วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ผมชอบผู้หญิงเล่นเกม


(ต้นฉบับปี 2556)



มีความในใจอย่างนึงจะบอกครับ


เมื่อสมัยเรียน ม.ต้น เวลาที่ผมไปเดินห้าง เข้าร้านเกม เวลาที่เห็นผู้หญิงกำลังเล่นเกม ผมจะรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์มาก  จะรู้สึกชอบและปลื้มมากๆ  ชอบมาก  ถึงขนาดถ้าลากไปกินในน้ำได้ ก็คงทำไปแล้ว


เล่นเกมในที่นี้คือเล่นแบบจริงๆ เลยนะ ไม่ใช่มากับกลุ่มเพื่อน 5-6 คน แล้วเล่นเอามือตบๆ จอยเหมือนตบชะนีแย่งผัว จบเกมก็เฮฮาย้ายสำมะโนครัวไปหน้าเคเอฟซีต่อ  แบบนี้ไม่ใช่นะ  แก๊งค์นี้ยกให้เป็นหน้าที่ของจ๊อดแปดริ้วไปละกัน


เมื่อก่อนผู้หญิงเล่นเกมถือเป็นแรห์ไอเท็มครับ ท่ามกลางหมู่ผู้ชายทรงนักเรียน 
 เพราะอะไรครับ เพราะด้วยความที่คุณเธอเล่นเกม เธอคลั่งมัน เธอจะเห็นคุณค่าของมัน เธอจะไม่มองมันว่าเป็นสิ่งไร้สาระ!!! 


ก็แหง..... ไม่งั้นก็เหมือนด่าตัวเอง และที่แน่นอนที่สุด ทัศนคติผู้หญิงเวลาเล่นเกมไม่เหมือนผู้ชาย เธอจะไม่โหวกเหวกโวยวาย เธอจะไม่หนีเรียน เธอจะไม่หยิ่ง ไม่ถือตัว  แมนมาก  บางคนถึงขั้นบรรลุกลายเป็นทอมไปเลยก็มี


ผมกำลังพูดคนละเคสกับอาเจ้ที่มาตามน้องกลับไปกินข้าวนะ  เข้ามาแว้กๆ ชั้นบรรยากาศติดมาคุไปถึงเช้าวันพรุ่งนี้ ทำลายฟีลลิ่ง ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง พูดไปก็กัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความเคียดแค้นไป



เจ้ครับ ถ้าเจ้อยากเป็นนางฟ้าของพวกผม เจ้ต้องหัดมาใช้ชีวิตอยู่ในนี้บ้างครับ ศึกษาชีวิตสัตว์โลกซะบ้าง


ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูนะครับ ถ้าไม่ใช่อีเจ้ตามน้องกลับบ้าน เอาเป็นบรรยากาศร้านเกมในห้างละกัน ผมกำลังนั่งเล่นวินนิ่งอยู่ 



พลันนั้น!!! พี่สาวในชุดมหาลัยสีขาวสะอาด ผมสีดำขลับยาวสวยประบ่า หน้าตาหมวยๆ จิ้มลิ้มน่ารัก ใส่แว่นกลมไม่หนามาก โดยรวมออกไปทางเรียบร้อยมากกว่าเซ็กซี่ร้อนแรง


อืม บรรยายขนาดนี้เอาดีทางเขียนหนังสือโป๊เลยมั้ย


เธอคนนั้น ตรงเข้ามา..... ทันทีที่จับจอยเกมด้วยแววตามุ่งมั่น มันเป็นเสน่ห์ที่แบบว่า เย้ายวนแบบแปลกๆ คือไม่น่ารัก ไม่น่าเอ็นดู ไม่สวย ไม่เซ็กซ์ แต่มันเป็นอะไรที่แบบ..... 



