วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ครั้งหนึ่งในร้านเกม



(ต้นฉบับเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2556)



มีคนบอกผมว่า ผมเป็นคนที่โชคดีครับ


โชคดีมากๆ ที่ได้เกิดมาเห็นวิวัฒนาการของเครื่องเกม ร้านเกม และคนเล่นเกม และได้ปรับตัวมากับมันอย่างเป็นระบบ


ตั้งแต่จอยอาตาริ ที่เป็นแท่งเดียวโยกๆ มันส์ๆ ดูไกลๆ นึกว่าเซ็กซ์ทอย จนมาถึงจอยเพลย์สเตชั่น ที่ออกแบบมาให้มีแง่งจับ สำหรับให้เกรียนฟาดหัวกันได้สะดวกเวลาแพ้วินนิ่ง และจอยพิสดารอะไรอีกหลายอย่าง แต่ไม่รวมถึงน้องจอย สก๊อยร้านอาหารตามสั่งแถวบ้าน






แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ ผมจัดว่าเป็นเกรียนที่กร้านชีวิตสุดๆ คนนึง



ดูจากหนังหน้า และผิวพรรณที่บุกตะลุยร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ไม่ได้เกิดมาบนครอบครัวมีอันจะกิน ที่ลูกอยากได้เครื่องเกม ไม่ต้องออกแรงดิ้นเบรคแดนซ์สักแคลรอลี่ พ่อแม่ก็แทบจะหาเครื่องเกมมาประเคนให้


ชีวิตผมออกบู๊ตั้งแต่ 7 ขวบ กำหมัดชูขึ้นฟ้า ก้มหน้าปั่นจักรยานกรุ๊งกริ๊ง ลายหน้ากากแก้วด้วย สีชมพูโคตรหวาน ออกตะลุยร้านเกม


ขอนอกเรื่องแป๊บ อันนี้เป็นปมตั้งแต่เด็ก 
พูดถึงแล้วมันจี๊ด


ตอนเด็กๆ เทรนจักรยานกับเด็กผู้ชายนี่ เป็นของคู่กันเลยนะครับ เมื่อก่อนเด็กปั่นจักรยานนี่ดูเก๋ามาก ประมาณเด็กแว้นเดี๋ยวนี้อ่ะ เราก็อยากได้บ้าง ก็เลยไปขอแม่ซื้อ แล้วแม่ผมนี่แกแวะซื้อให้เลยนะ ไม่ได้พาไปเลือกหรอก


คุณเอ้ย พอรู้ว่ายอมซื้อให้โคตรดีใจ แต่พอเห็นของแทบกรี๊ด


ดีไซน์ฆ่ากันทั้งเป็น ชมพูกระแทกตาทั้งคัน!!! ลายหน้ากากแก้วตาหวาน!!! ตระกร้าหน้าอีกต่างหาก....


จักรยานลูกสาวข้างบ้านยังไม่หวานขนาดนี้!!!!


แม่บอกซื้อมาเพราะเหลือคันเดียว ที่เหลือก็คันใหญ่ไป ไอ้เราก็โอเค ไม่เป็นไรแม่ เดี๋ยวไปโละตระกร้าออก พ่นสีใหม่เองก็ได้


โอ้โหเท่านั้นแหละหม่อมแม่ขึ้นเลย!! ไม่ยอมเลย หาว่าทำลายข้าวของ ถ้าพ่นสีใหม่ก็เอาเงินมา


หลังจากนั้นชีวิตนี่นรกชัดๆ อยากปั่นก็ปั่นได้แค่หน้าบ้าน ไม่กล้าออกไปไหนไกลกว่านี้ เผลอๆ จังหวะดีๆ ก็พยายามเอารถไปขูดกับขอบปูน ตรงไหนแฉะๆ ก็แกล้งล้มให้โคลนมันเกาะ จะได้บังอีหน้ากากถ้วยมัน 


กว่าสติ๊กเกอร์จะลอก สีลอก ใช้เวลาเกือบเดือน ได้จักรยานเก่าๆ กรังๆ มาคันนึง น้ำตาจะไหลเป็นเลือด


ตั้งแต่บัดนั้นเกลียดการ์ตูนเรื่องหน้ากากแก้วอย่างไม่มีเหตุผล ตอนช่อง 9 เอามาฉายใหม่ แทบจะติดระเบิดพลีชีพแล้ววิ่งไประเบิดตึก


กลับมาเรื่องร้านเกม เนื่องมาจากว่าผมปั่นหน้ากากแก้วออกลุยร้านเกมแต่เด็ก ผมจึงได้เห็นพัฒนาการความคลาสสิคของมันเป็นลำดับขั้น


สมัยผมเด็กๆ นี่ ร้านเกมไม่ต่างอะไรกับซ่องโจร บรรยากาศดิบมาก ห้องแถวเก่าๆ ด้านหน้าร้านต้องหาฉากมาปิดกั้นแสงให้มืดๆ ข้างในร้านนี่มืดตึ้บ มีเพียงแสงจากทีวีเท่านั้น แอร์ไม่มี ฝันไปเถอะ


สมัยนั้นแบ่งวรรณะกันอย่างชัดเจนครับ คนรวยเล่นอยู่บ้าน พวกกร้านๆ จนๆ อยู่ที่นี่เลย บางคนนี่เล่นไปถุยไป สเลดเต็มพื้น บ้างก็ซื้อขนมมานั่งกินเลอะเทอะไปหมด


เมื่อก่อนร้านเกมนี่ จะมีแค่ 2 ชื่อเท่านั้นนะครับ


คือ “ร้านป้า” กับ “ร้านลุง”


ตั้งชื่อตามคนเปลี่ยนแผ่น บางร้านเจ้าของไม่ได้แก่ขนาดนั้น ก็ยังจะไปเรียกว่าร้านป้า แต่พอเปลี่ยนแผ่นเรียกพี่นะ แต่พอเพื่อนถามร้านไหน บอกร้านป้า เจ๊เค้าไปฆ่าหมกส้วมก็ดีแค่ไหน


ร้านแบบนี้ ถ้าพ่อแม่จะมองว่าเด็กมามั่วสุมก็ไม่แปลก บรรยากาศชวนคิดซะขนาดนั้น ทั้งที่จริงๆ ยาเสพติดก็ไม่มีนะ พวกสก็อยก็ไม่มี มีแต่เด็กหัวเกรียนนั่งโวยวายเป็นหย่อมๆ แต่ถ้ามองจากไกลๆ จะดูเหมือนนั่งดูดม้ากันมากๆ


การคิดเวลาร้านแบบนี้ จะมี 2 แบบ นั่นคือไม่ตั้งเวลาปิดทีวี ก็เขียนจดเวลาไว้ แล้วก็เดินมาบอก ซึ่งผมชอบอย่างหลังมากกว่า เพราะบางทีป้าแกลืมไง มัวแต่ทอดปลา ซักผ้า แคะเล็บเท้า กว่าจะมาบอกผมก็กำไรไปแล้ว 15 นาที ส่วนไอ้แบบแรกนี่ไม่ได้ลุ้นเลย พอเด้งเตือนขึ้นมานาทีสุดท้ายนี่ ตั้งตัวไม่ทันทุกที จะขอเซฟก็ไม่ได้ จะเฮี๊ยบไปไหน แบบแรกนี่ขาดทุนไปหลายวิ ไม่ชอบเลย


พอวัยรุ่นหน่อย ผมเรียกยุคนั้นว่า “ยุควินนิ่งครองเมือง” หรือไม่ก็ “เคาท์เตอร์สไตรค์ครองโลก”



ความเป็นออนไลน์จะเริ่มกรึ่มกรึ่ม ตอนนั้นเน็ตกับเกมยังแยกทางกันอยู่ ยังไม่ฟีดเจอริ่งกัน ความออนไลน์จะบังเกิดขึ้นในร้านเท่านั้น เราจะได้ยินมิตรภาพผ่านเสียงในร้านเกมกับประโยคฮิต


“เฮ้ยย!!! โดนยิงได้ไงวะเนี่ย!!”


