ปล่อยเกรียนเต็มที่  เล่นขี้กระจาย โลกสวยบ้าง ดาร์กไซด์ก็มีบ้าง ตามเลือดลมในแต่ละวัน 


การเมืองก็พอคุยได้ พยายามไม่ทะเลาะกับใคร แต่ลึกๆ เก็บอารมณ์ชิบหายเลย บางทีก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นไปฮุคท้องตุ๊กตากระต่ายเหมือนแม่เนเน่จัง


หรือแบบที่ 3!! ไอ้แบบนี้น่ากลัว เปรียบทุกคนในโลกโซเชียลเป็นเพื่อนสนิทกูหมด



เกรียนใส่ได้ทุกคน สามารถเป็นกันเองได้ทันทีแม้เจอหน้ากันครั้งแรก มีความไร้สาระในตัวเองสูง หยาบคายได้เป็นธรรมชาติทุกสถานการณ์ เรื่องการเมืองอะไรก็เอาหมด เหตุผลบ้าง อารมณ์ส่วนตัวบ้าง เรียกว่าคุยแบบไม่มีเก็บกั๊กอะไรสักอย่าง 


ไม่กลัวดราม่าด้วย ตราบใดที่ยังไม่มีระเบิดมาวางอยู่หน้าบ้าน


หรือแบบที่ 4!! ออกไปทางเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ทำหอกเหวอะไรเลย 



อ่านอย่างเดียว คิดซะว่าฟีดข่าวคือหนังสือพิมพ์ อ่านไปวันๆ แล้วก็นอยด์แดกไปวัน ๆ โอย ไม่ไหวแร้วนะแต่ละคน แต่ละโพสทำไมมันชวนจิตหดหู่เหลือเกิน ไปเล่นแคนดี้นะครัชดีกว่า.....


หรือแบบที่ 5!! เน้นชีวิตส่วนตัว 



เอาเว้ย โลกภายนอกใครจะตีกันยิงกันอะไรกุไม่สนละ โลกของกูอยู่นี่ เน้นบอกเล่าชีวิตส่วนตัวอย่างเดียว สร้างกรอบให้ตัวเองขึ้นมาเลย ชีวิตส่วนตัวเน้นๆ เท่านั้น 


เรื่องอะไร เรื่องกิน..... รูปอาหารทั้งวัน 


เรื่องรูปร่างหน้าตา.... โพสรูปตัวเองทั้งวัน 


เรื่องความรัก..... เหงามันทั้งวัน อ้าว ทำไม ก็ไอ้พวกคนโสดไง ทำอยู่ 3 อย่างแหละ ไม่เศร้า เหงา ก็เพ้อ


อ่อ แล้วพวกมีแฟนล่ะ ก็เหมือนกันแหละ เศร้า เหงา เพ้อ...... แฟนไม่รักไง ฮ่าๆ (เฮ้ย บางคนแม่งงี้จริงๆ นะ)


เอาล่ะพอๆ แค่นี้ก่อน เอาจริงๆ มันมีหลายแบบมากกว่านี้ (ความจริงคือขี้เกียจนึกละ) ส่วนตัวผมนี่อยู่ประมาณแบบที่ 2 และก็เป็นแบบนี้สม่ำเสมอมาหลายปีแล้ว ทั้งที่ในใจอยากเลิกชิหาย.... 



อยากเป็นแบบแรกเหมือนกันนะ ดูเป็นคนดีมากเลยอ่ะ อายุก็เข้าหลัก 3 แล้ว อยู่แถวบางเขนแล้ว ออกซ้ายแป๊บเดียวก็ถึงหลักสี่ มันน่าจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ แต่ก็อย่างว่า ถ้าเป็นผู้ใหญ่กว่านี้  จะมานั่งเขียนอะไรบ้าบออยู่แบบนี้เหรอ




มิตรสหายท่านนึงบอกผมว่า ผมว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คมันเป็นดาบ 2 คม



จริง ๆ ว่ะพี่ ผมก็เลยบอกมันว่า เออดี งั้นเอาโซเชียลเน็ตเวิร์คไปแล่เนื้อวัวกันเถอะ ทุ้ย ไม่ใช่  หมายถึงมีทั้งคุณมีทั้งโทษ ไม่ใช่เป็นดาบจริง ๆ


สำหรับบางคนนี่คือโลกแห่งความสุขเลยนะ แต่สำหรับบางคน ที่นี่ก็คือโลกแห่งดราม่าเช่นกัน พร้อมจะไฟว้กันได้ตลอดเว


ถ้าเรามีพื้นฐานดีนะครับ มีเพื่อน พี่ น้อง ครอบครัว เวลาเรามาอยู่ในโลกโซเชียล  เราก็จะมีกรอบที่แข็งแรงอยู่แล้ว  การคุยกันจะเป็นเรื่องง่ายดายและไม่ต้องคิดมากอะไรเลย



ไม่ต้องแสวงหาเพื่อนในเน็ต ทุกอย่างดูเต็มอยู่แล้ว กลายเป็นว่าโซเชียลเน็ตเวิร์คมาเสริมให้ความสัมพันธ์ที่มีแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก


แต่ถ้าพื้นฐานเราคือเกรียน!!! ฮ่าๆๆ หรือพื้นฐานเราคือเกมออนไลน์!!! มันก็จะเป็นอย่างไอ้คนเขียนเนี่ย  รอบตัวเป็นคนแปลกหน้าซะ 80% เพื่อนจริงเป็นชนกลุ่มน้อย ครอบครัวไม่มีเลย 



พวกที่ไม่แอดทางบ้าน ส่วนใหญ่จะคล้ายๆ ผมเนี่ย ที่ไม่แอดเพราะไม่อยากให้วงศ์ตระกูลต้องมารับรู้ ว่าลูกหลานเกรียนกากหื่นกามขนาดไหน เราอยากเป็นอิสระเต็มที่ไง มันไร้สาระซะจนดวงวิญญาณบรรพบุรุษแทบจะมาเกิดใหม่  ถือมีดดาบตามไล่ฆ่าไอ้ลูกหลานคนนี้กันเลยทีเดียว


ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ต้องทำความเข้าใจอย่างนึงครับ ว่าพื้นฐานคนรอบตัวคือคนรู้จัก มันเป็นกันเองมากไม่ได้ พวกนี้เดินเฉี่ยวกันในเซิฟก็แอดเฟรนด์ได้แล้ว



จะคุยอะไรก็เกรงใจทางบ้านเค้าหน่อย เขาอาจมีเชื้อเจ้าก็ได้  เจ้าขุน เจ้านาง..... เปล่า เจ้ามือป็อกเด้งนี่แหละ ตลกทำไมก็ไม่รู้ สรุปคือจะพูดอะไรมันก็ต้องระวัง


แต่ที่มันมีดราม่า ก็เพราะไอ้บางคนนี่แหละ มันคงถือว่าแอดเพื่อนกันแล้วมันก็คือเพื่อนกันจริงๆ ไม่รู้ล่ะ ถึงเราจะยังไม่รู้จักกัน แต่มึงเป็นเพื่อนกูแล้ว เวลาคุยเป็นกันเองได้โคตร ๆ



วันแรกเรียกคุณ วันที่ 2 นาย ตั้งแต่วันที่ 3 เป็นต้นไป มึงกูยาวตลอดเบย อ้าว สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่บอกกันบ้าง 


บางคนเค้าถือนะ ผมนี่โดนบ่อยมาก แต่ด้วยสเตตัสสาธารณะครับ ก็ต้องเสแสร้งสนิทกันไปแบบมึน ๆ อืม ๆ


เอาจริง ๆ ก็ยังพอคุยได้ ไม่โกรธ ไม่หือ ไม่อือ ประคองความรู้สึกไป เล่นถึงพ่อแม่เมื่อไหร่ค่อยโบกแท๊กซี่ไปเฮดชอตมัน


เอาจริงๆ ผมว่าตอนนี้ แนวคิดในการเข้าหามันมีอยู่ใหญ่ ๆ 2 แบบ คือมาแบบสุภาพ กับมาแบบเกรียน ๆ ไปเลย


สุภาพนี่ก็เกรงใจซะเหลือเกิน พวกนี้เคยคุยด้วยแล้วแบบ โห.... ทำไมต้องเกรงใจ พูดเพราะขนาดนั้น ขออนุญาตมันทุกประโยค 



ส่วนมาแบบเกรียนนี่ มึงจะเกรียนไปไหน ถือว่าอีกคนกระชากคอเสื้อผ่านหน้าคอมไม่ได้ เลยไม่ต้องเกรงใจกันแล้ว


มันมีข้อดีคนละแบบนะ สุภาพ เกรงใจเกินไป โอเคไม่เคืองกันก็จริง แต่มันก็สนิทกันช้า เกรียนมากไป โอเคมันได้เป็นกันเอง แต่ถ้ามากไปก็จะพาลเกลียดกันง่าย ๆ เหมือนกัน


ถ้าถามว่าแบบไหนดีที่สุด ตอบไม่คิดเลยว่าเจอกันที่ครึ่งทางดีที่สุด



จะเกรียนจะสุภาพก็ว่ากันไปตามจังหวะและเลือดลม เราต้องสังเกต ด้วยว่าไอ้คนที่เราคุยด้วยเนี่ย เล่นด้วยได้มั้ย เป็นคนแบบไหน แรก ๆ ก็ทักแบบสุภาพ ๆ ดูเชิงไปก่อน  พอสังเกตว่าเฮ้ยเล่นได้นี่หว่า ก็เริ่มเกรียน แล้วก็ยาวไป


บางคนอคติกับพวกเกรียนเลยก็มี  ถือมาก ๆ ต้องสุภาพตลอดในฐานะคนไม่สนิท  ตกหางเสียงไปประโยคนึงแทบจะมองเป็นคนไร้การศึกษา น่าเอาคำราชาศัพท์มาคุยประชดมัน  สวัสดีพระยะค่ะแม่งเลย




