วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ ตอน หนูอยากคอส หนูอยากคอส

(ต้นฉบับปี 2547)

ก่อนอื่นก็ต้องขออนุญาตอธิบายความหมายของคำว่า "คอสเพลย์" กันก่อน


Cosplay (คอสเพลย์) คือการแต่งตัวเลียนแบบตัวละครหรือตัวการ์ตูนที่ชื่นชอบ สามารถกระทำได้ทั้งแบบชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว เดี่ยวคู่ผสม ระบบทีมเวริค์ หรือไม่เวริค์ก็ได้ 



และเป็นการแต่งเลียนแบบเฉพาะเปลือกนอกเท่านั้น หรืออีกนัยนึงก็คือ มองด้วยตาเปล่าแล้วเหมือนจะใช่ หรือเกือบจะใช่แล้ว… อีกนิดเดียว แบบนี้แหละ จะให้แต่งเหมือนตัวการ์ตูนเป๊ะมันจะทำได้ยังไง ไอ้ย้อมสีผมพอจะทำกันได้


แต่ไอ้หน้าตานี่มัน…. จะให้ควักลูกตา ตัดจมูกทิ้งแล้วเอาเมจิกเขียนเหรอ บ้าแล้ว!! ใช้พู่กันเส้นคมกว่าเยอะ


การแต่งคอสเพลย์ปัจจุบันเป็นที่นิยมกันมาก มีจัดงานเกี่ยวกับการ์ตูนเมื่อไหร่ก็ต้องเห็นพวกเรามาเวียนว่ายตายเกิดเหมือนเป็นผีบ้านผีเรือนของงานทุกครั้งไป ที่นิยมแต่งกันยอดฮิตที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตัวละครจากเกมแรคนาร็อค  งานการ์ตูนที่ไหนไม่มีมาดีดมะกอก บ.ก Roclubได้เลย


เชื่อว่าคนที่ชอบแรคมากๆ สักครั้งนึงก็อยากจะแต่งตัวเลียนแบบคาแรคเตอร์ในเกมซักครั้งเหมือนกัน แต่ก็ไม่กล้า.. เพราะไม่รู้ต้องทำยังไงอะไรกันบ้าง Ro ซอกหลืบไม่นิ่งดูดายอยู่แล้วครับ สำหรับข้อมูลขั้นตอนการเตรียมตัวของนักแต่งคอสเพลย์มือใหม่…. 
เรานำมาเสนอกันชนิดละเอียดยิบ 


 เอ้า..!! กระดาษดินสออยู่ไหน เตรียมจด!!



1.กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน

หรือภาษาคนมีความรู้หน่อยก็เรียกวางแปลน ก่อนจะเริ่มแต่งคอส เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะเป็นตัวอะไร  ส่วนใหญ่จะกำหนดจากความชอบเป็นหลัก ชอบในที่นี้เอาแค่อยากแต่งตัวเลียนแบบก็พอ ไม่ต้องชอบถึงขั้นอยากจะแต่งงาน  นี่ก็ดูโรคจิตไป

เรื่องความชอบยังไงก็ไม่เหมือนกัน ไม่ต้องกลัวซ้ำอยู่แล้ว ใครชอบไนท์ก็เป็นไนท์ ชอบฮันเตอร์ก็เป็นฮันเตอร์ ชอบไม้แดงก็เป็นไม้แดง ชอบไม้ป่าเดียวกันก็เป็นเกย์  นี่ก็แล้วแต่ความชอบของตัวบุคคล หรือถ้าไม่ชอบแต่อยากจะแต่งก็เอา ยังไงชั้นก็ห้ามแกไม่ได้อยู่แล้ว



2.เช็คหน้าตาและเรือนร่าง

ในที่นี่หมายถึงว่า เหมาะกับตัวละครที่เราจะแต่งรึเปล่า เช่นสุภาพสตรีที่มีเรือนร่างโคเลสเตอรอลอุดตันเหมือนตัวมิชลิน  ขี้เกรื้อนเกาะกลุ่มกันเป็นแผง ก็อย่าคิดที่จะแต่งเป็นแดนเซอร์ เกิดมีคนเห็นแล้วอ๊วกแตกกลางงานจะทำยังไง  จะไปเช็ดอ๊วกให้เขาไหม