ประโยคนี้ควบทีเดียว 2 เกม สำหรับวินนิ่งความหมายของมันคือ เล่นอยู่ดีๆ แม่มก็วันทูเจาะมาดื้อๆ ซะงั้น ส่วนสำหรับพวกที่เล่นเคาท์เตอร์ ความหมายของมันคือ หลบหลังกล่องแล้ว ตายห่าหลังกล่องซะงั้น!! โดนยิงทะลุมาเฉย


สวนดุเสียดโพลเคยหาค่าเฉลี่ยมาแล้ว ว่า 1 วัน เด็กไทยพูดประโยคนี้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านครั้ง


ถึงยุคนี้ เจ้าของร้านเริ่มไม่ใช่ป้าแล้ว อายุเฉลี่ยเริ่มน้อยลง อัตราการเปลี่ยนแผ่นเกมก็น้อยลงด้วย เพราะบางร้านมีแค่วินนิ่งเกมเดียว เอาแผ่นคาเครื่องมันอยู่ยังงั้นแหละ แล้วก็ตั้งชื่อประกาศศักดาเลยว่า “ร้านวินนิ่ง”


มีอยู่เกมเดียว แต่หลายแผ่น!! แบบให้เลือกเลยว่าเอาอีดิท อีดอกมากน้อยแค่ไหน


มีหลายร้านเริ่มจัดแข่งขันกันเอง โปรโมทกันเอง บางร้านก็อลังการนะครับ บางร้านก็โคตรจืดจางเลย


อย่างร้านที่ไอ้แจ่มใช้น้ำลายวิเศษก็เอากะเค้าด้วย เงินรางวัลตั้ง 800 บาท เมื่อก่อนถือว่าโคตรเยอะเลยนะ คนสมัครหายห่วงเลย เยอะมาก


ถูกบังคับไป 2 คน สมัครใจไม่มี.....


เริ่มแข่งก็เป็นรอบชิงชนะเลิศซะแล้ว บางคนไม่รู้เรื่อง นอนเกาไข่อยู่บ้าน ก็ให้ไปตามมาสมัครอีกต่างหาก อนาถแท้ สุดท้ายเงินรางวัลก็ยกเลิกไป เพราะไม่คุ้ม ผู้ชนะได้กินเย็นตาโฟแทน


เรื่องนี้ไอ้แจ่มไม่รู้ ทุกวันนี้มันก็ยังคิดว่า มันปิดร้านเกมด้วยน้ำลายวิเศษของมันอยู่


ถัดมาจากนี้ เกมออนไลน์เริ่มมาแล้วครับ และขอบอกว่า แรคนาร็อคใช้เวลาไม่นานจริงๆ สำหรับการ “ยึดครองโลก”







บอกตรงๆ ว่า ผมเป็นคนไม่ถูกกับเกมภาษามาตั้งแต่เด็ก ชอบเกมแอคชั่นมาก ชอบบังคับเอง ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าไอ้การคลิกหนึ่งครั้ง แล้วก็นั่งดูตัวละครไปตีมอนสเตอร์ปั่กๆๆๆ มันมันเทิงตรงไหน


ผมเลยต้องเล่น เล่นมา 2 ปีเพื่อหาคำตอบ ก้อออ.... ยังไม่รู้ว่าสนุกตรงไหน ก้อออ..... เลยต้องเล่นต่อไป เล่นต่อไป และเล่นต่อไป ไม่จบไม่สิ้น เหมือนชีวิตมีกรรมยังไงไม่รู้


ยุคนี้ต้องบอกว่า เกมนี่ติดกันเยี่ยงยาเสพติดเลยครับ บางคนนี่ติดแบบเสียผู้เสียคนเลยทีเดียว คนบางกลุ่มอาการหนักถึงขนาดเอาเขียงเตารีดมาแต่งคอสเพลย์ก็มี ไม่รู้พวกไหน น่าจับส่งโรงบาลบ้าจริงๆ


ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงทองของการทำลายสถิติของใครหลายๆ คนครับ โดยเฉพาะสถิติเล่นเกมอึด บางคนเล่นจนตายคาคอม ออกทีวีให้โลกตะลึงมาแล้วก็มี เดือดร้อนถึงญาติพี่น้องต้องเผาบัตรเติมชม. ไปให้อีก 


อย่างผมนี่ก็เคยพิสูจน์ใจรักมาแล้ว ร้านเกมส้วมแตกผมก็ยังไม่ออกจากร้าน ชั้น 2 นี่ น้ำเหลืองไหลตามฝ้ามาเป็นคราบๆ แล้ว ก็ยังตีมอนสเตอร์ต่อไป ไม่รู้ต้องให้ขี้หล่นมาใส่หัวก่อนรึไงถึงจะลี้ภัยได้ คิดๆ แล้วก็ตลกตัวเอง


ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุค กี่สมัย ความเป็นเด็กเล่นเกมก็ยังไร้สาระในสายตาของผู้ใหญ่อยู่ดี


แต่สำหรับผม ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีทีเดียว เพราะอย่างน้อย สิ่งที่เราเข้าไปคลุกคลี มันก็ยังเรียกได้ว่าเป็นสังคม มีการแข่งขัน มีการแบ่งปัน และมีเรื่องราวให้เราจดจำ อย่างน้อยๆ มันก็ยังดีกว่านั่งเล่นเกมคนเดียวในบ้าน


ผมว่า สีสันในชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องไร้สาระ ผมว่ามันคือเรื่องจริง


ใครที่รู้สึกว่าติดบ้านเกินไป ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูก็ไม่เสียหายนะ  
สักครั้งหนึ่งก็ยังดี

วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ดูเอลลิสม์เถื่อน





มีเกมอีกประเภทนึงครับ ที่สามารถปลุกความเกรียนที่หลับใหลอยู่ในร่างกายคุณให้ออกมาเริงร่าปาทังก้า เหมือนโดนของอะไรสักอย่าง ไม่แพ้พวกเกมที่ต้องพึ่งพาหน้าจอ ต้องใช้ไฟฟ้า


จะเรียกว่าเป็นการเกรียนแบบประหยัดพลังงานก็ได้


มันคือ "เกมการ์ด"


ซึ่งผมสามารถการันตีได้เลยว่า เกมการ์ดนี่แหละ ที่สามารถดึงความเกรียนออกมาได้อย่างน่าทึ่ง มันทำให้ผมนึกไปถึงเกมกระดาษสมัยที่ผมยังเด็กๆ 
เป็นงานแฮนด์เมดทั้งหมดนะครับ เขียนเอง วาดคาแรคเตอร์เอง กำหนดสกิลเอง ตั้งกติกาขึ้นมาเอง


แต่เกมการ์ดต่างจากเกมกระดาษตรงที่ว่า เกมการ์ดยังมีคนเล่นครับ เล่นกันเยอะด้วย แต่เกมกระดาษไม่มี


เกมกระดาษมีแต่ผู้ผลิตครับ แต่เสือกไม่มีคนเล่น นึกเอาในห้องผมมีผู้ชาย 30 คน เป็นผู้ผลิตเกมกระดาษซะ 20 มันจะเอาใครที่ไหนมาเล่นวะ ต่างคนก็ต่างมีเกมเป็นของตัวเอง ผมเองก็มี!! มันลำบากตรงนี้ 


ก่อนเล่นก็ต้องไปตกลงกับมันอีก
"เฮ้ย กูเล่นของมึงก่อนนะ พอเสร็จแล้วมึงค่อยมาเล่นของกูนะ"


มาบรรลุสัจธรรมตอนโต โห ไอ้คนเล่นก่อนโคตรเสียเปรียบ บางทีเราไม่ได้พลิกกระดาษดูของมันไง ว่ามันเขียนไปกี่ด่าน พอหลวมตัวไปเล่นปรากฏว่ายาวเลย รู้สึกตัวอีกทีกริ่งเข้าเรียนก็ดังแล้ว พอเบรกหน้ามันก็หนีไปเตะบอลซะงั้น อืม ตกลงเราโดนหลอกแล้วใช่มั้ย


บางคนฉลาดขึ้นมานิดนึงครับ หากลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้หญิงแทน ซึ่งก็ได้แค่ยอมเล่นให้แหละ แต่สีหน้านี่สนุกสนานยังกะโดนยาเบื่อหนู คิดว่าในใจพวกเธอคงโหยหาโดดหนังยางหรือหมากเก็บโซ่พลาสติกมากกว่า


พูดถึงเกมการ์ด ผมว่าสังคมเกมการ์ดในบ้านเรา ถ้าเอาแบบเป็นทางการ ถือว่ายังไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่ครับ มันต้องเป็นแหล่งซื้อแหล่งขาย เป็นจุดนัดพบ เป็นสังคมของมันจริงๆ ซึ่งผมเคยแค่ไปเห็นมา ไม่ได้ลงไปสัมผัส เพราะรู้มาว่าคนเล่นเกมการ์ดแท้ก็ต้องใช้ทุนและใจรักพอสมควร


ซึ่งผมมีแค่ใจรัก แต่ไม่มีตังค์


แต่ถ้าเอาแบบไม่เป็นทางการ พวกการ์ดยูกิแปลไทยเสร่อๆ นี่ล่ะก็ สังคมแม่มโคตรกว้างเลยครับ เล่นกันตั้งแต่ในห้องเรียน โรงอาหาร ข้างสนามบอล ในห้าง บางคนไม่มีโต๊ะ ก็นั่งเล่นมันตรงพื้นเลย


เอาง่ายๆ นะ คือเล่นตรงไหนมันก็เล่นได้ ดูเหมือนความบันเทิงเราจะหาได้ง่ายๆ  แต่เอาจริงไม่ใช่เลย


พวกเราดูเอลลิมส์ทุนต่ำ ต้องต่อสู้กับสายตาของผู้คนที่ไม่เข้าใจถึงจิตวิญญาณ ต้องทำใจครับว่า ไม่มีหญิงที่ไหนมากรี๊ดเราแน่นอน แถมยังต้องคอยหลบหนีการโดนจับอีก


เพราะดูเผินๆ ดูเหมือนเล่นการพนัน


ผมว่าไอ้พวกที่ดูเอลไม่ดูตาม้าตาเรือมันต้องเคยเจออ่ะ ผมก็เคยเจอ พวกเราต่อสู้กันด้วยจิตวิญญาณของผู้เล่นกับมอนสเตอร์ที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว


แต่มาหาว่าเราเล่นไพ่!!!!