ถึงตรงนี้  ถามว่าทำไมจู่ ๆ ผมเอาเรื่องนี้มาพูด


ผมว่าเดี๋ยวนี้โลกโซเชียลมันเครียดไปไหม  มีคนทะเลาะกันทุกวัน นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้  เถียงได้เถียง  ยอมได้ก็ไม่ยอมกัน  
เพราะอะไร


เพราะแค่ไม่สนิท  ไม่ได้รู้จักกันเว้ย   บางทีมันทะเลาะกันได้เพราะคำพูดนิด ๆ หน่อย ๆ แท้ ๆ  ทั้งที่ถ้าปรับการพูดคุยให้ดี ๆ ผมว่าสังคมนี้โคตรน่าอยู่อ่ะ คุณจะได้เพื่อนใหม่ทุกวัน


ไม่ใช่คุยเพื่อเอาชนะ ชนะแล้วได้อะไร จะมีใครส่งกิฟวอยเชอร์ไปให้เหรอ


มองคนอื่นแล้วผมก็มองดูตัวเอง จริง ๆ เรื่องแบบนี้มันแก้ง่าย ๆ ที่ตัวเองจริง ๆ นะ ให้ระวังการพูดคุยแค่ตัวเองก็พอ เข้าหาใครก็คุยดี ๆ 



ส่วนใครจะเข้าหาเราแย่แค่ไหน ก็อย่าไปแย่ตอบ เกรียนพอได้แต่อย่ากุ๊ย


ลองถามตัวเองดูครับว่า วันนี้เราให้เกียรติคนที่เราคุยด้วยมากแค่ไหน  ใจเขาใจเราครับ 



ไอ้ปรัชญาใหม่ประเทศไทย “อยู่ที่ไหนก็ตีกันได้เนี่ย” ให้มันเป็นมุกก็พอ  เว้นหน้าจอไว้บ้างก็ดีนะ

วันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน เกมเมอร์กาก

(ต้นฉบับปี 2556)

          


วันนี้ได้คุยกับน้องคนนึงครับ สนุกทีเดียวเกี่ยวกับชีวิตสมัยเรียน ทั้งที่จริง ๆ ชีวิตวัยนั้นผมก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ออกไปทางทำเควสจบ เอาตัวรอดออกมาทำงานมากกว่า 


ย้อนมองตัวเองไป จะมองว่าผมใช้ชีวิตช่วงนั้นได้ล้มเหลวมากก็ได้ เพื่อนก็น้อย มีแค่กลุ่มเล็ก ๆ ความผูกพันกับสถาบันก็น้อยถึงขั้นไม่มี


ชีวิต 80% อยู่กับการเล่นเกมซะส่วนใหญ่ เรื่องหนีเรียนขั้นเทพ ออกหนังสือสอนฮาวทูยังได้เลย   แต่ก็ไม่รู้จะออกมาให้สังคมประณามเล่นทำไม 


จริงๆ อีก 20% ที่เหลือ  ไม่ใช่ 10% อยู่บ้านกับโรงเรียนเท่าๆ กันนะ ไอ้ 10% อ่ะบ้านเพื่อน  และอีก 5% เป็นโรงเรียนกับบ้านอย่างละเท่า ๆ กัน ไงล่ะ ถามจริงเถอะ มันน่าเอามาเขียนอวดเขามั้ยเนี่ย 


พอบอกว่าชีวิต 80% อยู่กับร้านเกมซะส่วนใหญ่


โอ้โห.... น้องถึงกับตบเข่าฉาดใหญ่ พี่!!! ถ้ามันจะมากมายขนาดนี้ ยังกะพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่น พี่ยอมสูญเสียชีวิตอันมีค่าในรั้วโรงเรียน เพื่อทุ่มเทให้กับการเล่นเกม!!! เรื่องเกมพี่ต้องขั้นเทพแน่ๆ!!! ชิมิเคอะ


กูตอบเลยครับน้อง 


“พี่นี่แหละเกมเมอร์ระดับโคตรกาก!!!” 


มันกากจริงอะไรจริง ถือถ้าจะเอาตัวอย่างคนที่ใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์  ผมนี่แหละคือชิ้นเนื้อตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด


แต่มันก็ควรจะจริงอย่างที่น้องเค้าคาดหวังนะ มึงเล่นสละการศึกษาไปอยู่แต่ในร้านเกมแล้ว  อยู่กับมันขนาดนั้นต้องเป็นมหาเทพแล้ว!!! คุณต้องรู้ทุกอย่างดียิ่งกว่าอับดุล


เข้าใจนะครับว่าเคสนี้น้องคงดูหนัง ดูการ์ตูนมากไป คนอย่างเถ้าแก่น้อย สองร้อยปีจะมีอวตารมาเกิดสักคน แต่ถ้าคนอย่างพี่นะ โอ้ย เกลื่อนกลาด นับกันไม่หวาดไม่ไหว 


เกมเมอร์ระดับกากนี่เยอะครับ  ใครอยู่กลุ่มผมก็ใช่  ใครเป็นเพื่อนผมก็ใช่  ผมเชื่อว่าเราประเภทเดียวกันว่ะ คือเราไม่ได้เข้าร้านเกมเพื่อไปศึกษา ไปฝึกฝน  ร้านเกมไม่ใช่เขาเหลียงซาน   คือมันเข้าไปแบบไม่มีเป้าหมาย หลัก ๆ เพราะมันไม่อยากเรียน อยากเล่น เล่นสนองนี๊ดไปเรื่อย ๆ สะสมบ่มความเกรียน เพราะงั้นไอ้พวกเนี้ย ถ้ามันออกไปสู่โลกกว้าง แม่งขี้กากเลย 




ถามผมว่า อ้าว แล้วถ้าตัวเองระดับกาก แล้วระดับกลาง ไปถึงขั้นเทพนี่ มันเป็นยังไง กากกับเทพมันต่างกันตรงไหน 


มันต่างกันที่ความรู้ครับ..... ความรู้ในเรื่องเกม เครื่องเกม การออกแบบเกม ประวัติเกม ถ้าขั้นเทพก็ต้องเล่นเก่งด้วย ไปแข่งชิงแชมป์ มีเกรียติประวัติ มีตำนานไว้เล่าขานบ้างอะไรบ้าง มีคนรู้จักชื่อเสียงบ้าง


และที่สำคัญพวกนี้รักจริงชอบจริง ของสะสมมันก็ต้องมี ดูรวมๆ ได้ภาพพจน์ของ “นักเล่นเกม” หรือ “มีงานอดิเรกคือเล่นเกม” แน่นอนว่าพวกนี้แบ่งเวลาเป็นครับ เรื่องเรียนตีคู่กันไปได้อย่างสวยงาม คาดว่าชาติที่แล้วคงตักบาตรด้วยเครื่องเพลย์เป็นนิจ 


แล้วระดับกากน่ะมันเป็นยังไง


พวกเราเนี่ยครับ เป้าหมายในชีวิตมีแค่ 2 อย่างเท่านั้น คือ เล่นให้น็อค กับเล่นให้ชนะเพื่อน หมกมุ่นอยู่แค่นี้


น็อคนี่หมายถึงเล่นจบเกม เคลียร์เกมนะ ไม่ใช่เล่นข้ามคืนจนน็อคสลบคาเครื่อง  เดี๋ยวนักข่าวก็ได้ลูบปากกันอีกหรอก พวกนี้ยิ่งรู้เวอยู่ด้วย   พวกกากอย่าไปถามเรื่องราวใด ๆ เกี่ยวกับวงการเกมคอนโซลเลย  ขนาดคอนเน่ที่มันแดกทุกวันระหว่างเล่นเกม มันยังไม่รู้ว่าทำมาจากอะไรเลย  มันฝรั่งหรือมันสำปะหลังเปล่าวะ ต่อมสงสัยหรือต่อมอยากรู้อะไรไม่มี  ถึงมีก็ไม่เคยเอาออกมาใช้งาน 


เชื่อมั้ยตอนเด็กผมเล่นสตรีทไฟเตอร์ภาค 2 เล่นมาตั้งหลายปี ไม่เคยสงสัยเลยว่าแล้วภาค 1 มันหายไปไหน เพิ่งมาสงสัยตอนเริ่มทำงาน ตอนที่เริ่มเพลา ๆ เรื่องเกมไปบ้างแล้ว



หรือไม่เคยอยากรู้เลยว่า ไอ้ปืนกระจู๋น้อยของร็อคแมน มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง ทำไมมันต้องเป็นกระบอกข้าวหลามสวมที่มือแบบนั้น




หรือเกมมาริโอ้อันแสนคลาสสิค ทำไมมันถึงทำให้เล่นพร้อมกัน 2 คนไม่ได้ ทำไมต้องเล่นทีละคน มันจะมีใครตายรึยังไงวะ!!! ทำไม!!


นินเทนโด้กลัวพี่น้องจะเอามีดแทงกันตาย  เพราะแย่งกันแดกเห็ดรึไง 


เออ.... เนอะ ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงมาสงสัยเอาตอนที่ไม่ค่อยได้เล่นแล้ววะ 


แล้วความสุขของระดับกากอยู่ที่ใด 


ความสุขของเกมเมอร์ระดับกากอย่างผมก็คือ เล่นไปเรื่อย ๆ รอเกมใหม่ออก รอเครื่องเกมใหม่ออก รอกระแส เกมไหนเขาเล่นกันเยอะก็เล่นด้วย เกมไหนเป็นกระแสก็เล่น เล่นไปวัน ๆ ขี้โม้ ขี้แพล่มไปวัน ๆ 


หนังสือเกมจะอ่านตามข่าวสาร ไม่มีหรอกครับ เปิดข้ามไปหมด สนแต่บทสรุปเกม เพราะมันเล่นไม่ผ่านไง ต้องให้หนังสือชี้ทางสว่าง กับสูตรปล่อยท่าไม้ตาย..... อันนี้ก็ข้ามไม่ได้


ระหว่างอ่านไปก็พึมพัมไป ยิ้มมุมปาก เดี๋ยวมึงโดน เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงโดน...... ก็บอกแล้ว ว่าในหัวกบาลพวกเรามันคิดอยู่แค่นี้ 




เออ แล้วถ้าตอนนี้มาถามผมว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะเปลี่ยนตัวเองจากระดับกาก ให้เป็นระดับเทพมั้ย ก็คงไม่ เพราะเราก็กากไปตามที่ใจเราอยากเป็น เหมือนเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เหมือนเมสซี่ที่เกิดมาเพื่อเตะบอล


และที่สำคัญ เราไม่ได้อิจฉาพวกระดับเทพ!!! จริงจริ๊งงงง ไม่ได้อิจฉาเล๊ยยยย!!!! จะถามทำมั๊ยยยยยย!!!!! ยังไงมันก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้อยู่แล๊ววววว!!!!! ไอ้บร้าเอ๊ยยยย!!!! ทำไมต้องเสียงสูงด้วยว๊าาาา.....!!!! 