เฮ้ย ทำไมเราอยากดูเค้า อยากรู้จักเค้าจัง คล้ายๆ อารมณ์ปลื้มจัดๆ เป็นเสน่ห์ดึงดูดที่อธิบายให้คนอื่นเข้าใจเหมือนตัวเองไม่ได้ แต่ทุกครั้งผมสังเกตว่า เธอตรึงสายตาของผู้ชายหลายๆ คนได้เหมือนกัน...... โอเค แสดงว่ามีคนคิดเหมือนกับเราบ้างล่ะ ตูไม่ได้วิปริตไปคนเดียว


จุดเริ่มต้น ตอนเด็กๆ ผมมีพี่คนนึงครับ ชื่อพี่หลิน พี่หลินเป็นลูกฝ่ายไหนของพ่อผมก็จำไม่ได้แล้ว และคิดว่าเซิร์ทกูเกิลก็คงหาคำตอบไม่เจอ



พี่หลินเป็นพี่สาวหมวยๆ หน้ากลมๆ ผมยาว ตาหยีๆ รูปร่างธรรมดามากๆ ออกไปทางจืดด้วยซ้ำ เพราะแกเป็นเด็กเรียนตัวแม่เลย


วันนั้นไปเยี่ยมบ้านแก จำได้ว่าแกต้อนรับดีมาก ลงมาจัดเครื่องเกมให้ เสียบปลั๊กอะไรเรียบร้อยเลย แล้วก็ขึ้นไปอ่านหนังสือต่อ ทิ้งผมไว้ข้างล่างคนเดียว แม่กับอาก็ออกไปธุระข้างนอก


คือถ้าไม่มีเครื่องเกมอยู่ตรงหน้า ผมคงต้องหากิ่งไม้มาเขี่ยพื้นเล่นรอกลับบ้านแน่ๆ


เกมที่เสียบให้เล่นก็ช่างสามัญซะเหลือเกิน 999 in 1



อันนี้เด็กบางคนที่อ่านอาจจะไม่ทันยุคดิ้นรนของพวกพี่นะครับ อธิบายนิดนึงว่าทีมี 999 มันแค่ตัวเลขเท่านั้น เกมจริงๆ มีแค่ 10 กว่าเกมเอง ไอ้คนทำมันว่างมาก เอามาเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนด่านเหมือนจะแตกต่างซะเหลือเกิน


เอาแค่มาริโอ้ก็ปาเข้าไป 600 แล้ว มีมาริโอ้ ซุปเปอร์มาริโอ้ มาสเตอร์มาริโอ้ กดเข้าไปก็เกมเดียวกัน!!! ด่านเดียวกันด้วย!!! ต่างกันแค่ตำแหน่งยืนตอนเข้าเกม ซุปเปอร์มาริโอ้เริ่มต้นฉาก ไอ้มาสเตอร์นี่ขยับออกมาหน่อยนึง ไปสตาร์ทหลังท่อ 


นี่คือมาสเตอร์ของเอ็งเหรอ อุตส่าห์ข้ามท่อมาให้...... ไม่รู้ชาตินี้จะตอบแทนบุญคุณคนอีดิทเกมนี้อย่างไร


รีบเบรกตัวเองก่อนจะบ่นยาว คือผมก็ไม่รู้จะทำไงนะ ก็คงต้องเล่นเกมแหละ จะให้อ่านการ์ตูน ก็เสือกเป็นสไตล์หน้ากากแก้ว ผมดันมีปมกับการ์ตูนเรื่องนี้อยู่แล้วด้วย ให้ตายก็ไม่อ่าน อืม ไม่เผาทิ้งด้วยก็ดีแค่ไหน โอเค ผมก็เล่นไปเบื่อไป 



ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยชอบเล่นเกมคนเดียวนะ มันดูเหมือนเด็กถูกทอดทิ้ง เพื่อนไม่คบยังไงไม่รู้ สุดท้ายเล่นคนเดียวได้ไม่นาน เกิดบรรลุว่าออกไปเล่นกับหมาหน้าบ้านคงจะสนุกกว่า ว่าแล้วผมก็ปิดเครื่องออกไปเลย เพราะไม่รู้จะไปบอกใคร


พอออกไปเล่นกับหมาได้สัก 10 นาที ก็ได้ยินเสียงเกมมาจากข้างใน จำได้ว่าเราปิดเครื่องไปแล้วนี่หว่า พอชะโงกหน้าไปดูเห็นเจ๊หลิน ผู้ที่ทอดทิ้งให้เราเป็นปู่โสมเฝ้าเครื่องกำลังนั่งเล่นเกมอยู่ แต่เป็นการเล่นสไตล์เด็กเรียนครับ ขัดสมาธิ ตัวตรง ไม่มีเสียงโวยวายแม้แต่น้อย เป็นความสนุกทางใน