โอ้โห.....เจ็บไปถึงไส้ติ่ง ผมนี่เจอมาทั้งอาจารย์ ทั้งตำรวจ อธิบายให้ตายยังไงก็ไม่เข้าใจ ว่ามันเป็นการ์ด!!! ไม่ได้พนันเงิน!! ไอ้พวกนี้ก็โคตรตึ๊บอ่ะ เห็นมีไพ่ มีบวกลบตัวเลข โอ....ไพ่ ไพ่ การพนันแน่นอน โหยย ยิ่งพูดยิ่งขึ้น เดี๋ยวเอาการ์ดปาดคอแม่มเลย


บางคนพวกเราก็อุตส่าห์ทุ่มเทพลังชีวิตทั้งหมดอธิบายให้เข้าใจจนได้ แต่สิ่งที่เขาทำกับเราก็คือ


“ถึงยังไงมันก็ไม่เหมาะสม มันดูเหมือนเล่นไพ่ เก็บซะ”


โอเค ยังไงก็ผิด จบข่าว เหนื่อยอธิบายฟรีซะงั้น จำได้ว่าวันนั้นจบแบบนี้ กร่อยเลยครับ แทบจะแขวนการ์ดเลยทีเดียว


งั้นวันหลังผมบอกให้พี่ไปส่งจดหมายให้ผมหน่อยได้มั้ย เพราะพี่ดูคล้ายบุรุษไปรษณีย์มากเลยทีเดียวครับคุณตำรวจ


ผมว่าเกมการ์ดมันมีความอัศจรรย์อย่างหนึ่ง นั่นคือเราสามารถเกรียนได้เท่ากับเกมคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะเกรียนได้มากกว่าด้วยซ้ำ โดยที่เราไม่ต้องใช้ไฟฟ้าเลยแม้แต่วัตต์เดียว เป็นการประหยัดพลังงานทางอ้อมนะฮะ


แต่ถามว่าช่วยประหยัดเงินด้วยไหม อืม..... ผมว่าไม่ โคตรสิ้นเปลือง สมัยที่ผมเล่นใหม่ๆ นี่ ของปลอมเด๊คละ 100 นะครับ ไม่ต้องพูดถึงพวกเล่นของแท้ ผมเคยได้การ์ดแท้มาใบนึง ขอบอกว่าไม่กล้าเอามาเกลือกกลั้วกับของปลอม เอาใส่กระเป๋าตังค์แยกไว้ต่างหาก คล้ายๆ เก็บรูปบรรพบุรุษเอาไว้ดูต่างหน้า


พูดถึงความเกรียน กล้าบอกเลยว่า ใครเล่นการ์ดเกมแล้วไม่ปากดีเนี่ย คุณเป็นดูเอลลิสม์ตัวปลอม คุณยังเข้าไม่ถึงจิตวิญญาณตัวต่อพันปี พวกผมนี่นั่งกินข้าวกับบลูอายส์มาแล้ว เห็นเป็นภาพหลอนแล้ว


แวะนิดนึง ไอ้เรื่องภาพหลอนนี่แบบ ใครเล่นการ์ดนี่จะโดนแซวหนักมาก


“เฮ้ย เล่นแล้วมันเห็นมอนสเตอร์ลอยออกมาเหรอวะ”


แหม่.... ไอ้พวกเรามันก็ชนกลุ่มน้อยอ่ะนะ ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ กลับไป 


ไม่มีหรอกครับ.......


แต่ในใจ ลอยไม่ลอยแล้วมันไปหนักหัวพ่อมึงรึไง


อืม...... แต่ก็ไม่พูดนะ แบบมารยาทดี


เกรียนบังคับข้อแรกเลย คุณต้องโรคจิตตั้งแต่จั่วไพ่ เอ้ย ไม่ใช่ จั่วการ์ด จั่วมาแล้วทำหน้านิ่งๆ ไม่ได้


ม่ายด้ายยยย..... มันต้องโจมตีตั้งแต่หยิบการ์ดออกจากกอง มันต้องทำหน้าตาให้เหมือนกับว่า ทุกใบเป็นไพ่ตายหมดอ่ะ



จั่วได้มอนสเตอร์พลังกาก แต่ต้องทำหน้าเหมือนกับว่า มึงตายแน่ หรือไม่ก็หัวเราะแบบบ้าคลั่ง ประหนึ่งกำลังมั่นใจในชัยชนะ แต่ในใจนี่แบบ เชี่ยละกู......... อะไรประมาณนี้ เพราะงั้นอย่าแปลกใจถ้าพวกดูเอลลิสม์จะเป็นพวกสับสนทางอารมณ์ประมาณหนึ่ง ยิ่งพวกไซโคหนักๆ นี่ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าเลยทีเดียว


ข้อต่อไปที่เกรียนทุกคนแน่นอน เวลาที่ตัวเองได้เปรียบ สกิลปากดีจะทวีคูณเป็น 2 เท่า 3 เท่า


“เฮ้ยยยย ลงมาเลย ลงมาเลย ตีแม่งให้แหลกกกกก เทิร์นต่อไปเจอแน่เมิงงงงงง ลงมาเด้ดดดดด.... จบเทิร์นยางงงงง จบได้แล้วววววววว กุยังไม่ตีก็ได้นะว้อยยยยยย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”



ส่วนใหญ่เป็นทุกคน....... แล้วไอ้พวกนี้นะ เวลามันจะตีให้ตายในเทิร์นนี้ได้ ไม่ค่อยทำกันหรอกครับ อารมณ์ได้เปรียบแบบนี้มันต้องเก็บเหยื่อไว้ถากถาง!!! ไว้เยาะเย้ย!!! ไว้กดดัน!!! เก็บเอาไว้ทรมานเล่นๆ ฮ่าๆๆ เก็บเอาไว้ เก็บไว้จนถึงเมื่อไหร่......... หึหึหึ ก็เก็บไว้จนกว่าเหยื่อจะพลิกเกมได้ไง แล้วก็กลับมาชนะทีหลังน่ะแหละ แหม่.... สมน้ำหน้าแท้ ยังกับการ์ตูน



ซึ่งหลังเกม อาจมีเสียงอ่อยเล็กน้อย หัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อน “เหอๆ..... รู้งี้ตีมันให้ตายแต่แรกดีกว่า” 


หรือไม่พูดอะไร พาลเลิกเล่น ทิ้งการ์ดไว้ตรงนั้น แล้วชวนไปเตะบอลเปลี่ยนบรรยากาศเลยก็มี


และเกรียนอีกประเภทนึง ที่สมควรฆ่าหมกส้วมหลุมมากๆ คือไอ้พวกมั่ว คือไม่มีนักเล่นการ์ดสมัครเล่นคนไหนนะครับ ที่รู้ไปหมดว่าการ์ดนี้ทำอะไรได้บ้าง ทีนี้มันจะมีไอ้พวกมั่ว!!! มั่วสกิลการ์ดขึ้นมาเอง


ไอ้คนมั่วไม่เท่าไหร่ ไอ้คนเชื่อนี่โง่กว่า


เคยโดนมาแล้ว เนี่ย..... การ์ดใบเนี้ย สามารถขโมยมอนสเตอร์ของอีกฝั่งมาได้หมด โห....... สกิลอย่างเทพ ขัดกับหน้าตาโง่ๆ ของมอนสตัวนั้นเหลือเกิน


อีกใบนี่แจ่มกว่า ถ้าลงการ์ดใบนี้นะ มอนสเตอร์อีกฝ่ายจะล่องหน ตีเข้าผู้เล่นได้เบย....... โห นี่เทพกว่า ตอนนั้นผมเล่นไปผวาไป กลัวไอ้ 2 ใบนี้ออกจริงๆ


ตอนนั้นพยายามตามล่าการ์ดเทพ 2 ใบนี้ด้วย มาตาสว่างตอนเจอแปลไทย ที่แท้เอฟเฟคจริงๆ ได้แค่จั่วการ์ดเพิ่มใบนึง เจ้ดเป็ด แทบจะออกรถถังไปพังบ้านไอ้เด็กเหี้ยนั่นเลยทีเดียว 


พิมพ์ไปก็คิดถึงไป เดี๋ยวนี้ไม่ได้เล่นแล้วนะครับ เพราะตอนนี้เพื่อนไม่ค่อยว่างกัน งานยุ่งว่างั้น


แหม่ แต่เมื่อก่อนไม่อยากจะคุย การ์ดเถื่อนนี่มีเป็นลัง แม่ชมเลยว่า ถ้าไฟไหม้บ้านขึ้นมา พวกนี้แหละเป็นเชื้อฟืนอย่างดี เขินเลยทีเดียว


สุดท้ายนี้ ใครว่าเป็นดูเอลลิสม์ไม่เท่ห์ มันเท่ห์มากครับถ้าเราเข้าถึงมัน ดูเด๊คเก่งผมซะก่อน ใส่ถุงพลาสติกใส มัดหนังกะติ๊กแน่นเปรี๊ยะเหมือนมัดถุงแกงจืดมะระ เปิดกระเป๋าให้ยามรถไฟฟ้า ยังได้ทึ่ง


“โอ.......... คุณมันดูเอลลิสม์!!!!”