แต่ผมว่าคนจะเก่งไม่เก่ง เทพไม่เทพ มันอยู่ที่เซนท์การเรียนรู้ด้วยนะ พอโตขึ้นมานี่สรุปได้เลย ถ้าคนมันเก่งจริง มันไม่ต้องหมกตัวอยู่แต่กับเกมก็ได้ เล่นบ้าง อ่านบ้าง ตามข่าวบ้าง ศึกษาเทคนิคบ้าง ความยาวนานไม่ได้ช่วยอะไรเลย   ถ้าคนที่อยู่กับเกมทั้งวันทั้งคืน อยู่กินกับมันนาน ๆ แล้วต้องเป็นเทพหมด โอ้โห.... ป่านนี้เทพเกลื่อนเมืองแล้ว วงการเกมประเทศไทยคงเป็นที่หนึ่งในโลกแน่แท้


แล้วผมเองก็คงไม่ต้องมานั่งจิ้มคีย์บอร์ดหากินกับคอลัมน์นี้แน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆ โอย..... เฮ้ย ทำไมน้ำตาไหล  ซาบซึ้งหรืออนาถตัวเองกันแน่ 


แต่ระดับกากอย่างพวกเรานี่แหละ ที่ทำให้วงการเกมมีสีสัน พวกเราก็มีความคิดริเริ่มอะไรใหม่ ๆ เหมือนกัน ในเมื่อเอาดีทางเล่นเก่งไม่ได้ เราก็เน้นบันเทิงกัน เน้นทำลายความเงียบสงบในร้านเกมกันไป เน้นบ้าบอล่อกันเอง ไม่ด่าใครแต่ด่ากันเอง ไม่ทำร้ายใครแต่ทำร้ายกันเอง



เป็นตัวอย่างให้แก่สังคมก็ได้ ถ้าใครอยากมีอนาคตที่ดี มองพวกผมไว้แล้วอย่าทำตาม แค่นั้นแหละ


เราจะเป็นขั้วตรงข้ามของความเทพ เพื่อให้วงการเกมมีสมดุล เวลาพวกเทพไปแข่งถ้าไม่มีพวกเราคอยยืนร้อง หู้ววว.... โอ้ววว......เหยดดดดด..... สุดยอดอะไรเยี่ยงนี้ โคตรเทพเลยอ่า เสริมบารมีให้พวกคุณ วงการจะอยู่กันได้มั้ย 


แต่ผมก็เชื่อว่า ช่วงติดเกมแบบกาก ๆ มันก็เป็นช่วงเวลานึง ถ้าเป็นคนอื่นอาจมองว่า โห.... นี่คือความล้มเหลวของชีวิตเลยก็ได้ แต่ใครล่ะที่จะอยู่แบบนี้ไปตลอด


ผมมองพวกเพื่อนๆ ที่เคยติดเกมด้วยกันมา ทุกวันนี้ก็ยังขับรถสวนกันอยู่ ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำมาหากินกันหมด ใครมันจะบ้าสิงร้านเกมไปตลอดชีวิต ไม่ทำมาหากินอะไรเลย 


แต่เราก็เลือกที่จะมองได้ มองให้มันเป็นประสบการณ์ อย่าคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่หลงผิด ล้มเหลว อย่างน้อย ๆ ทุกวันนี้พวกกากอย่างเราก็ดึงหลักการดำเนินชีวิตเหมือนๆ กับการเล่นเกมนี่แหละเอามาใช้ คือเล่นไปให้สนุกในทุก ๆ วัน  อย่าคาดหวังอะไรมาก 


ทุกวันนี้ถ้าใครได้คุยเรื่องชีวิตติดเกมอย่างพวกเรา ระดับกากนี่แหละคือโคตรแห่งสีสันและความบ้าบอเลย ถ้าอยู่เป็นหมู่คณะจะเล่าได้มันส์มาก ย้อนอดีตกันเป็นวันก็ไม่จบ 


อาจไม่มีปรัชญา แต่ถ้าเอาฮาขอให้บอกพวกเรา


เอาล่ะ จงภูมิใจในความกากของตัวเองซะนะ!!

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ปล่อยวางบ้างอะไรบ้าง

(ต้นฉบับปี 2556)


จริงๆ แล้วการเล่นเกมเนี่ย จัดอยู่ในหมวดของการคลายเครียดนะ


แต่ถามกันอย่างไม่โกหกเลยว่า ใครเล่นเกมแล้วไม่เครียดจริงๆ บ้าง ใครเข้าร้านเกม 3-4 ชม. แล้วผ่อนคลายสบายชีวา เดินออกมาจากร้านแทบจะกระโดดฉีกขากลับบ้าน โอ้ว ทำไมมันถึงผ่อนคลายแบบนี้



โอ้โห  นี่ก็เวอร์ไป๊


เกมคือการแข่งขันต่างหากเฟ้ย!!  มันคือสังเวียนต่อสู้อย่างแท้จริง บางคนในโชว์เสี้ยวเน็ตเวอะ  ถึงกับให้คำนิยามโคตรเท่ห์ว่า เกมเมอร์มันก็คือ "นักสู้" นี่แหละ


เราคือนักสู้ โอเค ขอแวะแป๊บนึง เรามานึกภาพนักสู้กัน



นักสู้ หัวเกรียนๆ นะ..... ปากห้อยๆ ฟันเหยินๆ ตาเหลือกๆ ขอบตาคล้ำ มือข้างนึงถือเม้าส์ลงอาคม อีกข้างถือคีย์บอร์ดปลุกเสก... จากวัดเกรียนขบ ใส่ชุดนักเรียนที่ไม่ได้ซักมา 3 วัน เพราะนอนค้างที่ร้านเกม ถุงเท้าย้วยไม่มียางยืด


เอาล่ะ.... พอแค่นี้ก่อน  กลัวว่าจะไปจบที่มีนกหวีดและผ้าโพกหัว เล่นเกมอย่างเดียวว้อย!!  ไม่ได้ไปก่อม็อบ 


เมื่อพิจารณาดังโน้นแล้ว   นี่มันนักสู้สมัยกรุงแตกชัดๆ บร๊ะ!! ถึงจะเกรียนคลาสิคขนาดนี้  แต่นี่แหละก็คือนักสู้ อย่าไปลบหลู่ จิตวิญญาณมันออกมาจากภายใน!!! 



เพียงแค่คุณกดล็อคอิน เข้าเกม หรือหยอดเหรียญ อะไรก็ตาม คุณก็ต้องพร้อมเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความกดดัน เข้าสู่ช่วงเวลาที่แพ้ไม่ได้!!! 



ลองแพ้ขึ้นมาสิ ไอ้คำถากถาง อ่อนด๋อย ไอ้กาก ไอ้โจ๊ก ไอ้เปียก มันจะต้องติดตามหลอกหลอนตัวคุณไปจนกว่าจะมาได้แก้มือ บางคนถึงขนาดต้องใช้วิชามาร วิชาโกงสูตรเพื่อเอาตัวรอดกันเลยทีเดียว


ว่ากันด้วยเนื้อแท้ ไม่มีใครเล่นเกมเพื่อผ่อนคลายจริงๆ หรอก ทุกคนล้วนอยากเป็นที่หนึ่ง ไม่งั้นจะมีแข่งเกมไปทำไม ไม่งั้นจะมีคนที่เล่นเกมเก่ง อ่อน ไปทำไม



เราเล่นเพราะมันสนุก!!   มันมีเรื่องราว มันได้ออกอาการ มันไม่น่าเบื่อ..... ซึ่งมันต่างจากเวลาเรียน และทำงาน ที่เราต้องทำอะไรตามคำสั่ง แต่เมื่อเวลาเราเล่นเกม เราได้ออกคำสั่ง!! เราได้เป็นผู้บังคับ!! อารมณ์มันเลยต่างกัน


เกมถ้าเล่นแต่พอดี มันก็เหมือนเป็นยานะครับ มีประโยชน์แน่นอน ถ้าเอามาใช้ตามหยิน-หยาง เอาเกมมาถ่วงดุลชีวิตที่แสนจะเครียดจากการเรียน การทำงาน เครียดมากๆ เครียดจัดๆ เอามาปลดปล่อยในเกม ปล่อยให้หมด สมองมันก็โล่ง เตรียมความพร้อมที่จะไปเครียดในวันต่อไปอีกที พอไม่ไหวก็กลับมาเล่นเกม หมุนวนไปแบบนี้


แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น มันก็ยังมีบางคน  ที่ทำให้ตัวเองเครียดเพราะเล่นเกม เอาเกมมาทำลายตัวเอง ใจคอจะเก่งแต่แค่ในจอ 



คนแบบนี้มีอยู่จริง ไม่ต้องมองไหนไกล ในร้านเกมทั่วๆ ไปมันก็ต้องมี หรืออาจจะเป็นคุณซะเองที่เป็นก็ได้  คลาสสิคจะมีอยู่ 3 แบบ


แพ้ไม่เป็น!!   รับไม่ได้!!   คิดว่าตัวเองเก่งชิบหาย!!