เธอกำลังต่อเทอทริสอย่างคล่องแคล่ว และเป็นการต่อขั้นเทพ ที่ไม่ได้ต่อแบบเว้นช่องไว้เสียบไอ้แท่งยาวด้วย รู้สึกตัวอีกทีผมก็ทิ้งหมาไปนั่งดูพี่เขาเล่นซะแล้ว แล้วนั่งดูแบบจริงๆ จังๆ เลย พี่เขาก็เล่นแบบจริงๆ จังๆ เหมือนกัน คือนั่งเล่นนิ่งๆ ไม่วอกแวกแม้แต่น้อย ขนาดมาอยู่ข้างๆ จะหันมาถามสักนิดว่าอ้าว.... เมื่อกี้ไปไหนมา หรือจะชวนมาเล่นด้วยกันมั้ย ไม่มีอ่ะ


ชิบหาย หรือว่าจริงๆ แล้วเราโดนไฟดูดตายไม่รู้ตัวไปตั้งแต่จับเกมเล่นแล้ววะ ที่อยู่นี่คือวิญญาณใช่มั้ยเนี่ย เค้าถึงมองไม่เห็นเรา ต้องพิสูจน์ด้วยการเดินไปถอดปลั๊กเครื่องเกม..... อืม จะดีเหรอ


ผมดูพี่เขานานมากอ่ะ ไม่ใช่แค่ดูในจอนะ แต่ผมนั่งดูพี่หลินด้วย จู่ๆ ก็มีคำนึงมันวิ่งเข้ามาในหัว.... 



น่ารักดีแฮะ 


วันนั้นกลับบ้านภาพมันก็ติดตาตลอด เหมือนเป็นอิมเมจของผู้หญิงในฝันตอนเด็กยังไงยังงั้น พอไปโรงเรียนผมก็เที่ยวสังเกตเพื่อนผู้หญิงคนโน้นคนนี้ไปทั่ว 


เอ... ไอ้ส้มนี่ชอบเล่นเกมป่าววะ อืม..... อยากเห็นไอ้แอ๋มเล่นเกมจังเลย ไอ้แนนเงียบๆ เวลาอยู่บ้านมันจะเล่นเกมเหมือนพี่หลินป่าววะเนี่ย.................. รู้สึกตัวเองตอนเด็กก็ชอบจิ้นเหมือนกัน


แต่ถามเอาจริงๆ ว่าผู้หญิงเล่นเกมเนี่ย มันดูมีเสน่ห์มากมายขนาดนั้นเลยเหรอ ตอบแบบกว้างๆ เลยนะ



ผู้หญิงทุกคนนะครับ “ขอให้ได้เป็นตัวของตัวเอง” มีเสน่ห์ทุกคนครับ แต่ที่ผมชอบผู้หญิงเล่นเกมก็เพราะผมก็ชอบเล่นเกมเหมือนกัน ก็เหมือนกับคุณคลั่งไคล้อะไรสักอย่าง แล้ววันนึงคุณพบว่า มีอีกคนที่เหมือนกับคุณ คุณจะอยากรู้จักเขา คุณจะปลื้มเขา อาจหนักถึงขั้นแอบชอบข้างเดียวก็ได้


เพื่อนผมมันชอบวาดการ์ตูน มันก็ชอบผู้หญิงที่วาดการ์ตูนเหมือนกัน ทุกวันนี้มันก็ยังเซ็งเป็ดอยู่ เพราะผู้หญิงชอบวาดการ์ตูนดันชอบผู้ชายโด้กันเอง 



อีกคนชอบเล่นบาส มันชอบนักบาสหญิงมาก แต่ผู้หญิงเล่นบาสดันฉิ่งฉับทัวร์  อืม.... บางทีความจริงมันก็โหดร้ายซะเหลือเกิน พวกเราก็คงต้องสู้ต่อไป


ผมเคยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้น้องคนนึงฟัง มันบอกโหย.....พี่ พี่ไม่ได้ชอบที่เค้าเล่นเกมเหรอ พี่ชอบเพราะรูปลักษณ์เนิร์ดๆ เงียบๆ มากกว่า เกมไม่เกี่ยวหรอก ลองให้เป็นผู้หญิงอ้วนดำสกปรกตัวเหม็นๆ ไปนั่งเล่นเกมสิ พี่จะชอบเค้ามั้ย 