ผู้ชายอ้วนล่ำดำสิวสกปรกก็เหมือนกัน  อย่าคิดแต่งเป็นตัวละครหญิงเชียว เพราะแกจะต้องโดนสาปแช่งต่างๆนาๆ จากประชากรโลก  ด่าพ่อด่าแม่ว่าไม่รู้จักสั่งสอน ขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ราวกับว่าแกเป็นนักโทษคดีฆ่าข่มขืน ถ้าตำรวจห้ามไม่อยู่อาจจะโดนรุมประชาทัณต์  จะเอายังงั้นมั้ย คิดดูให้ดี

ใครหน้าตาดีก็อย่าแต่งชุดที่ปิดหน้าปิดตา พระเจ้าอุตส่าห์ประทานมาให้ก็ควรใช้ให้คุ้ม ผู้หญิงใครรูปร่างดีก็ควรจะใส่ชุดที่วับๆ แวมๆนิดนึง จะดูมีสีสันน่าดึงดูดสายตา หรือถ้าแก้ผ้าไปเลยจะดีมาก



รูปประกอบจากเน็ต


3.กำหนดวัตถุดิบให้เหมาะสม

ก็แล้วแต่อีกน่ะแหละ ว่าชุดที่จะแต่งน่ะมันเป็นตัวอะไร ก็ปรับเปลี่ยนไปตามนั้น ดูเหมาะสมในระดับนึงด้วย


เช่นชุดเกราะครูเซเดอร์ เอาผ้าฝ้ายมาตัดก็ยังไงๆอยู่ หรือชุดโพริ่ง ก็คงไม่ต้องถึงขั้นผสมผงเยลลี่ 100 ซองเพื่อจะมาทำเป็นชุด ถึงจะอ้างว่าเสร็จงานแล้วเอามากินได้ก็เหอะ ชุดมัมมี่ก็ด้วย ใช้แค่ทิชชู่ก็พอแล้ว ไม่ต้องสมจริงขนาดที่ใช้ผ้าห่อศพมาพันตัว สงสารคนที่มาขอแกถ่ายรูปบ้าง เกิดเค้ากดติดวิญญาณขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไง 

จะทำท่าเอียงคอ เขกกระโหลกตัวเองน่ารักๆแล้วพูดว่า “แหะๆ หวา แย่จังง... อาริงาโต๊ะ.!! ” เค้าคงจะให้อภัยแกหรอก…

วัตถุดิบที่ใช้เอาที่หาง่ายๆ ราคาถูกก็พอ ส่วนที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของแกแล้วล่ะ ว่าจะประดิษฐ์ให้มันสวยเริ่ดประเสริฐศรีมณีเด้งแค่ไหน อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของแต่ละคน สู้ๆ



รูปประกอบจากเน็ต




4.ขั้นประดิษฐ์ชุด

บอกตรงๆว่า เป็นช่วงที่ทรมานที่สุด อยากแต่งมันก็ส่วนอยากแต่ง แต่อยากทำนี่เชื่อเลยว่าไม่มีใครอยากแน่นอน มันเสียเวลา เหนื่อยอีกต่างหาก ไหนจะเย็บชุด ตัดกระดาษ พ่นสี เปลี่ยนลมยาง


ถ้าชุดคอสเพลย์สำเร็จรูปมันมีขายที่เซเว่นก็คงไม่เดือดร้อนขนาดนี้เป็นแบบเปิดฝาใส่น้ำร้อน  รอ 2 นาที  มันก็เด้งเป็นชุดคอสเพลย์ออกมาให้แกใส่ได้เลย

แต่นี่มันไม่มีนี่หว่า ถ้างั้นก็นั่งทำกันต่อไปเถอะ พยายามท่องไว้ตลอดว่า 

 “ของที่ทำด้วยความสามารถและความพยายามของตัวเอง… ย่อมมีค่ามากกว่าของที่ได้มาฟรีๆ” 

 โอ้… นี่มัน!! สาระ!! คอลัมน์ Ro ซอกหลืบมีสาระกะเค้าด้วยหรือนี่ พวกเราๆ มาดูเร็ว!! คอลัมน์ Ro ซอกหลืบมีสาระด้วย  เจ้าข้าเอ้ยย