แพ้ไม่เป็น...... เรื่องแพ้ชนะเป็นเรื่องปกติ แต่สภาวะแบบนี้  เวลาแพ้มันจะออกอาการมากเป็นพิเศษเพิ่มข้าว สีหน้าจะเคียดแค้นเหมือนมีคนเอาหนังสติ๊กไปยิงไข่พ่อมัน และตาต่อไปมันจะมุ่งมั่นเอาชนะเป็นพิเศษ



และส่วนใหญ่เชื่อเหอะ ต่อให้มุ่งมั่นก็แพ้อีกน่ะแหละ จากนั้นไม่อาละวาด ก็ร้องไห้จิกเม้าส์ จิกจอย อะไรก็ว่ากันไป


รับไม่ได้...... ธรรมชาติคนเล่นเกม ไม่มีใครอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดได้ทุกวัน มันก็ต้องมีบ้างที่บางวันจะเล่นผิดฟอร์มไปบ้าง อะไรบ้าง 







ถ้ารับได้ก็แล้วไป แต่บางคนมันก็ยึดติดกับฟอร์มอันสุดยอดของตัวเองเกินไป เล่นผิดฟอร์ม ผิดจังหวะ ทำอะไรผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ เก็บมาเป็นอารมณ์ซะหมด  แบบนี้ก็ตายห่าสิครับ เล่นไปก็ใส่อารมณ์ไป หน้าหงุดหงิดเหมือนประจำเดือนมาที่ร่องตูด เห็นแล้วก็ทุเรศลูกตา 


คิดว่าตัวเองเก่งชิบหาย...... มิตรสหายท่านนึงบอกผมว่า พวกที่เก่งจริงเค้าไม่อวดตัวเองหรอก เขาจะฝึกให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะเค้าสนุกกับการพัฒนาตัวเอง 
ส่วนไอ้พวกที่คิดว่าตัวเองเก่ง ส่วนใหญ่มันจะเก่งประมาณนึงอ่ะ  มันไม่ได้สนุกกับการพัฒนาตัวเอง มันจะสนุกกับการอวดตน ข่มคนอื่น พัฒนาท่าขี้เก็กของมัน และการทำตัวเองเป็นกูรู 


พวกนี้มันจะมีความสุขบนความระแวง เพราะมันจะกลัวเจอคนที่เก่งกว่ามันจริงๆ สักวัน หรือกลัวจะแพ้ใครแบบหมดฟอร์มขึ้นมาสักวัน หาได้เสพย์ความสนุกจากเกมจริงๆ ไม่ 






ถึงตรงนี้ผมสารภาพตรงๆ เลยครับว่า ผมเองตอนเด็กๆ ก็เคยเป็นครบหมดแล้วทั้ง 3 อย่าง



พอเราจมอยู่กับตรงนี้มันเครียดจริงๆ ครับ เราจะเล่นเกมเหมือนโดนของ โดนบังคับให้ต้องเล่นอ่ะ ไม่มีใครอยากเลิกเล่นเกมตอนเครียดทุกคนอยากเลิกเล่นตอนที่ถึงจุดสุดยอดทั้งนั้น 


แพ้ไม่เป็นก็ต้องเล่นให้ชนะจนพอใจ รับไม่ได้ ก็ต้องเล่นมันอยู่อย่างนั้น จนกว่าจะรับได้ อยากจะรักษาความที่ตัวเองเก่งไว้ ก็ต้องเล่นแบบระวังตัวเองอยู่ตลอด ไม่ให้เผลอแพ้แบบเสียหมา


มันเป็นการยึดติดที่แบบ.... เหมือนเป็นเวรเป็นกรรม ที่ติดมาจากชาติที่แล้ว  ทำไมมันต้องตึงเครียดขนาดนั้น ทำไมต้องเหมือนล่ามโซ่ตัวเองติดไว้กับเครื่องเกม ผมเคยอยู่แบบนี้นานมาก เป็นเดือนๆ กว่าจะรู้ว่า..... เราควรปล่อยวางมันบ้าง ก็โดนเกมแดกร่างไปเกือบครึ่งตัวแล้ว


ผมเคยยึดติดกับการเล่นเกมมากๆ เพราะไม่รู้จะไปยึดติดกับอะไร เพื่อนก็รู้จุดขายเรามันเล่นแต่เกม คิดดูถ้าเราเล่นแต่เกม แล้วยังเล่นไม่เก่ง มันจะไปเหลืออะไร มันก็ไม่เหลืออะไรแล้ว!



แต่เอาจริงที่มันไม่เหลือ เพราะเราไม่คิดจะเปิดรับอะไรใหม่ๆ มากกว่า


ผมว่าคนหนึ่งคน มันทำอะไรได้หลายอย่างนะ แล้วก็ทำได้ดีมากกว่า 1 อย่างด้วย ไอ้ประเภทเทพที่ฝึกฝนวิชาอย่างบ้าคลั่ง จนเป็นเทพอะไรสักด้าน ทั้งหมดทุ่มให้กับสิ่งๆ เดียวเหมือนในการ์ตูน  มันก็ไม่ใช่ไม่ดี  แต่ชีวิตจริงมันไม่ได้การ์ตูนขนาดนั้น



ผมคงไม่แนะนำว่า ให้ลองปล่อยวาง นั่งสมาธิ จะให้ไปบวชเลยมั้ย ไม่ต้องขนาดนั้น การปล่อยวางเป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าทำได้ก็ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ ลองหาอะไรที่เบี่ยงความสนใจจากการเล่นเกมมาบ้าง 



อะไรที่ทำให้วันไหนเราไม่ได้เล่นเกม เราก็อยู่กับสิ่งนี้ได้และมีสมาธิไม่แพ้กัน


ซึ่งช่วงนั้นผมก็หลุดพ้นมาได้ครับ ด้วยการดูหนังโป๊ (โห ไอ้สัส หักมุมเกิ๊น!!!)  จำได้ว่าหมกมุ่นมาก เกมอะไรช่างแม่ม เล่นไม่ดี แพ้เขากลับมาก็ไม่เครียด  กลับบ้านเปิดหนังโป๊ประโลมจิตกันไป  น้ำตาจะไหล ไอ้ชิบหาย..... นี่มึงกำลังแนะนำอะไรเยาวชนอยู่วะเนี่ย



อืม  แต่ก็.....  ก็ไม่ทั้งหมดนะ นี่เป็นส่วนนึง ยังมีวาดการ์ตูน เชียร์บอล ดูบอล เล่นกีฬา เห็นมั้ย.... ดีๆ ก็มีโว้ย


ถ้าเราหาอะไรทำเยอะขึ้น โอกาสที่เราจะปล่อยวางจากความเครียดเวลาเล่นเกมก็มีมากขึ้น มันก็ทำให้เรามีสกิลเพิ่มด้วย แต่ข้อเสียก็มี อย่าปล่อยวางนานเกินไป ระวังกลับมาอีกทีฝีมือตก จำได้ผมหายไปเตะบอลพักใหญ่ กลับมาเล่นอีกทีแพ้เด็กขายปลากัดเฉย ซึมไปเหมือนกัน


คนเป็นแชมป์เกมเขาก็ไม่ได้อยู่กับเกมตลอดเวลา และคนที่เซียนๆ  เก่งๆ ที่ผมรู้จัก เขาก็ไม่ได้สิงร้านตลอดเวลา แต่ฝีมือนี่เก่งกว่าคนที่อยู่ในร้านตั้งแต่เช้ายันมืดอย่างผมซะอีก


ผมว่า ถ้าใครเจอปัญหาเล่นเกมแล้วเครียดมากๆ ลองเอาไปปรับใช้ดู อาจไม่ทำให้เล่นเกมเก่งขึ้น แต่มันก็ดีกับชีวิตประจำวันนะเออ



วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ ตอน 5 กลวิธีแก้เบื่อ

(ต้นฉบับปี 2547)

กลวิธีแก้เบื่อ สำหรับคนเล่นแรคทั้งหลาย

ท่านกำลังประสบปัญหาอยู่ใช่ไหม



การเล่นแรคของท่านมันเริ่มน่าเบื่อแล้วใช่ไหม ต้องเจอหน้ามอนสเตอร์เดิมๆ เก็บเวลน่าเบื่อซ้ำซาก เป็นอย่างนี้มาหลายปีแล้วใช่มั้ย ใช่มั้ย ใช่มั้ย… ว้อยย.!!


ก็ใช่อ่ะครับ ไอ้ผมก็เป็นคนนึงที่เริ่มเบื่อซะแล้ว แต่ถึงเบื่อก็ยังเล่นอยู่ ซะงั้น เมื่อก่อนเล่นเกือบทุกวัน วันละ 3 ชม. หลังๆ ก็เริ่มลดลง เหมือนอดอาหาร 



จาก 3 เหลือ 2 หลังๆมาก็ลดอีก จาก 2 เหลือ 1 จาก 1 เหลือ 0 จาก 0 เหลือ -1    -2  เหลือ  -3 อืม  เอาล่ะ พอก่อนดีกว่า ก่อนที่จะตลกไปกว่านี้


สรุปง่ายๆ ก็คือไม่ค่อยอยากจะเล่นแล้ว แต่ก็ยังเล่นอยู่ ไม่มีอาการลงแดงหรือผื่นขึ้นแต่อย่างใด เชื่อว่าไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกที่เริ่มเบื่อ คนอื่นก็เป็น แหงล่ะ เล่นมาตั้ง 2 ปีแล้วนิ ความสนุกมันก็ต้องมีอิ่มตัวกันบ้าง



แต่ไม่ต้องห่วง วันนี้ทางซอกหลืบมีวิธีแก้ปัญหาอาการเบื่อแรคได้ชะงัก ใช้ได้ผล 100% ถ้าไม่ได้ผลมาโดดถีบ บก.Roclub ได้เลย  


อีกแล้ว!! ไอ้นี่ ไม่เคยโบ้ยเข้าตัวเองเลย เน้นทำร้ายร่างกายคนอื่นตลอด ไม่ต้องมายิ้ม ยังอีก!!