ดูเอลกันมั้ยล่ะ!!!

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ความพยายามอยู่ที่ไหน





(ต้นฉบับวันที่ 11 มีนาคม 2556)


“จำความได้ว่า ผู้ใหญ่มักจะชอบบอกว่า ไอ้เด็กพวกเนี้ย วันๆ ไม่เห็นจะทำอะไร เอาแต่เล่นเกม คอยดูเถอะโตขึ้นจะลำบาก”


แต่ผมคิดกลับกัน  ถ้าเด็กคนไหนไม่ได้เล่นเกม  โตขึ้นน่ะคุณลำบากแน่!!! เพราะเกมนี่มันก็คือชีวิตจำลองดีๆ นี่เอง


ถึงการนั่งเล่นเกมไม่ได้ออกไปเจอโลกภายนอก แต่ไอ้โลกภายในนี่มันก็สบายใช่ย่อยที่ไหน มีเกมบ้าอะไรในโลกนี้บ้างครับที่ให้ตัวเอกเดินดุ่ยๆๆๆ ตรงไปหาเส้นชัยอย่างเดียว ไม่มีหรอก กว่าจะเล่นจบไปแต่ละเกมเลือดแทบตกใน นั่งพิมพ์รายงานอ่านหนังสือสบายกว่าเยอะ


และที่สำคัญ บ่องตงว่าการจะเล่นเกมให้เก่งนี่ไม่ใช่ง่ายๆ นะครับคุณท่าน ไม่มีกวดวิชาด้วย ต้องฝึกเอง มันต้องมีทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ทำข้อสอบกามั่วๆ ถ้าดวงดีก็พอผ่านได้ แต่เล่นเกมนี่กดมั่วๆ ไม่ได้  มั่วแล้วผ่านนี่ภาพพจน์จะโคตรทุเรศเลย ไม่เหมือนมั่วข้อสอบแล้วผ่าน อันนี้โคตรเท่ห์ ประมาณว่าโง่แต่ดวงดี เดินยืดได้ยันลูกบวช 


แต่เล่นเกมมั่วๆ นี่ ยังไงก็โดนมองว่าเป็นไอ้มั่วอยู่วันยังค่ำ อะไรกันนี่ สังคมอยู่ยาก....


สมัยเด็กของผมนะ ใครเล่นเกมเก่งๆ นี่ ผมแทบจะยกขึ้นหิ้งให้เป็นไอดอลมหาเทพอัลติเมทซุปเปอร์อัลตร้าเมกาตรอน แทบจะขอถ่ายรูปเอาไปกราบไหว้บูชาเช้าเย็น เผื่อวิญญาณเทพเกมเมอร์มันจะมาเข้าสิงบ้าง


ตอนเด็กๆ นี่ผมมีไอดอลคนนึง ชื่อพี่นนท์ คนบ้าอะไรจะเท่ห์ได้ขนาดนั้น โรงเรียนก็ไม่ไป สอบไล่ก็ตก สกปรกก็ที่หนึ่ง แต่เล่นเกมเก่ง



โอ้โห้.... โคตรเท่ห์!!! 


ไม่รู้ชอบไปได้ยังไง ทีไอ้พวกเล่นบอลเก่งๆ วาดรูปเก่งๆ เล่นดนตรีเก่งๆ น่าเอาเยี่ยงอย่าง ดันไม่ชอบ ผมนี่โคตรบ้า


และที่มันบ้ากว่านั้นก็คือ ผมพยายามทุกอย่างที่จะเป็นให้ได้อย่างนั้น เวลาเค้านั่งท่าไหนก็เลียนแบบ 


จับจอยยังไง ผ่านด่านแล้วต้องเสยผม อ่ะ เราก็เสยด้วย.... 


ไอ้เขาน่ะไว้รองทรง มีให้เสย แต่ไอ้เรานี่ หัวเกรียนๆ ไม่มีให้เสยไม่รู้จะไปเลียนแบบเค้าทำไม


ระหว่างเล่นสั่งเส้นหมี่น้ำใสไม่ใส่ผัก อ่ะเราก็สั่งด้วย ไม่กินผักจะได้เล่นเกมเก่งๆ อ่ะเราเชื่อแบบนั้น กระเป๋านักเรียนแบนๆ นี่เท่ห์รากเลือดมากกกก..... 


ยิ่งถือบทสรุปเกมด้วยนะ ถ้าเป็นสมัยนี้คงเหมือนเด็กแนวที่พก a day ไปเดินสยาม ประกาศให้โลกรู้ไงว่าถ้าพาเราไปอ้วกที่ถ้ำกระบอก มันจะออกมาเป็นอะไร นินเทนโด้แน่ๆ



เชื่อนะว่า ไม่ได้มีผมคนเดียวหรอก ที่มองว่าคนแบบไอ้พี่นนท์เนี่ย โคตรเท่ห์ เวลาพี่แกเดินเข้าร้านเกมมานะ มันจะต้องซุบซิบกันทั้งร้าน 


“เฮ้ย.... เซียนมาแล้วเว้ย”


“เนี่ยๆ ไอ้คนเนี้ย โคตรเทพ”


คนไหนเล่นอยู่นี่แทบจะหลีกทางให้ คนไหนเล่นไม่ไหวก็แทบจะยื่นจอยให้


“พี่เล่นให้ผมหน่อย!!” 


อะไรวะเนี่ยยยย ไอ้สายตาพวกนี้มันคืออะไร ไม่ใช่สายตาของคนที่มองว่าเกมเป็นเรื่องไร้สาระแน่ๆ


แต่เรื่องแบบนี้ มันก็ต้องอาศัยพรสวรรค์ด้วย บางคนสักแต่ว่าเลียนแบบไปเรื่อย โดยหารู้ไม่ว่า เทพกับเกรียน มันห่างกันแค่เส้นบางๆ นี่เอง


อย่างผมนี่ทำแล้วออกไปทางอย่างหลัง ไม่รู้ทำอะไรผิดตรงไหน


เห็นคนเล่นเกมเก่งๆ แล้ว แน่นอนมันอดสงสัยไม่ได้เนอะว่า ความเทพนี้ท่านได้แต่ใดมา...??


เป็นอารมณ์ที่อยากรู้ แต่ไม่กล้าถาม.... 


จะให้เดินดุ่ยๆ หน้าเกรียนๆ หัวเหม่งๆ เข้าไปถามตรงๆ เลยนี่ เสี่ยงโดนโบกมาก โอกาสติดคริมากกว่า 50% แน่นอน ข้อหาอะไรก็ไม่รู้ เคยเห็นเด็กอยู่คนนึง อย่างห้าวเป้ง พี่เค้ากำลังนั่งเล่นเทพๆ อยู่ มันเดินเข้าไปนั่งตรงที่เท้าแขน แล้วยื่นหน้าเข้าไปทันที


“เพ่ๆ พี่เล่นโคตรเก่งเลยอ่ะ สอนผมบ้างหด้ายป่ะ......”


“หดา.....ยยยย...ยย ป๊ะ!!!”



เป็นการลากเสียงขั้นแอดวานซ์แบบ แจ๊ส ชวนชื่น ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นการโดนทำร้ายร่างกาย แล้วไอ้เด็กร้านเกมพวกนี้นะครับ มันเป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้ ชอบไปโชว์การทรงตัวบนแขนเก้าอี้ นอกจากมายากลเสกเหรียญสิบ ยังเป็นกายกรรมอีกต่างหาก โชว์ตัวเบา นั่งไม่พอ ขย่มด้วย



โดนตบกลางร้านเลยครับ!!!! 