5.เช็คความเหมือน ความเด่น ความสะดุดตา

เมื่อหลังขดหลังแข็งประดิษฐ์ชุดจนเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเช็ครายละเอียดครั้งสุดท้ายก่อนเข้างาน ว่าเหมือนมั้ย เด่นรึเปล่า เห็นแล้วชวนให้เหลียวหลังไปมองอีกครั้งมั้ย 


วิธีเช็คที่ง่ายที่สุด ก็คือ ให้ใส่ชุดคอสเพลย์แล้วเดินออกไปที่ป้ายรถเมล์ เน้นป้ายที่คนเยอะๆ เช่นหน้าห้างสรรพสินค้า หรือหน้าโรงหนังเมเจอร์ เดินเวียนซ้ายซัก 4 รอบครึ่ง อาจจะมีคนเอากิ่งไม้มาเขี่ยเล่นบ้าง หรือมองแปลกๆ เหมือนเจอแมว 6 ขา ก็อย่าไปหักคอเค้า เพราะนั่นหมายความว่าชุดแกน่ะเหมือนมาก เด่นมาก มีแต่คนอยากจับต้อง มองแล้วสะดุดตา 

เมื่อโอเคแล้ว ให้แกตะโกนขอบคุณคนที่ป้ายรถเมล์ดังๆว่า 

“ขอบคุณมากคร้าบ..!! สำหรับกำลังใจ ผมจะสู้ต่อไปเพื่อทุกท่าน โซเด๊..!!” 

พูดจบก็ชูสองนิ้วลิโพ แล้วก็เดินกลับบ้านทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จะทำการอะไร ความมั่นใจย่อมเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆที่ขาดไม่ได้ เอาล่ะครับ เมื่อมั่นใจแล้ว เราก็ไปเข้างานกันเถอะ



6.สวมวิญญานมนุษย์คอสเพลย์

เอาล่ะ เมื่อชุดพร้อม ร่างกายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้ ไวตามิลล์กันแล้ว ก็เหลือแต่สวมวิญญาณของตัวละครที่เราจะเป็นเท่านั้น 


เพื่อให้การแต่งคอสเพลย์ดูน่าเลื่อมไส หรือเรียกง่ายๆว่า “อินกับชุด” นั่นเอง แต่งแล้วเดินไปเดินมาเฉยๆ ไม่ออกแอ็คชั่นอะไรเลย จะแต่งมาหาเหวอะไร นอนแคะขี้สะดืออยู่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ 

มันต้องสร้างสีสันให้ตัวเองบ้าง เค้าเรียกว่าดึงเรทติ้ง อินที่ว่าเนี่ยก็ขอแค่ประมาณนึง ไม่ต้องเยอะ ดูแล้วงุงินิดๆก็พอ โพสท่าเลียนแบบเล็กๆ น้อยพอเก๋ไก๋ชไนเดอร์ 

ไม่ใช่แต่งเป็นวิสาจแล้วเชิญวิญญาณจอมเวทย์เข้าสิง ราดน้ำมันจุดไฟร่ายเวทย์กันจริงๆกลางงาน จากไฟวอลล์ ก็กลายเป็นไฟไหม้ฮอลล์

หรือพวกไนท์ก็ไม่ต้องจริงจังถึงขนาดใช้ดาบอัศวินของจริง วิ่งไล่ฟันคนในงานให้เลือดสาดหรอก 

แค่เอาดาบปลอมมาวิ่งไล่จิ้มตูดคนอื่นก็พอแล้ว ไม่มีใครตายแถมยังได้เสียวอีกต่างหาก



จะอินกับตัวละครแค่ไหนก็ควรจะมีขอบเขตด้วยล่ะกัน เพราะอย่าลืมว่ายังไงเราก็เป็นคน ไม่ใช่ตัวละครในเกมๆ ไหนทั้งนั้น อินมากไปเดี๋ยวคนอื่นเค้าจะมองว่าเราบ้าซะเปล่าๆ 


ถอดชุดคอสเพลย์ออกแล้วก็อย่าลืมถอดวิญญาณตัวละครตัวนั้นทิ้งไปด้วย ฝากไว้ด้วยละกันนะ  ตะเอง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น