เอาล่ะ  เข้าเรื่องเลยดีกว่า สำหรับวิธีแก้เบื่อทั้งหลาย ท่านไหนที่มีอาการโดนยาเบื่อแรคเตรียมจด



1.คุยกับคนอื่นให้เยอะๆ

หมายถึงคุยในเกม ไม่ใช่ไปนั่งคุยกับคนแปลกหน้าที่นั่งเล่นเกมข้างๆ วันไหนเกิดเค้าอารมณ์ไม่ดี   เพิ่งถูกโพริ่งสุรเดชตีตายมาจะทำไง อาจจะมีถูกตบหัวทิ่มคีย์บอร์ดกันได้


สำหรับคนที่ใจเย็นคงไม่เป็นอะไรมาก อาจจะทำท่าโนเนะ เช็ดเลือด แล้วเล่นเกมต่อ แต่ถ้าเป็นพวกเลือดร้อนคาดว่ามีฟาดปากกันแน่ อืม… อันนี้ก็ได้ความมันส์ไปอีกแบบ คนในร้านชอบ

ที่บอกให้คุยกับคนอื่นเยอะๆ เพราะว่าบางคนยึดติดกับการเก็บLVมากเกินไป วันๆก็เดินตีมอนสเตอร์เก็บLVไปเรื่อย ไม่เสวนากับใคร น่าเบื่อ ทั้งๆ ที่ไอ้คนที่ออนไลน์กับแกเนี่ยมันก็คนไทยทั้งนั้น จะมาบอกว่าอักษรคีย์บอร์ดเป็นภาษาเขมรก็ฟังไม่ขึ้น ใช่มั้ย

คุยที่ว่าไม่ใช่ทักทายสั้นๆ ยังงั้นมันไม่หายเบื่อหรอกครับ มันต้องคุยกันยาวๆ 20นาทีขึ้นไป เป็นเพื่อนกันได้ยิ่งดี 


ไม่เสียเวลาหรอกครับ เชื่อเหอะ ผมลองแล้ว หายเบื่อไปเยอะเลย



2.เน้นท่องเที่ยว

หรือเรียกง่ายๆว่า เน้นเดินเล่น  เปรียบง่ายๆกับคนที่นั่งทำงานอยู่ในห้องรู้สึกคร่ำเครียดฉันใด ถ้าได้ออกไปเดินสูดอากาศข้างน้องบ้างก็รู้สึกดีขึ้นฉันนั้น เพราะบางคนเวลาเล่นแรคก็เจอแต่โลเกชั่นเดิมๆ

ตลาดมอร็อค…. พ่อค้าเยอะ

เกาะบาบีลัน…. คนเยอะ

แมพโซฮี…. (…….) เยอะ 


 อืม…. ในวงเล็บละไว้ในฐานที่เข้าใจ 

เชื่อเลยว่าบางคนยังไปไม่ทั่วทุกแผนที่หรอก ผมก็เหมือนกัน เพราะบางแมพมอนสเตอร์ก็ตีไม่คุ้ม เก่งเกินไป หรือไม่ก็ประสบการณ์ไม่ดี ของดรอปห่วย

ที่บอกเนี่ยก็ไม่ได้ให้ไปตีซะเมื่อไหร่ จะบอกให้ไปเดินเล่นตะหาก ตีมอนสเตอร์มาเยอะแล้ว มาวิ่งหลบมอนสเตอร์บ้างก็ได้อรรถรสไปอีกแบบ บางแมพมอนสเตอร์น้อยก็เน้นเดินชื่นชมทัศนียภาพไป หมุนมุมกล้องถ่ายรูปเก็บไว้ก็ดี อย่าลืมชูสองนิ้วเพื่อความคลาสสิค

จะเดี่ยวหรือมาเป็นหมู่คณะก็ได้ ไม่เสียเวลาหรอกน่า บอกแล้วมาเดินแก้เบื่อ



3.เล่นไป-กินไป

อืม… ฟังคล้ายๆชิมไป-บ่นไป  ศัพท์อังกฤษก็เรียก “Enjoy Eating” หรือแปลเป็นไทยว่า “เพลิดเพลินกับการสวาปามนั่นเอง” 


จะแปลทำหมีแพนด้าอะไรวะเนี่ย

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่กลัวอ้วน หรือพวกเอ็นดูพยาธิทั้งหลาย เพราะว่าการกินเป็นวิธีดับความเครียด ความเซ็ง ความเบื่อ ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก (อืม… พักนี้ขยันจังเลยนะ)  ได้ดีมาก

หรือพูดง่ายๆก็คือ เมื่อได้กินแล้วเนี่ย อารมณ์จะดีขึ้น บางคนเบื่อๆไม่รู้จะทำอะไร ก็หาอะไรมากินแก้เบื่อซะ

เล่นแรคตามปกติ แล้วก็หาอะไรมานั่งกินจุบจิบไปด้วยก็แค่นั้นเอง ผมลองแล้ว เพลินดี รู้สึกเล่นแรคสนุกขึ้นทั้งๆ ที่อยู่กะบรรยากาศเดิมๆ 


กินที่ว่าเนี่ยแค่ขนม หมูปิ้ง หรือข้าวราดแกงซักจานก็พอ คงไม่ต้องถึงขึ้นตั้งเตาย่างบาร์บีคิว หม้อสุกี้ หรือหมูกระทะเกาหลี อันนั้นออกแนวอลังการ


ยกเว้นจะหิวไส้กิ่ว อยากซัดเหมือนแร้งลง  งั้นก็เลิกเล่นเกมไปหาอะไรกินข้างนอกเลยเหอะ สงสารสายตาคนอื่นบ้าง

สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเงินก็แทะคีย์บอร์ด หรือกัดมอนิเตอร์ไปพลางๆ ก็พอทดแทนกันได้



4.จับกลุ่มทำกิจกรรมนันทนาการ

นี่ก็เพลิดเพลินเจริญใจไม่แพ้กัน ขอแนะนำให้เล่นเป็นหมู่คณะ 6-10 คนขึ้นไป รับรองหายเบื่อเป็นปลิดทิ้ง ส่วนกิจกรรมที่เล่น มีดังนี้



4.1 ซ่อนแอบ

อุปกรณ์

1 ไม้ผี 100กว่าอัน ในกรณีที่เบื่อมาก

2 ปีกแมลงวัน 1 อัน (เฉพาะคนที่หักไม้ผี เพราะต้องใช้หนีไปซ่อน)

3 ปีกผีเสื้อ คนละ1อัน



วิธีเล่น

1 หาเพื่อนที่อยากเล่นมา 6-10 คน ถ้าไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องชวน เน้นสมัครใจเป็นหลัก

2 หาแผนที่ว่างๆ คนน้อยๆซักแผนที่นึง ให้เพื่อนแยกย้ายกระจายกันไปแอบ

3 อาสาสมัคร 1 คน ทำหน้าที่หักไม้ผี

4 หักจนกว่าจะได้บอส MVP เมื่อได้แล้วให้วิงหนีไปแอบ กดวิงไม่ทันก็ถือว่าซวยไป หรือถ้ากดแล้วยังอยู่ที่เดิมก็ไม่รู้จะช่วยไงแล้ว อ่านวรรคที่2ของข้อต่อไป

5 พยายามแอบอย่าให้บอสเจอ ถ้าบอสเจอแล้วบังคับให้ต้องสู้ตัวต่อตัว

6 ใครตายคนสุดท้ายชนะ จากนั้นกลับไปเริ่มข้อ 3 อีกที หรือถ้าเพื่อนเลิกเล่น ให้กลับไปเริ่มข้อ 1

7 ถ้ายังไม่หายเบื่อ ไปหักที่ตลาดมอร็อค





4.2 มอญซ่อนเจโลปี้

อุปกรณ์

1. เจโลปี้ 1 อัน (หาจากออคฮีโร่ บาโฟ โอชีรีส.. จะบ้าเหรอ)





วิธีเล่น

1. หาเพื่อนที่อยากเล่นมา 6-10 คน ถ้าไม่อยากเล่นก็ไม่ต้องชวน อย่าไปบังคับเค้า

2. ให้นั่งล้อมกันเป็นวงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่ากว้างมาก

3. กำหนดตัวคนถือเจโลปี้ไว้ 1 คน ให้เดินรอบๆวง แล้วร้องเพลงว่า

“มอญซ่อนเจโลปี้ โพริ่งสุรเดชอยู่ข้างหลัง เด้งไปนู่นเด้งมานี่ ฉันจะตีตัวแตก…”
ร้องซ้ำ2รอบ ไม่ต้องอาย เพลงเพราะดีออก


4. ร้องครบ 2 รอบให้ทิ้งเจโลปี้ไว้หลังใครก็ได้ที่นั่งอยู่ในวง

5. จากนั้นคนที่มีเจโลปี้อยู่ข้างหลัง ให้หยิบเจโลปี้วิ่งไล่ชนไอ้คนที่เอามาทิ้ง ส่วนคนที่โดนไล่ก็ให้วิ่งเป็นวงกลมแล้ววิ่งมานั่งแทนที่คนที่วิ่งไล่ ถ้าถูกวิ่งชนก่อนก็ให้เป็นต่อ

6. เมื่อคนที่ถูกไล่นั่งแทนที่ได้แล้ว คนที่ถือเจโลปี้ให้กลับไปทำตามข้อ 3 หรือคิดว่าปัญญาอ่อน จะเลิกเล่นก็ได้

ข้อควรระวัง อย่าเล่นที่กลางตลาดมอร็อค หรือแผนที่เดียวกับไอ้พวกที่เล่นซ่อนแอบ



5. ก็อย่าเล่นบ่อยซิเว้ย

จะว่าไป นี่เป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด เพราะบางคนมันก็เล่นมากเกินไป อะไรที่ทำบ่อยๆ นานๆ มันก็ต้องมีเบื่อกันบ้าง 