สถานเดียวเลยแบบนี้ เป็นบ้าอะไรต้องมาถามตอนกำลังเล่น ตอนกำลังใช้สมาธิ ตอนยืนอยู่เฉยๆ ทำไมไม่ถาม ไม่สนใจ พอนั่งปุ๊บ มันวาร์ปมาตรงที่เท้าแขนปั๊บ


กลับกันถ้าเป็นผู้หญิงน่ารักๆ ไปนั่งตรงนั้นแทน ไม่โดนนะครับ จะได้รับการสอนที่เอ็นดูเลยทีเดียว ความยุติธรรมไม่มีในโลกอยู่แล้ว


ในฐานะที่ผมเคยเป็นทั้งผู้ถาม และผู้ตอบ บ่องตงเลยว่า คนเล่นมันไม่อยากตอบหรอก ไม่ต้องถามซะให้ยาก อันนี้ลองถามเพื่อนที่เคยโดนมาเหมือนกัน ตัวผมเองด้วย คือถ้าถามนิดหน่อยพอไหวนะ ถามว่าท่านี้กดไง ไอ้บอสตัวนี้ฆ่ายังไง พอตอบไหว แต่ถามว่าให้เก่งให้เทพเหมือนตูเนี่ยทำยังไง มันนึกคำตอบไม่ออก จะตอบส่งๆ ไปก็ไม่ได้ ยิ่งไอ้พวกนี้มันเกรียนตื้ออยู่แล้วด้วย


“ก็เล่นบ่อยๆ ดิน้อง”


“เล่นยังไงอ่ะ”


“ก็เล่นเยอะๆ เล่นทุกวัน”


“เล่นวันละกี่ ชม อ่ะ”


“ไม่รู้ ก็ฝึกไปเรื่อยๆ”


“ฝึกยังไงอ่ะ”


“ก็ฝึกเองไง หาบทสรุปอ่านด้วย”


“ฝึกยังไง บทสรุปคืออะไร”


“โอ้ย คืองี้ อ้าว เฮ้ย!!!” หันกลับมาอีกที ในจอตายห่านไปแล้ว!!!


ไม่ต้องสอนเกมแล้ว ถีบยอดหน้าสอนมวยไทยเลยดีกว่า!!!



คือเข้าใจนะว่า คนถามมันก็อยากได้คำตอบที่ใช้งานได้เลย แหม่..... ถ้ามันง่ายแบบนั้นนะครับ เซียนเกมคงเยอะจนเดินเหยียบกันตายทั่วเมืองแล้ว คงไม่มีใครมุงใครหรอก มีแต่แย่งกันเทพไปเทพมาน่ารำคาญ


มันเป็นสมดุลที่ถูกสร้างไว้แห่งโลกเกมคอมพิวเตอร์


ถ้าอยากเก่ง อยากเทพ คุณต้องหาทางของตัวเองให้เจอครับ อันดับแรกต้องตอบโจทย์ให้ได้ก่อนเลยว่า เราอยากเก่งระดับไหน ระดับเล่นคนเดียว ระดับเอาชนะเพื่อน หรือระดับโชว์ออฟ


สมัยเรียน ม.ต้น ผมก็คิดแบบนี้ ผมตั้งเป้าเลยว่า ขอแค่เล่นเก่งระดับโชว์ได้ก็พอ คือเอาแค่โชว์ท่าได้ จะแข่งแล้วแพ้ จะเล่นไม่น็อคก็ช่างหัวมัน แต่พวกทริกอะไรเราต้องได้ เอาให้คนมายืนดูแล้วรู้สึกว่า เราเอนเตอร์เทนคนที่มาดูได้


ส่วนไปเล่นแข่งกับคนเหรอครับ หึหึ อย่าให้บ่องตงๆ แพ้เด็กตบจอยมั่วๆ ก็แพ้มาแล้ว ในใจโคตรอาย อภิมหาอับอาย แต่ดีที่ว่าภายนอกผมแอคติ้งดี แสร้งทำเป็นอ่อนให้เด็ก เลยรอดมาได้


แสดงออกง่ายๆ นะครับ ใครจะนำไปใช้แก้เขินก็ได้ เวลาแพ้ให้ยิ้มไว้ ยิ้มเสร็จดูนาฬิกาด้วย แสร้งทำเป็นมีธุระ ตบบ่าด้วยมิตรภาพของเกมเมอร์ แล้วเดินออกมาด้วยรอยยิ้ม....


พอลับตาคนไปแล้ว จะไปร้องไห้ฟูมฟาย ทำลายข้าวของอะไรก็ตามสะดวกเลย เพราะในใจโคตรแค้นเลยเช็ดเป็ด!!!! แพ้เข้าไปได้ยังไงวะ!!! ไอ้เด็กบ้า!!! มันน่าจับจอยเกมยัดรูจมูกจริงๆ!!! ฮึ่ยยยยย!!!!! ชั้นจะฆ่าแก๊!!! ฮือออออ แม่จ๋า!!!! นู๋แพ้เด็กกกกกกกกก!!!!


อินไปหน่อย โทษที ปาดน้ำตาแล้วมาเข้าเรื่องต่อ......



ง่ายๆ เลยครับว่า ถ้าอยากเก่ง คุณต้องรักในสิ่งที่คุณทำก่อน แล้วอาศัยฝึกฝน อาศัยศึกษา ให้ความสม่ำเสมอกับมัน แล้วคุณจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันเป็นทักษะที่ใช้ได้กับทุกเรื่องอยู่แล้ว


ความเทพมันไม่ได้มีทางลัดหรอกครับ บางด่านกว่าจะผ่านได้ต้องใช้เวลาเป็นวัน บางท่าก็ต้องใช้เวลาฝึกเป็นอาทิตย์ กว่าจะทำได้คล่อง


คุณจำทักษะนี้ไว้เลยครับ ถ้าเข้าใจและทำได้ ต่อให้ตอนเด็กคุณบ้าเกมแค่ไหน โตขึ้นไปยังไงก็ไม่ลำบาก 


เพราะคุณจะรู้ว่า คุณจะเอาชนะอุปสรรคพวกนั้นได้ยังไง......







วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน สุดยอดอาหารค้ำจุน


       

         หากกองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด เกรียนไทยก็ต้องเดินด้วยท้องเหมือนๆ กันฉันนั้น 

 

          ณ. เวลานี้นะครับ ใครอยู่บ้าน อยู่ร้านเกม หรืออยู่ที่ไหนก็ตาม เรามาทำพร้อมกันครับ หยิบมาม่าขึ้นมา แล้วก็บูชาพร้อมๆ กัน 3 จบ มาม่าเทพ!!!!! มาม่าเทพ!!!! มาม่าเทพ!!!!! อูราอูร่าห์!!!!! ป่ะ จากนั้นเต้นฮาเรมเช็คต่ออีก 30 วินาที โอเค ใครทำครบเสร็จแล้วก็ไปโรงบาลบ้าเลยละกัน ไม่ต้องขนาดนั้นโว้ยย เอาแค่ระลึกถึงก็พอ



         เค้าว่ามาม่ากับหน้าคอมพ์ เป็นของคู่กัน เกรียนไทยเราเป็นหนี้บุญคุณบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนะครับ ยกให้เป็นผู้สนับสนุนเลเวล 99 อย่างเป็นทางการได้เลย อย่าว่าเกรียนไทยไม่มีอันจะกินนะครับ พวกเราน่ะมีฐานะกันทุกคน ร่ำรวยเหรอ.... เปล่า ยากจน!!!



         เอาเท่าที่จำความได้ ตอนเด็กๆ ผมได้เงินค่าขนมก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไรเลยนะครับ ได้วันละร้อย ออกไปทางไฮโซซะด้วยซ้ำ เพราะบางคนได้แค่ 60 บาทเอง พอแบ่งกินข้าวได้มื้อละ 20 ก็เยี่ยวเหนียวเต็มกลืน ไม่เหลือเงินให้ไปสุนทรีย์กับขนมนมเนยบ้างเลย ส่วนผมน่ะเหรอ หึหึ ผมมีวิธีการแบ่งเงินขั้นเทพ...... 



          เรามีอยู่ 100 ใช่มั้ยครับ เล่นเกม 90!!! อีก 10 บาทเอาไว้กินข้าว!!! 