อืม...... เอ็งก็จินตนาการให้ต้องเกลียดให้ได้ซะเหลือเกินเนาะ ไม่เพิ่มกลากเกลื้อน ตาเหลือก ผายลมตลอดเวลาไปด้วยล่ะ ก็ไม่รู้จะไปตอบยังไง เพราะไม่มีเค้าความเป็นจริงเลยสักนิด


แหม่จะว่าไป เรื่องแบบนี้ไม่รู้สึกกับตัวก็ไม่รู้นะ ถึงบอกไงว่า ให้อธิบายให้คนอื่นเข้าใจเหมือนกันน่ะมันยาก....กกก


ไม่ต้องผู้หญิงเล่นเกมหรอก สักวันไว้พวกเราเจอใครสักคนที่เหมือนกับตัวเอง  เราก็จะเข้าใจเองแหละครับ



ว่าอาการแบบที่ผมพูดถึงมันเป็นยังงัยย  อิอิ

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน ไนท์ดี้ เกิดมาซุย


(ต้นฉบับปี 2556)




(ไฟสว่างขึ้นในห้องส่ง พิธีกรยกมือสวัสดีท่านผู้ชม)

ไนท์ดี้ : สวัสดีค่ะ...... เอ้ย ครับ เอ้ย ดีฮะ.... เอ้ย!! ครับน่ะแหละถูกแล้ว 

พบกับรายการ “ไนท์ดี้ เกิดมาซุย” ค่ำคืนนี้ผมกำลังจะพาท่านไปพบกับบุคคลที่ได้ชื่อว่า เป็น “จ้าวแห่งการดราม่า” เขาผู้นี้ครับ เพิ่งได้รับการบันทึกจากกินเหน็บบุ๊คไปสดๆ ร้อนๆ ว่า เป็นคนที่ดราม่าเยอะที่สุดในโลก ชีวิตประจำว่าตั้งแต่ตื่นนอน ก็สามารถเป็นประเด็นได้แล้ว วันนี้เรามาคุยกับเขากัน “คุณแถศักดิ์ มักขวางโลก” ครับ

แถศักดิ์ : (มองกล้อง) สวัสดีครับ

ไนท์ดี้ : วันนี้ทะเลาะกับใครรึยังครับ

แถศักดิ์ : ยังครับ แต่เมื่อเช้าเพิ่งโพสกระทู้ด่าคนเขย่าโคอะล่ามาร์ชไปหมาดๆ คาดว่าบ่ายๆ น่าจะมา

ไนท์ดี้ : โห ตกลงเป็นหน้าที่ที่พึงปฏิบัติทุกวันแล้วใช่มั้ยเนี่ย แล้วคุณเอาข้อหาอะไรไปด่าเขา

แถศักดิ์ : ไม่มีความเป็นไทยครับ สัตว์ประจำชาติเราไม่ใช่หมีโคอะล่า คนที่ทำแบบนี้พร้อมกับเผยแพร่ ผมถือว่าเป็นคนขายชาติ

ไนท์ดี้ : ซาบซึ้งครับ...... เช็ดเขร้

แถศักดิ์ : เช็ดเขร้ก็ถือเป็นขายชาติ จระเข้ไม่ใช่สัตว์ประจำชาติไทย

ไนท์ดี้ : ไอ้... ไอ้ช้างลากเยอะ!!!

แถศักดิ์ : ดีมากครับ อย่าคิดสู้ผมจะดีมาก

ไนท์ดี้ : เพราะคุณมีตรรกะเทพ!!

แถศักดิ์ : เปล่า ผมว่าง และผมอุทิศตัวให้กับการต่อสู้บนโลกอินเตอร์เน็ต 24 ชั่วโมง

ไนท์ดี้ : โธ่ ไอ้... ไอ้ช้างลากเยอะ!!!

แถศักดิ์ : ดีมากครับ รักความเป็นไทย

ไนท์ดี้ : ไอ้ช้างลากเยอะ!!!

แถศักดิ์ : ดีมากครับ เราคนไทย

ไนท์ดี้ : ไอ้ช้างลากเยอะ!!!