ไม่มีใครบังคับให้เล่นเกมทุกวันหรอก ลองหยุดเล่นไปซักหลายๆวัน แล้วค่อยกลับมาเล่นอีกครั้งดูมั้ย จะรู้สึกสนุกขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

พอเบื่อแล้วก็เลิก หยุดเล่นไปอีก แล้วก็กลับมาเล่นใหม่ ทำยังงี้ดีกว่า จะได้มีเวลาไปหาอะไรที่มีสาระทำบ้าง

นี่ล่ะ ที่เขาเรียก "แบ่งเวลา" เล่นก็เล่น เรียนก็เรียน 



สงสัยโลกจะแตกละ จบแบบมีสาระได้ไงวะเนี่ย

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ ตอน หนูอยากคอส หนูอยากคอส

(ต้นฉบับปี 2547)

ก่อนอื่นก็ต้องขออนุญาตอธิบายความหมายของคำว่า "คอสเพลย์" กันก่อน


Cosplay (คอสเพลย์) คือการแต่งตัวเลียนแบบตัวละครหรือตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ สามารถกระทำได้ทั้งแบบชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว เดี่ยวคู่ผสม ระบบทีมเวริค์ หรือไม่เวริค์ก็ได้ 



และเป็นการแต่งเลียนแบบเฉพาะเปลือกนอกเท่านั้น หรืออีกนัยนึงก็คือ มองด้วยตาเปล่าแล้วเหมือนจะใช่ หรือเกือบจะใช่แล้ว… อีกนิดเดียว แบบนี้แหละ จะให้แต่งเหมือนตัวการ์ตูนเป๊ะมันจะทำได้ยังไง ไอ้ย้อมสีผมพอจะทำกันได้


แต่ไอ้หน้าตานี่มัน…. จะให้ควักลูกตา ตัดจมูกทิ้งแล้วเอาเมจิกเขียนเหรอ บ้าแล้ว!! ใช้พู่กันเส้นคมกว่าเยอะ


การแต่งคอสเพลย์ปัจจุบันเป็นที่นิยมกันมาก มีจัดงานเกี่ยวกับการ์ตูนเมื่อไหร่ก็ต้องเห็นพวกเรามาเวียนว่ายตายเกิดเหมือนเป็นผีบ้านผีเรือนของงานทุกครั้งไป ที่นิยมแต่งกันยอดฮิตที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตัวละครจากเกมแรคนาร็อค  งานการ์ตูนที่ไหนไม่มีมาดีดมะกอก บ.ก Roclubได้เลย


เชื่อว่าคนที่ชอบแรคมากๆ สักครั้งนึงก็อยากจะแต่งตัวเลียนแบบคาแรคเตอร์ในเกมซักครั้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้า.. เพราะไม่รู้ต้องทำยังไงอะไรกันบ้าง Ro ซอกหลืบไม่นิ่งดูดายอยู่แล้วครับ สำหรับข้อมูลขั้นตอนการเตรียมตัวของนักแต่งคอสเพลย์มือใหม่…. 
เรานำมาเสนอกันชนิดละเอียดยิบ 


 เอ้า..!! กระดาษดินสออยู่ไหน เตรียมจด!!



1.กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน

หรือภาษาคนมีความรู้หน่อยก็เรียกวางแปลน ก่อนจะเริ่มแต่งคอส เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะเป็นตัวอะไร  ส่วนใหญ่จะกำหนดจากความชอบเป็นหลัก ชอบในที่นี้เอาแค่อยากแต่งตัวเลียนแบบก็พอ ไม่ต้องชอบถึงขั้นอยากจะแต่งงาน  นี่ก็ดูโรคจิตไป

เรื่องความชอบยังไงก็ไม่เหมือนกัน ไม่ต้องกลัวซ้ำอยู่แล้ว ใครชอบไนท์ก็เป็นไนท์ ชอบฮันเตอร์ก็เป็นฮันเตอร์ ชอบไม้แดงก็เป็นไม้แดง ชอบไม้ป่าเดียวกันก็เป็นเกย์  นี่ก็แล้วแต่ความชอบของตัวบุคคล หรือถ้าไม่ชอบแต่อยากจะแต่งก็เอา ยังไงชั้นก็ห้ามแกไม่ได้อยู่แล้ว



2.เช็คหน้าตาและเรือนร่าง

ในที่นี่หมายถึงว่า เหมาะกับตัวละครที่เราจะแต่งรึเปล่า เช่นสุภาพสตรีที่มีเรือนร่างโคเลสเตอรอลอุดตันเหมือนตัวมิชลิน  ขี้เกรื้อนเกาะกลุ่มกันเป็นแผง ก็อย่าคิดที่จะแต่งเป็นแดนเซอร์ เกิดมีคนเห็นแล้วอ๊วกแตกกลางงานจะทำยังไง  จะไปเช็ดอ๊วกให้เขาไหม

ผู้ชายอ้วนล่ำดำสิวสกปรกก็เหมือนกัน  อย่าคิดแต่งเป็นตัวละครหญิงเชียว เพราะแกจะต้องโดนสาปแช่งต่างๆนาๆ จากประชากรโลก  ด่าพ่อด่าแม่ว่าไม่รู้จักสั่งสอน ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ราวกับว่าแกเป็นนักโทษคดีฆ่าข่มขืน ถ้าตำรวจห้ามไม่อยู่อาจจะโดนรุมประชาทัณต์  จะเอายังงั้นมั้ย คิดดูให้ดี

ใครหน้าตาดีก็อย่าแต่งชุดที่ปิดหน้าปิดตา พระเจ้าอุตส่าห์ประทานมาให้ก็ควรใช้ให้คุ้ม ผู้หญิงใครรูปร่างดีก็ควรจะใส่ชุดที่วับๆ แวมๆนิดนึง จะดูมีสีสันน่าดึงดูดสายตา หรือถ้าแก้ผ้าไปเลยจะดีมาก



รูปประกอบจากเน็ต


3.กำหนดวัตถุดิบให้เหมาะสม

ก็แล้วแต่อีกน่ะแหละ ว่าชุดที่จะแต่งน่ะมันเป็นตัวอะไร ก็ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น ดูเหมาะสมในระดับนึงด้วย


เช่นชุดเกราะครูเซเดอร์ เอาผ้าฝ้ายมาตัดก็ยังไงๆอยู่ หรือชุดโพริ่ง ก็คงไม่ต้องถึงขั้นผสมผงเยลลี่ 100 ซองเพื่อจะมาทำเป็นชุด ถึงจะอ้างว่าเสร็จงานแล้วเอามากินได้ก็เหอะ ชุดมัมมี่ก็ด้วย ใช้แค่ทิชชู่ก็พอแล้ว ไม่ต้องสมจริงขนาดที่ใช้ผ้าห่อศพมาพันตัว สงสารคนที่มาขอแกถ่ายรูปบ้าง เกิดเค้ากดติดวิญญาณขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไง 

จะทำท่าเอียงคอ เขกกระโหลกตัวเองน่ารักๆแล้วพูดว่า “แหะๆ หวา แย่จังง... อาริงาโต๊ะ.!! ” เค้าคงจะให้อภัยแกหรอก…

วัตถุดิบที่ใช้เอาที่หาง่ายๆ ราคาถูกก็พอ ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของแกแล้วล่ะ ว่าจะประดิษฐ์ให้มันสวยเริ่ดประเสริฐศรีมณีเด้งแค่ไหน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคน สู้ๆ



รูปประกอบจากเน็ต




4.ขั้นประดิษฐ์ชุด

บอกตรงๆว่า เป็นช่วงที่ทรมานที่สุด อยากแต่งมันก็ส่วนอยากแต่ง แต่อยากทำนี่เชื่อเลยว่าไม่มีใครอยากแน่นอน มันเสียเวลา เหนื่อยอีกต่างหาก ไหนจะเย็บชุด ตัดกระดาษ พ่นสี เปลี่ยนลมยาง


ถ้าชุดคอสเพลย์สำเร็จรูปมันมีขายที่เซเว่นก็คงไม่เดือดร้อนขนาดนี้เป็นแบบเปิดฝาใส่น้ำร้อน  รอ 2 นาที  มันก็เด้งเป็นชุดคอสเพลย์ออกมาให้แกใส่ได้เลย

แต่นี่มันไม่มีนี่หว่า ถ้างั้นก็นั่งทำกันต่อไปเถอะ พยายามท่องไว้ตลอดว่า 

 “ของที่ทำด้วยความสามารถและความพยายามของตัวเอง… ย่อมมีค่ามากกว่าของที่ได้มาฟรีๆ” 

 โอ้… นี่มัน!! สาระ!! คอลัมน์ Ro ซอกหลืบมีสาระกะเค้าด้วยหรือนี่ พวกเราๆ มาดูเร็ว!! คอลัมน์ Ro ซอกหลืบมีสาระด้วย  เจ้าข้าเอ้ยย




5.เช็คความเหมือน ความเด่น ความสะดุดตา

เมื่อหลังขดหลังแข็งประดิษฐ์ชุดจนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเช็ครายละเอียดครั้งสุดท้ายก่อนเข้างาน ว่าเหมือนมั้ย เด่นรึเปล่า เห็นแล้วชวนให้เหลียวหลังไปมองอีกครั้งมั้ย 


วิธีเช็คที่ง่ายที่สุด ก็คือ ให้ใส่ชุดคอสเพลย์แล้วเดินออกไปที่ป้ายรถเมล์ เน้นป้ายที่คนเยอะๆ เช่นหน้าห้างสรรพสินค้า หรือหน้าโรงหนังเมเจอร์ เดินเวียนซ้ายซัก 4 รอบครึ่ง อาจจะมีคนเอากิ่งไม้มาเขี่ยเล่นบ้าง หรือมองแปลกๆ เหมือนเจอแมว 6 ขา ก็อย่าไปหักคอเค้า เพราะนั่นหมายความว่าชุดแกน่ะเหมือนมาก เด่นมาก มีแต่คนอยากจับต้อง มองแล้วสะดุดตา 

เมื่อโอเคแล้ว ให้แกตะโกนขอบคุณคนที่ป้ายรถเมล์ดังๆว่า 

“ขอบคุณมากคร้าบ..!! สำหรับกำลังใจ ผมจะสู้ต่อไปเพื่อทุกท่าน โซเด๊..!!” 