 

          เทพมั้ยล่ะ!!! เหลือ 10 บาทเอาไว้กินข้าวทั้งวัน หลายคนสงสัยว่าผมทำได้ยังไง อ่ะอันนี้เป็นความสามารถเชิงเศรษฐศาสตร์เฉพาะบุคคล 

 

          10 บาทนั้นนะครับ เราซื้อยำยำช้างน้อย 2 ห่อ สมัยนั้นห่อละ 2 บาท กิน 2 ห่อได้ 1 มื้อ อีก 6 บาทไปซื้อข้าวได้จานนึง ลูกชิ้นอีก 3 ลูก กินได้อีกมื้อ น้ำไม่ต้อง ซัดน้ำฟรีของโรงเรียน ที่เหลือถ้าเอาไม่อยู่ก็อัดน้ำเข้าไปเยอะๆ ตกเย็นก็แบกท้องกลับไปกินที่บ้าน จบมั้ย



         นี่แหละครับ กินเพื่ออยู่ของจริง ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน สัจธรรม....ธร๊รม...ทำ ทำไปเพื่ออะไร



         ถ้าให้จัดอันดับสุดยอดอาหารที่คอยค้ำจุนให้เกรียนไทย เกรียงไกรมาจนถึงทุกวันนี้ จัดไม่ยากเลยครับ



          อันดับ 1 นั้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เรียกว่านอนมาเป็นที่ 1 อย่างเป็นเอกฉันท์ แหม่ ไอ้ครั้นจะพิมพ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนี่มันก็ยาวเนอะ เรียกว่ามาม่าละกัน ยี่ห้ออื่นขอโทษนะ บังเอิญเรียกจนชินปาก บางทีบอกจะไปต้มมาม่าก็หยิบยำยำมาซะยังงั้น อย่าจริงจังเลย สุดท้ายปลายทางก็ลงท้องเหมือนกัน




          ถ้าถามผมว่าทำไมมาม่าถึงมาอันดับ 1 และคาดว่าจะครองอันดับ 1 ไปอีกยาวนานตลอดกาลตลอดไป



          เพราะมันถูก!!! และง่าย!!! จบ!!! 



          ถูกนี่ประเด็นหลักแน่นอน พวกติดเกมมักทุ่มทุนสร้าง ซื้อหนังสือเกม ซื้อบัตรเกม ค่าชม. ทั้งหมดนี่แทบจะอุทิศให้กับหน้าจอ ขาดแต่ชีวิตของคนเล่นเท่านั้น ซึ่งถ้ามันตายห่านไปใครจะคลิกเม้าส์ให้มันก้าวสู่เลเวล 99 มันก็ต้องเหลืองบไว้ประทังท้องกันบ้าง แล้วเกรียนไทยนี่นะครับ จะเรียกหามาม่าเนี่ย มันไม่ได้กินตามเวลานะ คือไม่ใช่ว่าดูเวลาเที่ยงแล้ว ได้เวลาพักทานข้าว 1 ชม. ไม่ใช่นะครับ มันจะรอให้หิวจัดๆ หิวขนาดที่ว่านั่งตัวบิดเกลียวอยู่บนเก้าอี้ แบบว่าไม่ไหวแล้วถึงจัดเต็ม



          ขั้นต่ำคือ 1 ซองอืด!! ผักไม่ต้อง เนื้อไม่ต้อง เส้นเท่านั้น จะเอาคาร์โบไฮเดรตอย่างเดียว เกรียนไทยเห็นจนๆ แบบนี้ ทานโทษ ไม่เคยอดอยากกันนะครับ ออกไปทางตายอดตายอยากมากกว่า พวกนี้ยิ่งโตยิ่งจัดหนักครับ ตามเลเวลเกรียน ประถมอาจเริ่มจัดแค่ช้างน้อย 1 ห่อ 2 ห่อ ช้างน้อยนี่กฎหมายบังคับห้ามต้มนะครับ ใครต้มนี่โดนตำรวจกินตับเลย ต้องกินดิบเท่านั้น ผมเคยลองฝ่าฝืนแหกกฎลองต้มกินดู ปรากฏว่าไม่แซ่บ มันบอกไม่ถูกครับ เหมือนมันไม่ใช่ มันดูมีชาติตระกูลเกินไป กินดิบๆ มันดูกากเกรียนดี ได้ฟีลลิ่งกว่า



          พอขึ้นชั้น ม.ต้น นี่ เลเวลก็ต้องเพิ่มนะครับ รสหมูสับกับต้มยำกุ้งนี่เป็นไฟท์บังคับเลย คุณต้องกินได้!! โดยเฉพาะท่าดูดนิ้วรีดน้ำมันนี่ถ้าทำไม่ได้ ไม่ต้องจบ ม.3 มาเลยนะ เพราะหลังจากนั้น คุณจะต้องเริ่มกินแบบต้มและมิกซ์แล้ว ในช่วง ม.ต้น นั้น ถ้าใครกินดิบจนคล่องแล้ว อนุญาตให้เลื่อนคลาสมาต้มกินได้โดยอัตโนมัติ ไม่ผิดแต่อย่างใด



          พอถึงขั้นมหาลัย ถือว่าเป็นจุดพีคของเกรียนไทยครับ ส่วนใหญ่พวกเราจะมาท็อปฟอร์มกันในช่วงเวลานี้ เพราะงั้นเรื่องอาหารการกินก็ต้องยิ่งใหญ่ตามไปด้วย จะมาต้มแค่ไก่กาอาราเร่กั๊ตจังไม่ได้แล้ว ผมขอแบ่งเป็น 2 สายใหญ่ๆ ดังโน้น



          หนึ่งสายบ้าพลัง พวกนี้จะเน้นปริมาณเวอร์!!! เพื่อนผมน่ะมีคนนึง จัดจัมโบ้ทีเดียว 3 ห่อ ว่าเยอะแล้วนะ รอให้มันอืดอีกต่างหาก พูนหม้อขึ้นมาเลย กินแบบนี้สะใจมากครับ ได้ประโยชน์ 2 ทางพร้อมกัน อิ่มด้วยทำร้ายตัวเองด้วย ผมงี้ร่วงกราวเป็นใบไม้แห้งเลยทีเดียว ก็แหงล่ะ เครื่องปรุงก็ยัดหมด 3 ซองมันจะไปเหลืออะไรมาเกาะหนังหัวล่ะ



          สาย 2 ขอเรียกว่า สายมิกซ์!!! พวกบ้าทรงเครื่อง พวกนี้มันจะกลัวไม่มีสารอาหาร ก็เลยต้องเติมโน่นเติมนี่ แบบหลอกตัวเองว่าชั้นกินของมีประโยชน์แล้วนะ ครบ 5 หมู่แล้วนะ พล็อบหลักๆ พวกนี้จะเป็นไข่ จะตอกใส่เลยหรือจะต้มก่อนก็ว่าไป รองลงมาก็จะเป็นปลากรอบ ปลากระป๋อง ผักก็มีนะ กะหล่ำฟรีจากรถเข็นขายลูกชิ้นหน้าร้าน บ้างขอ บ้างอาศัยหน้ามึนเดินไปหยิบเลย บางคนพอมันรวมราคามาม่าและพล็อบแล้ว เอ็งทำไมไม่กินข้าวไปเลยวะ แค่ปลากระป๋องมาม่าก็ 30 แล้ว ราคาเท่ากับข้าวผัดจานนึงพอดี เรื่องโง่ๆ ล่ะเทพจัง



          ในชีวิตผมเคยกินมาม่าทรงเครื่องที่อลังการที่สุด ตอนนั้นผมไปเล่นแรคที่แยกเกษตร ชามละ 45 ประกอบด้วยมาม่า 2 ห่อ ไข่ลวก 1 ฟอง ข้าวโพดอ่อน แครอท ต้นหอม เนื้อหมู ไก่ กุ้ง ปลาหมึก มาเสิร์ฟทีอุทานภาษาไทยว่าเช็ดเข้!! กินหมดนี่อิ่มยันชาติหน้า



          จำได้เลยว่าวันนั้นผมกินตอนบ่าย 3 เล่นไปกินไป หมด 6 โมงครึงพอดี ข้าวเย็นก็ไม่ต้องแล้วครับ ถ้ากินหมดซดน้ำเกลี้ยง ก็ไม่ต้องคุยเรื่องอาหารแล้วครับ ไม่มีอารมณ์พูดถึงแล้ว ณ จุดนั้น


          แต่มาม่านี่ ถึงแม้จะเป็นอาหารบังคับของหมู่เฮา แต่ให้กินทุกวันก็ไม่ไหวนะครับ บางคนเกรียนแต่ไม่กินก็มี เพื่อนผมมันบอกยังไงคนไทยก็ต้องกินข้าว สาเหตุคือสงสารชาวนา นั่น ดราม่าซะงั้น ถ้างั้นกินข้าวกับอะไรถึงจะเข้าคอนเส็ป จนและง่าย 



          ไข่เจียว......!!! มาเป็นอันดับรองทันทีอย่างไม่มีข้อสงสัย



(ขอบคุณรูปประกอบจากอินเตอร์เน็ตครับ)


          ใครทำคล่องๆ หน่อยนี่ ได้กินก่อนมาม่าอีกนะ พูดเป็นเล่นไป ไข่เจียวนี่ได้คลาสสิคนะ มีคนบอกผมว่า เวลาหิวจัดๆ นี่ พิซซ่ายังแพ้ไข่เจียวโป่ะข้าว มันหอมไง ยิ่งร้อนๆ ด้วย แถมยังได้สารอาหารครบ 5 หมู่อีกต่างหาก บ้าจังเลย พี่ชาย ไม่รู้อะไรซะแล้ว โปรตีนก็ไข่ ข้าวก็คาร์โบไฮเดรต ทอดด้วยน้ำมันก็ไขมัน ราดซอสมะเขือเทศ ก็ได้ผลไม้แล้ว แถมพริกในพริกน้ำปลา ก็จัดว่าเป็นผัก ครบมั้ย!! ครบสิ ห้ามเถียง อย่านะ!! สู้นะ!! ยังอีก!!



          ความผูกพันแบบนี้ ถ้าเป็นเกรียนระดับไฮโซ เข้าไม่ถึงนะ มันเข้าไม่ถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด เกรียนมันก็คือนักสู้ที่อยู่หน้าจอดีๆ นี่เองครับ พวกเราต้องพาเหล่าตัวละครฝ่าฟันไปให้ถึงฝั่งฝัน ฆ่าบอส ตอดหญิง ชิงไอเทม มันมีอะไรให้คิดมากกว่าจะมาพะวงว่าเรากินอาหารเพื่อสุขภาพหรือไม่



          มันเป็นช่วงเวลาหนึ่งครับ ช่วงเวลานึงของลูกผู้ชาย ทุกวันนี้ผมก็ไม่ได้กินแบบนี้แล้ว นานๆ ครั้งจริงๆ ครับถึงจะกลับมากินอะไรจนๆ แบบนี้ รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ฉีกซอง ตอกไข่ คงไม่ถึงกับน้ำตาไหล ตัวสั่น คิดถึงความหลัง นั่นก็เวอร์ไป๊




          มันเป็นช่วงนึงที่เรารู้สึกว่า กินเพื่ออยู่จริงๆ เมื่อตอนนั้นเรารู้ว่าอะไรสำคัญมากกว่า มันก็ต้องเลือกที่จะทิ้งตัวเองไปบ้าง เพราะเราเลือกที่จะมาทางนี้แล้ว คนอื่นอาจมองว่าเราไม่แข็งแรงหรอก ดูอาหารการกินก็รู้ มันจะไปสู้ใครได้ สวนไปเลย


          “แกร่งไม่แกร่ง มาเจอกันในจอเลยดีกว่า!!!!”



          แล้วจะได้รู้ว่ามาม่ากับไข่ปลาคาเวียร์ ใครมันจะแน่กว่ากัน










วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน แต่ทำไมทำไมต้องเกรียน






(ขอบคุณรูปประกอบจากอินเตอร์เน็ต)


(ต้นฉบับวันที่ 17 ก.พ. 56)


          มีอยู่คำถามนึงที่ผมสงสัยตั้งแต่เริ่มเขียนคอลัมน์เมื่อหลายล้านปีที่แล้ว



          นั่นคือ “ทำไมคนเล่นเกมมันต้องเกรียน??” นั่นสิ ทำไม ได้แต่บอกทำไม


          โอเค..... ก่อนจะไปหาคำตอบเรามาขยายความคำว่าเกรียนกันก่อน กระดาษมีเตรียมจด ไม่ออกสอบ   ไม่ต้องตกใจ อยากให้จดเพื่อเป็นกำลังใจในการอธิบายเฉยๆ


          ความเกรียนคืออะไร (ทำเสียง อ.เฉลิมชัย)  มั้น!! คือพลังแฝงในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเราจะแสดงมันออกมาเมื่อเราต้องการอะไรสักอย่างโดยไม่แคร์ผู้อื่น และเมื่อเราเกรียนมันออกมาแล้ว!! เราจะควบคุมมันไม่ได้!! รู้สึกตัวอีกทีมันก็ไปถึงไหนต่อไหนแล้ว!! โอ้ววว!!!


          ยกตัวอย่างง่ายๆ จากตอนที่แล้ว ไอ้เด็กสเปรสที่มันทะลึ่งบ้องเดี๋ยวก็ต่อครึ่ง ชม. ครึ่ง ชม. นั่นคือมันเกรียนแล้ว แสดงว่าตอนแรกมันไม่ได้กะมาเล่นยาวขนาดนี้ ตอนแรกกะเล่นครึ่ง ชม. แล้วกลับบ้าน เอาเงินที่เหลือไปซื้อแคปหมูเดินแทะเล่นกลับบ้านก็ได้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ดันอยากเล่นต่อซะงั้น คุมตัวเองไม่ได้ เงินหายหมด!!
     
         เดินตาเหลือกกลับบ้านตัวเปล่า เฮ้ย  มันเกิดอะไรขึ้นกับเงินในกระเป๋า


          หรือคุณเคยมั้ย เวลาเล่นเกมต่อสู้กับเพื่อนที่เก่งมากๆ แล้วเอาชนะมันไม่ได้ โอ้โห... คุณเอ้ย คุณจะทำทุกวิถีทางแหละครับ เสียงดัง แขวะ ด่า ออกแอคชั่นสารพัด ชี้ให้ดูจานบิน จะชี้ทำไม.... 



          ปัญญาอ่อน ใช่ แต่มันคุมตัวเองไม่ได้!! แม่มาเรียกให้ไปเก็บผ้า......นี่ก็ปัญญาอ่อน แต่มันคุมไม่ได้!!! เวลาฆ่าบอสก็เหมือนกัน บอสยิ่งเก่งเราจะยิ่งเกรียน เล่นไปพากย์ไทยไป ใส่อารมณ์สุดๆ เท่าที่มนุษย์คนนึงจะทำได้ ถ้าเอ็งแหวกจอถือหน้าสามเข้าไปหามันในนั้นได้ คงทำไปแล้ว



          อย่าว่าแต่เล่นเกม ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมคุณก็เกรียนได้ เกรียนถ่ายรูป ตอนปกติอยู่ดีๆ พอกล้องจับก็รั่วขึ้นมาทันที หรือเกรียนเฟส จู่ๆ อยากจะไปเม้นท์ป่วนใครมันก็เกรียนออกซะยังงั้น นี่แหละคือความเกรียนครอบงำ มันจะมาพร้อมกับความต้องการ และมันจะเข้าสิงคุณตอนที่คุณไม่รู้ตัว รู้แต่ว่า คุณต้องเกรียน เกรียน เกรียน!!! และเกรียน!! จนกว่าจะฟีนา.....เล่ห์ ชาเลบังก้า


          ส่วนผมน่ะเรอะ ก็.....เคยเป็นนะ แต่ก็ไม่ได้อยากจะเป็นนักหรอก....ชริ


         แต่ทำไม ทำไมต้องเกรียน..... ทุกครั้งที่จับจอยเกม หรือจอยเกมกับคีย์บอร์ด มันเคลือบสารเกรียนโนติลิบัลมซันฟ่าทอกซิลหรืออย่างไร ซึ่งผิวหนังเราจะสามารถดูดซึมแล้ววิ่งเข้าสู่สมองได้ทันที เป็นเหตุให้เลือดบ้าสูบฉีด หลุด รั่ว มั่ว แหลก ไร้ซึ่งมารยาทที่คนไทยโบราณควรจะมี จะบ้าเหรอ ไม่ต้องให้ท่องซ้ำ จำชื่อสารไม่ได้แล้ว



          แต่จะพูดไปเราก็ไม่เห็นภาพ ยกตัวอย่างเลยดีกว่า ผมเคยเจอนะ เด็กเรียนจ๋าที่ดูลุคยังไงก็โคตรเนิร์ด ชื่อยัยผักบุ้ง อายุประมาณ 11-12 ขวบ เป็นลูกเพื่อนแม่ มาพร้อมกับแบบเรียนสนทนาภาษาอังกฤษฟุดฟิด แม่แกเอามาฝากไว้ แล้วก็ออกไปซื้อของ






          ตอนนั้นผมให้ผักบุ้งเล่น Ps1 เกมพี่แบ๊งค์แคลช บาติครูส ตัวเอกมันจะเป็นเหมือนหมาบ้า วิ่งๆ หมุนทำลายสิ่งกีดขวางไปเรื่อย ผมยกให้เป็นเกมสิ้นคิดเวลาที่ไม่รู้จะชวนเพื่อนเล่นเกมอะไร มาจบที่แผ่นนี้ทุกที เพราะมันเล่นง่าย!!! จับครั้งแรกก็เล่นได้แล้ว แค่วิ่งไปเรื่อยๆ กระโดดหลบนู่นหลบนี่ เจอตัวอะไรขวางหมุนตัวใส่ม่างเลย ใครเล่นไม่เป็นก็สมควรไปทำฮาราคีรีหน้าตึกฟิวเจอร์อย่างเป็นที่สุด เพราะมันง่ายไม่รู้จะง่ายยังไงแล้ว



          ก่อนผมจะหยิบแผ่นใส่เครื่องให้ โอโห.... คุณเอ๋ย เด็กบ้าอะไรจะเรียบร้อยขนาด นั่งนิ่งเป๊ะ โมเอ่ะซะเหลือเกิน เดี๋ยวปั๊ดเลี้ยงต้อยซะเลยนี่

          “เล่นเกมไปละกันนะ เดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานก่อน”

          “เล่นไงอ่ะพี่”


          “ก็ง่ายๆ น้องผักบุ้งเลื่อนขึ้นไปอ่านย่อหน้าก่อนหน้านั้นนะครับ พี่เขียนอธิบายไว้หมดแล้ว”



          น้องผักบุ้งก็เลื่อนขึ้นไปอ่านย่อหน้าก่อนหน้านั้น ก่อนจะพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ในขณะที่คนอ่านเริ่มไม่เข้าใจแล้วว่ามุขอะไร....... ให้เลื่อนไปอ่านย่อหน้า....ไอ้บ้าเอ้ย


          จากนั้นผมก็กลับไปห้องส่วนตัว เพื่อจะทำงาน....... จนเวลาล่วงเลยไป 10 นาที 



          ได้ยินเสียง โครมมมม!!!!