พูดจบก็ชูสองนิ้วลิโพ แล้วก็เดินกลับบ้านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จะทำการอะไร ความมั่นใจย่อมเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆที่ขาดไม่ได้ เอาล่ะครับ เมื่อมั่นใจแล้ว เราก็ไปเข้างานกันเถอะ



6.สวมวิญญานมนุษย์คอสเพลย์

เอาล่ะ เมื่อชุดพร้อม ร่างกายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ ไวตามิลล์กันแล้ว ก็เหลือแต่สวมวิญญาณของตัวละครที่เราจะเป็นเท่านั้น 


เพื่อให้การแต่งคอสเพลย์ดูน่าเลื่อมไส หรือเรียกง่ายๆว่า “อินกับชุด” นั่นเอง แต่งแล้วเดินไปเดินมาเฉยๆ ไม่ออกแอ็คชั่นอะไรเลย จะแต่งมาหาเหวอะไร นอนแคะขี้สะดืออยู่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ 

มันต้องสร้างสีสันให้ตัวเองบ้าง เค้าเรียกว่าดึงเรทติ้ง อินที่ว่าเนี่ยก็ขอแค่ประมาณนึง ไม่ต้องเยอะ ดูแล้วงุงินิดๆก็พอ โพสท่าเลียนแบบเล็กๆ น้อยพอเก๋ไก๋ชไนเดอร์ 

ไม่ใช่แต่งเป็นวิสาจแล้วเชิญวิญญาณจอมเวทย์เข้าสิง ราดน้ำมันจุดไฟร่ายเวทย์กันจริงๆกลางงาน จากไฟวอลล์ ก็กลายเป็นไฟไหม้ฮอลล์

หรือพวกไนท์ก็ไม่ต้องจริงจังถึงขนาดใช้ดาบอัศวินของจริง วิ่งไล่ฟันคนในงานให้เลือดสาดหรอก 

แค่เอาดาบปลอมมาวิ่งไล่จิ้มตูดคนอื่นก็พอแล้ว ไม่มีใครตายแถมยังได้เสียวอีกต่างหาก



จะอินกับตัวละครแค่ไหนก็ควรจะมีขอบเขตด้วยล่ะกัน เพราะอย่าลืมว่ายังไงเราก็เป็นคน ไม่ใช่ตัวละครในเกมๆ ไหนทั้งนั้น อินมากไปเดี๋ยวคนอื่นเค้าจะมองว่าเราบ้าซะเปล่าๆ 


ถอดชุดคอสเพลย์ออกแล้วก็อย่าลืมถอดวิญญาณตัวละครตัวนั้นทิ้งไปด้วย ฝากไว้ด้วยละกันนะ  ตะเอง






วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตอบจดหมายกับนายปันยา EP04



สวัสดีครับพี่ปันยา ผมชื่อไมเคิล เพิ่งเล่นแรคเมื่อวานนี้ครับพี่ ยังเป็นโนวิทอยู่เลย อยากเปลี่ยนอาชีพเร็วๆ เพื่อนผมบอกว่าให้ไปตีบาโฟ หรือโอชีริสดิ จะได้อัพเร็วๆ 

พี่ปันยาคับ พี่ว่าผมควรจะตีตัวไหนดีกว่าคับพี่

พี่ว่าหาไม้หน้าสามเหมาะๆ มือซักอัน  แล้วไปตีหัวเพื่อนน้องไมเคิลจะดีที่สุดครับ  

แล้วถ้าไม่ตีตามที่เพื่อนผมบอก  พี่ปันยาว่าผมควรตีตัวไรดีครับ  ช่วยแนะนำผมหน่อยจิ

ตีมายาเลยน้อง  รับรองอัพกระฉูดพรูดพราด

ขอบคุณมากครับพี่ปันยา  พี่ปันยาเนี่ยเป็นที่พึ่งให้ผมได้จริงๆ

ไมเคิล  จอแบน












สวัสดีค่ะพี่ปันยาสุดหล่อ  หนูมีคำถามที่น่าสงสัยมักๆ เรย มาถามพี่ปันยา  พร้อมจะตอบรึยังเอ่ย

ยังครับ  วันหลังน้องเขียนมาใหม่ละกัน บาย

ไม่ได้ค่ะพี่ปันยา..!!  พี่ปันยาต้องตอบจดหมายของหนูเดี๋ยวนี้  ตอนนี้ด้วย  ไม่งั้นหนูจะเอารูปที่พี่ปันยาไปแอบแต่งคอสเพลย์เป็นไข่ปีโก้ลงประจานทางอินเตอร์เน็ทด้วยล่ะคะ พี่ปันยาคงไม่อยากให้ใครเห็นใช่มั้ยคะ

ไข่ปีโก้ที่ไหน  ไข่มดตะหาก ไม่รู้ก็อย่า….  จะถามไรก็ถามมา

พี่ปันยาคิดยังไงกับคนที่แต่งคอสเพลย์เป็นไข่มดคะ

พี่คิดว่า เค้ากำลังอยากจะฆ่าคนที่ไปแอบถ่ายรูปตอนที่เค้ากะลังแต่งชุดอยู่อ่ะครับ  พี่คิดว่างั้นนะ  ค่อนข้างจะมั่นใจด้วย

Q  ค่ะ

A   นี่แกว่างใช่มั้ยเนี่ย
ฮิเดน Girl












สวัสดีคับพี่ปันยา ผมชื่อสุธี มีเรื่องมาเล่าให้ฟังคับพี่  

คืองี้ครับ  เมื่อวานผมไปเล่นแรคที่ร้านแถวบ้านมา ไปเจอคนบ้าแรคครับพี่  บ้ามาก พูดแต่เรื่องแรคทั้งวัน 

เวลาเล่นแรคก็ใส่ชุดคอสเพลย์เล่น  ชอบโวยวายลั่นร้าน เวลาเครื่องแลคมีชกเครื่อง  เวลาตัวที่เค้าเล่นตายเค้าก็ร้องไห้ด้วย ผมเห็นแล้วกลัวมากเลยคับพี่

ตอนที่เค้าเดินออกมาจากร้าน  เค้าเดินชนผมด้วย  ผมจะถามพี่ว่า  ไอ้อาการแบบเนี้ย  สามารถติดกันได้ทางการสัมผัสหรือเปล่า  ถ้าใช่ผมควรจะทำไงดี

อืม…. อันนี้พี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจ  ต้องรอดูอาการสัก สัปดาห์ก่อน  

ถ้าน้องสุธีมีผื่นขึ้นตามตัว แล้วก็มีความรู้สึกว่าอยากจะเอาหนังสือแรคมาดมแล้วล่ะก็  พี่ว่าน้องควรปรึกษาแพทย์ด่วนเลยครับ  เพราะนั่นคืออาการขั้นต้นของ  แรคลิซึ่ม”  

ถ้าปล่อยไว้นานแล้วไม่ยอมรักษา  น้องสุธีก็จะเป็นอย่างที่เห็นเมื่อวานอ่ะครับ

ไม่มีวิธีสร้างภูมิคุ้มกันโรคนี้เลยเหรอครับ

เท่าที่พอรู้มาบ้าง  ก็ให้เอาหนังสือเรียน หรือหนังสืออะไรก็ได้ที่มีสาระไปต้มในน้ำร้อน แล้วเอาน้ำมาดื่มวันล่ะ เวลา  ก็ถือว่าเป็นการป้องกันได้ในระดับนึงครับ

ขอบคุณมากครับพี่ปันยา  เดี๋ยวผมจะปริ้นท์เอาไปติดบอร์ดให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันบ้าง จะได้มีสุขภาพแข็งแรง

น้องสุธีนี่เป็นคนดีจริงๆ
สุธี  แส้หนัง      

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ปลุกใจเกรียนกรึ่ม

(ต้นฉบับปี 2556)

            


บางเรื่อง ให้นึกย้อนไปสมัยก่อน  มันก็อดคิดไม่ได้นะว่า  เราต่อสู้.... และผ่านความยากลำบากกันมาได้อย่างไร


กับการนั่งเซฟรูปโป๊ลงในแผ่น Floppy Disk!!!! 


แผ่นละเม็กกว่า  คุณพระ!!!  เราเคยอยู่กันไปได้ยังไง  มันจะไปพอยาไส้ที่ไหน  คนยุคแฟลชไดร์ฟไม่มีทางเข้าใจหรอก  ว่ากว่าจะหาวัตถุดิบลงแผ่นได้  ลำบากเลือดตาแทบกระเด็น 


ยุคแผ่นเอ มันต้องเลือกเลยว่า จะเอาเล็กๆ หลายรูป หรือชัดๆ แจ่มๆ รูปเดียวไปเลย จะเอาปริมาณหรือคุณภาพ  ผมยังจำตัวเองในอดีตได้ดี  เข้าร้านเน็ตที  มองหาแต่เครื่องที่จอติดผนัง  เพื่อกระทำการเข้ามุมอย่างลึกลับและเป็นส่วนตัว


เขามาพร้อมกับแผ่นเอคู่ใจ 2-3 แผ่น (อืม... แค่นี้ก็พออิ่มละ) เครื่องอื่นว่างไม่เล่น ไอ้เครื่องติดผนังถ้ามีคนเล่นอยู่.... กูรอได้ เฉพาะเครื่องนี้เท่านั้น  ชม. ละ 100 ก็ยอมจ่าย


เป็นเครื่องที่พอไปเช็คประวัติเข้าเว็บเมื่อไหร่  เต็มไปด้วยเว็บโป๊ 


ต้องบอกว่าเมื่อก่อนรูปโป๊เราต้องเป็นฝ่ายเข้าหามันนะครับ ไม่ได้เห็นเรี่ยราดเหมือนทุกวันนี้  ทุกวันนี้ต้องบอกว่านี่คือยุคทองของหนองโพจริงๆ  เรี่ยราดกันไปถึงไหน


เมื่อก่อนกว่าจะได้เซฟกลับบ้านไปแต่ละภาพ ลุ้นแล้วลุ้นอีก เป็นมั้ยครับ  เวลาเซฟอะไรสักอย่างลงแผ่น  มันจะดังกุกๆ กึกๆ แก่กๆ เหมือนมีอะไรเข้าสิง  ในใจนึกตลอดเวลา.... อย่าพังเชียวนะ ไม่งั้นค่าชั่วโมงที่เล่นมาจะสูญเปล่าทันที ต้องได้นะโว้ย  ต้องได้


เทียบกับเดี๋ยวนี้อะไรๆ มันก็สะดวกสบายไปหมดครับ โดยเฉพาะเรื่องการจัดเก็บสื่อปลุกใจ เอาแค่ที่อยู่ในมือเราทุกวัน ความจุในมือถือ ต่ำๆ ก็ 8 GB แล้ว เยอะกว่าไอ้แผ่นเอไม่รู้กี่ร้อยเท่า .


แค่เล่น Facebook ทุกวันก็เห็นไม่รู้กี่ภาพ เห็นจนเบื่อจะเซฟ โน่นก็ดี นี่ก็แจ่ม  จากที่ตื่นเต้นก็เริ่มจะเฉยๆ


ถึงตรงนี้ หลายคนคงคิดว่า  เฮ้ย  ไนท์หนุ่มเอาเรื่องนี้มาพูด มันจะดีเหรอ ผู้ใหญ่จะมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีนะ  ผิดศีลธรรมป่าว


โอ้โห..... จงอย่าได้แคร์ค่ะคุณน้องขา เอาแค่เรื่องเล่นเกมคอมพิวเตอร์ ผู้ใหญ่บ้านเรายังมองว่าคนเล่นเกมผิดยังกะไปฆ่าใครตาย เพราะงั้นจงอย่าได้สนใจ  แค่รูปโป๊เท่านั้นเอง ไม่ได้ไปฆ่าใครตายซะหน่อย  (โอ.... คลาสสิกนัก ประโยคนี้) 


ถ้าถามผมว่า แล้วไอ้รูปโป๊เนี่ยมันจำเป็นกับชีวิตเกรียนมั้ย


ผมว่าจำเป็นครับ!!!  ตอบอย่างไม่กลัวใครด่าเลย นี่คือกำลังใจที่ทำให้ชายโสดหลายๆ คนยังมีชีวิตอย่างมีความสุขได้


เอาง่ายๆ แค่คิดว่า วันๆ นึง เราตื่นเช้า ไปทำงาน เที่ยงกินข้าว เย็นเตะบอล กลับบ้านเล่นเกม นอน ไม่มีนมผ่านตาเลยแม้แต่คู่เดียว หรือผู้หญิงทุกคนที่เราต้องเจอแต่งตัวโคตรมิดชิด ใส่เสื้อคลุมแขนยาว 2-3 ชั้น ใส่หมวก แว่นดำ ปิดปาก สื่อทุกอย่างที่เห็นมีแต่ผู้ชาย


คุณจะอยู่ได้มั้ย......


ถ้าสายเหมืองคงไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเป็นชายวัยกลัดมันมันต้องหงุดหงิดแน่นอน มันเหมือนชีวิตที่ใช้ไปวันๆ ไม่มีรางวัลอะไรเลย 


ถ้าเราอยู่ในสังคมที่ปิดกั้นสิ่งเหล่านี้ โดยธรรมชาติคนเราก็จะออกไปตามหามัน เหมือนสมัยเด็กผมจะหงอยมาก ในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่เข้ามา


ผมอยู่ในสังคมที่ดีมากครับ ออกไปทางดีเกินไปด้วยซ้ำ แค่มีเกมเล่น ได้เตะบอลไปวันๆ มันยังไม่พอจริงๆ เราต้องการอะไรสักอย่างที่ทำให้ตื่นเต้น เลือดลมสูบฉีด ฮืดห้าด ฮืดห้าด เสียงชั่วร้ายมันบอกกับตัวเองทุกวัน......


เราต้องการรูปโป๊..... การ์ตูนโป๊..........หนังโป๊........ เราต้องการรูปโป๊..... การ์ตูนโป๊..........หนังโป๊........ ซ้ำซ้อนอยู่อย่างนั้น


ซึ่งขัดกับหน้าตาเด็กเรียนพิเศษของผมอย่างยิ่ง  ทุ้ย...!


มาถึงตอนนี้ทุกอย่างหาได้ในเน็ต มันได้มาง่ายไป มันไม่ได้ผ่านความยากลำบาก เมื่อก่อนผมจะมันส์มากครับ กับการฟอร์มทีมผองเพื่อนออกไปตามหามัน


อารมณ์เหมือนทำเควสอะไรสักอย่าง ตกลงกันเลยว่าใครจะซื้ออะไร แชร์เงินกันเท่าไหร่ เสมือนเป็นการฝึกทำงานเป็นทีมนอกสถานที่


และพอแต่ละคนได้ของมาตามที่ต้องการแล้ว มันจะเกิดอาการรักบ้านขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล  ร้อยวันพันปีไม่เคยรีบกลับบ้านเร็ว


ถึงบ้าน 5 โมงเย็น  ขอเป็นส่วนตัวอยู่ในห้องเงียบๆ ทันที บอกแม่ว่าจะท่องหนังสือเรียน ผ่านไปครึ่งชม เดินเหงื่อแตกลงมาหาข้าวกิน


แหม่ พูดได้คำเดียวว่า คลาสสิคสัส!!!! 


โอเค ย้อนอดีตตามประสาคนแก่ไปแล้ว กลับมาที่ความลำบากยุคนี้บ้าง  มันคืออะไร!!!



เกรียนไทยตอนนี้มีปัญหากลุ้มใจอยู่ 2 เรื่องครับ เอาที่เป็นปัญหาระดับชาติเลย 


ปัญหาแรก  ความไม่รู้จักพอ!!! ด้วยความที่มันหาโหลดง่าย มันก็เลยจะเยอะไปไหน!!  ดูเผินๆ นึกว่าสะสม  ก็อย่างว่าน่ะครับ อะไรที่ได้มาง่ายๆ เราก็จะไม่ค่อยเห็นค่าของมัน วันนี้ได้มาชุดนึง พรุ่งนี้ก็หาโหลดมาอีก พรุ่งนี้ก็หามาอีก แล้วมันก็เป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ


รอวันที่จะมีใครสักคนมาเห็นของสะสมของแกที่มันจะล้นฮาร์ดดิสก์ แล้วก็ประณามแกว่า ไอ้บ้ากาม!! 


แล้ว จะไปเถียงเค้ายังไง..... เรื่องจริงทั้งนั้น 


ปัญหาที่สอง ทำไมไฟล์ในเครื่องของเพื่อนถึงน่าดูกว่าของเรา!!!


เออ.... เคยสงสัยมั้ย เอาจริงๆ ของเรามันเยอะกว่านะ แต่พอไปเล่นเกมบ้านเพื่อน แล้วไปเห็นโฟลเดอร์ลับ XXX ของมัน ทำไมมันเกิดความรู้สึกอยากครอบครอง!! อารมณ์มันเหมือนอยากแย่งแฟนเพื่อน  ทฤษฏีของเพื่อนมักดูดีกว่าของเรายังใช้ได้เสมอ 


เชื่อเหอะว่าส่วนใหญ่ไม่กล้าขอตรงๆ ทั้งที่ถ้าขอตรงๆ ถ้าเป็นเพื่อนกันก็น่าจะให้นะ ฮ่าๆ หรือมีฟอร์มหน่อยก็ขอสักเรื่องได้มั้ย ทั้งที่จริงๆ อยากได้หมด..... เอาไปหมดไม่ได้ไง


เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่งเอาไปเม้าท์ให้หญิงฟัง โห.... ไอ้ไนท์มันรวบไปหมด 100 GB เลยเมื่อวาน โคตรบ้ากามอ่ะ แล้วเราก็ต้องไม่ยอมอยู่แล้วไง  สวนแม่งเลย  ไอ้คนที่มี 100 GB นี่แม่งคงไม่บ้ากามเลยมั้ง สรุปเลยพาตกต่ำกันทั้งคู่   ไอ้ชิบหาย


ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดก็คือ มาบ้านมันบ่อยๆ ค่อยๆ โหลดไปทีละนิดละน้อย แต่มันน่าสงสัยจริงๆ ว่าทำไมของมันถึงดีกว่าเราวะ หรือว่ามันรสนิยมดีกว่า... ช่างมันเถอะ 


ผมว่าเรื่องแบบนี้ใครจะว่ายังไงก็ช่างนะ คนมือถือสาก ปากถือศีลมันเยอะ แต่ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติโคตรๆ ตราบใดที่เราไม่ได้เสพยาเสพติด หรือไปฆ่าใครตาย (โอ.... คลาสสิคอีกแระ) 


เผื่อเกรียนวันนี้ ไปมีครอบครัวในวันหน้า จะย้อนกลับมานึกถึง ความตื่นเต้นเล็กๆ น้อยๆ ที่พวกเราต้องฝ่าฟัน ความพยายามที่จะหาความสุขให้ตัวเอง  โปรดสังเกตว่า ผมพยายามจะเขียนให้จบอย่างซาบซึ้งที่สุด มันจะทำได้มั้ยวะเนี่ย..... 


รู้สึกจะทำไม่ได้ เอาเป็นว่า ถ้าใครหมกมุ่นเรื่องนี้มากๆ ก็อย่าไปเสพยา หรือไปฆ่าใครตายนะ มันไม่ดี


จบ!!!


เดี๋ยวนะ ตกลงมันคลาสสิกหรือมักง่ายกันแน่วะเนี่ย