          ไม่ใช่กูเกิลแน่ๆ!!! สมัยนั้นยังไม่มีโครม แล้วมันเสียงอะไร หรือว่ายัยผักบุ้งตกเก้าอี้!!! ผมรีบวิ่งออกไปดู..... ยัยผักบุ้งนั่งอยู่ที่เดิม ส่วนเครื่องเกมโดนกระชากลงมาอยู่ที่พื้นแล้ว



          “เย้อยยยย....... อะไรเนี่ยยยย”



         แต่ผักบุ้งไม่สนครับ กำลังเมามันกับการวิ่งหลบหินอยู่!!!



          “ว้าวๆๆๆๆๆๆๆๆ กระโดด!!! กระโดด!! ว้าวๆๆๆๆๆๆ มาเด้ มาเลย!!! ว้าวๆๆๆๆๆๆ”




          เฮ้ย........ เหมือนเป็นคนละคน ไอ้เด็กน้อยใสซื่อ มือจับหนังสือเรียนเมื่อกี้หายไปไหนแล้ววะ!!! แล้วยัยนี่มันใครวะเนี่ย โอ้โห แม่คุณ เล่นเกมเยี่ยงไปออกรบ!!! เดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่ง เอ็งจะกระชากเครื่องลงมาที่พื้นได้ก็ไม่แปลกหรอก



          “เฮ้ย เบา!!! เดี๋ยวพัง!!!!”



          “ว้าวๆๆๆๆๆๆๆๆ”



          พอแม่กลับมารับ ยัยนี่ก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างแนบเนียน กลายร่างเป็นเด็กเนิร์ดอีกครั้ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อกี้นี้



          “ผักบุ้ง ได้อ่านหนังสือรึเปล่าเนี่ย กลับบ้านแม่จะสอบก่อนกินข้าวเย็นนะ”


          “อ่านค่ะแม่..... แม่ แม่ขา ถ้า....ถ้า ผักบุ้งสอบได้เกรด 3.5 แม่ซื้อเพลย์สเตชั่นให้หนูนะ นะ”


          “ได้สิลูก แน่ะ อยากจะหัดเล่นเกมเหรอ....” 


          โอ้โห.... หัดเหิดอะไร คุณแม่ไม่รู้อะไร ยัยนี่มันขั้นเทพแล้ว ว้าวๆๆๆ มันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ถ้าตอนนั้นมือถือถ่ายคลิปได้นะ เดี๋ยวแม่จะได้เห็นว่า เวลาวีรสตรีโบราณเค้าออกรบ มันเป็นยังไง



          แต่ผมเชื่อนะว่า ในโลกนี้ไม่มีใครหรอก ที่เล่นเกมแล้วไม่เกรียน ผมเอาหัว บก.วีคลี่เป็นประกันเลย อยู่แค่ว่าจะเกรียนช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ไอ้ที่เล่นนิ่งๆ ทำเหนือๆ นั่นน่ะสร้างภาพ ผมน่ะเคย ทำไมจะไม่รู้ พอมีสายตาอื่นจับจ้อง จะต้องมีฟอร์มของเกมเมอร์ ต้องแบบมีแอคติ้งเล็กน้อย อุ๊บส์....แหม่ กดไม่ติด จะต้องเล่นท่ายากเรื่อยๆ โชว์ทริกเอาใจไทยมุง เวลาชนะแล้วก็ไม่แสดงอาการ ทำให้เหมือนว่าเป็นเรื่องกล้วยๆ ง่ายๆ ทำจนเคยชิน 

 

          แต่ลับหลังตอนเล่นที่บ้านเพื่อนสิครับ ไอ้นี่แหละคือร่างที่แท้จริงของคุณ


          “ฮ่าๆๆๆๆ กร๊ากกกก อ่อนว่ะ!!!! เจอนี่หน่อย ว๊ากกกกก เฮ้ยโกงนี่หว่า ไม่แน่จริงนี่หว่า อะไรของเอ็งวะเนี่ยยยยย กร๊ากกกก อ๊อน อ่อน ว้าวๆๆๆๆๆๆ”


          เนี่ย!!!! ผมกล้าพนันล้านนึงแบบไม่เอาอะไรเลยว่า ถ้าเล่นอยู่คนเดียวหรืออยู่กับเพื่อน คุณจะต้องเกรียนออก!! ไม่มากก็น้อยล่ะ ไม่มีหรอกมา หึหึ.... โดนอีกแล้ว แหม วันนี้ฟอร์มไม่ค่อยดีเลย......... โอ้ว ไม่ไหวเลยนะไนท์หนุ่ม ไม่มีหรอกครับ ส่วนตัวขนาดนี้จะวางฟอร์มหาพระแสงของ้าวอะไร



           ผมอยากให้สถาบันไหนก็ได้ครับ ช่วยพาเด็กธรรมดาๆ ไปสัก 2-3 คน จับใส่ห้องหลอดแก้วแคปซูลหอกเหวอะไรก็ได้ แล้วให้มันเล่นเกมแอคชั่นมันส์ๆ สักเกม แล้วจับเวลา!!! เอาตั้งแต่เริ่มจับจอยนี่แหละ ดูซิว่าพวกมันจะเกรียนแตกกันเมือไหร่ หาค่าเฉลี่ยออกมาเลย ผมล่ะอยากรู้จริงๆ สถาบันไหนก็ได้ ถ้าว่างจากวิจัยเห็ดสกัด พรุนสกัด ซุปไก่สกัดแล้วก็ช่วยทำให้ผมที แล้วผมจะหอมแก้มทีนึงเป็นค่าตอบแทน



          ความเกรียนมันดูเหมือนเลวร้ายนะ แต่ก็ไม่ร้ายแรง มันเหมือนเป็นการปลดปล่อยอะไรอย่างนึง ที่เราไม่สามารถทำออกมาได้อย่างถูกต้องในชีวิตประจำวัน ถามว่าจำเป็นไหม??..... ผมมองว่าโคตรจำเป็น คนเรามันเจอความเครียดอะไรมาเยอะครับ เราควรจะต้องมีโหมดปลดปล่อยสวัสดิกะบ้าง




          ถ้าถามผมว่า ทำไมเล่นเกมแล้วต้องเกรียน ผมจะตอบว่า “ก็เรากำลังสนุกอยู่อ่ะ เรากำลังปลดปล่อย เรากำลังได้ทำอะไรที่ในชีวิตจริงเราทำไม่ได้ ต่อสู้ ฆ่าฟัน ยิงปืน ปล่อยแสง ร่ายเวทย์ สารพัดจะบ้าบอคอแตก ไม่ผิดกฎหมายด้วย…..



          แล้วคุณจะเก็บอาการไว้ทำไมครับ เก็บไว้แลกกิฟวอยซ์เชอร์ที่ไหนเหรอ???



          ในชีวิตผมน่ะ ผมไม่เคยสอบได้ที่ 1 นะ แต่ผมเคยเล่นเกมแล้วได้คะแนนเป็นที่ 1 ผมว่าความรู้สึกมันคงไม่ต่างกัน แต่มุมมองสังคมที่มองเข้ามาจะต่างกัน หากเราโตขึ้นแล้วไม่ได้เล่นเกมแบบนี้อีก จงภูมิใจไว้ครับ ที่ครั้งหนึ่งเราได้เกรียน หากเรามีลูกมีหลาน เล่าให้เขาฟังเลยว่า ความเกรียนมันฟินยังไง



         ลูกคุณอาจมองคุณด้วยหน้าเฉินหลง แล้วบอกว่า นี่พ่อตูหรือเนี่ย......



         อันที่จริงของแบบนี้ ไม่ต้องหาคำตอบก็ได้ครับ ลองได้สัมผัสสักครั้งจะเข้าใจเอง.....