แถศักดิ์ : อืม พอก่อนมั้ย เยอะไปแล้ว






ไนท์ดี้ : คุณชอบการทะเลาะกันขนาดนั้นเลย

แถศักดิ์ : ไม่ได้ชอบ แต่มันเป็นหน้าที่

ไนท์ดี้ : หน้าที่อะไร คุณกำลังจะบอกว่าการทะเลาะกันเป็นหน้าที่ โอ้ พระเจ้า

แถศักดิ์ : อุทานแบบนี้ ขายชาติชัดๆ

ไนท์ดี้ : โอ้... พระสงค์!!!! ไอ้บ้าเอ้ย เรื่องแค่นี้ก็เอา





แถศักดิ์ : มันเป็นหน้าที่ๆ เราต้องหาความแตกต่าง ไม่อย่างนั้นชีวิตของเราก็จะถูกพวกมากลากไป

ไนท์ดี้ : แตกต่างหรือขวางโลก

แถศักดิ์ : แตกต่างฟังดูดีกว่า






ไนท์ดี้ : คุณสามารถหาประเด็นได้ตลอดเวลาเลยงั้นเหรอ

แถศักดิ์ : ทุกที่ ทุกเวลา

ไนท์ดี้ : งั้นทดสอบ สมมุติว่าขึ้นรถเมล์ คุณจะหาประเด็นอะไรมาเล่น

แถศักดิ์ : ใครไม่ลุกให้เด็ก สตรี คนชรา นั่ง เป็นคนเลว!!!

ไนท์ดี้ : โห.... เหมาเลย

แถศักดิ์ : แน่นอน ถ้าไม่เหมา เราไม่พูด

ไนท์ดี้ : ไหนเอาแบบไม่เหมาซิ

แถศักดิ์ : คนที่ไม่ลุกให้เด็ก สตรี คนชรานั่ง เป็นคนเลว..... แต่ไม่ใช่ทุกคน บางคนก็อาจจะเป็นคนดี

ไนท์ดี้ : เออ..... เว้ย จะพูดทำมะเขืออะไรเนอะ ก็แหงอยู่แล้ว ก็คงต้องเหมาเลยน่ะแหละ

แถศักดิ์ : ใช่ จะคิดหลายแง่มุมทำไม เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลไปเลยง่ายกว่า 






ไนท์ดี้ : อ่ะ แล้วถ้าคนขับรถเมล์อยากเป็นคนดีล่ะ

แถศักดิ์ : ก็ลุกได้ ไม่ได้ห้าม ก็ให้คนที่นั่งขับแทน

ไนท์ดี้ : แล้วถ้ารถมันว่างอยู่แล้วล่ะ ต้องลุกมั้ย

แถศักดิ์ : มันก็สมควรจะลุก ลุกให้คนแก่นั่งแทน แล้วตัวเองก็ไปหาที่ว่างที่อื่น

ไนท์ดี้ : คุณนี่ก็ไปเรื่อยเนาะ..... คล่องจัง

แถศักดิ์ : ผมจนมุมยากอยู่แล้ว 







ไนท์ดี้ : งั้นลองเป็นเรื่องมือถือดูบ้าง สมมุติว่าผมเพิ่งซื้อสมาร์ทโฟนมาหมาดๆ เลย เครื่องละหมื่นสอง

แถศักดิ์ : บ้าวัตถุ มือถือมันก็คือโทรศัพท์ เอาแค่โทรเข้าโทรออกก็พอ

ไนท์ดี้ : เดี๋ยว นี่มันเงินผมนะ

แถศักดิ์ : ก็ไม่ได้บอกว่าคุณไปขโมยมือถือใครมานี่ ผมบอกว่าคุณน่ะบ้าวัตถุ โดนวัตถุครอบงำ

ไนท์ดี้ : อ้าว ก็ผมซื้อโทรศัพท์ไว้ใช้งาน ยังไงก็ต้องโทรเข้าโทรออกอยู่แล้ว

แถศักดิ์ : มันแพงเกินความจำเป็น ฟุ่มเฟือย โง่เขลาเบาปัญญา!! จริงๆ ทุกคนควรจะใช้เครื่องละ 750 ก็พอแล้ว

ไนท์ดี้ : อ้าว แล้วถ้าผมต้องเช็คอีเมลล์ล่ะ!!!

แถศักดิ์ : คุณก็วิ่งเข้าร้านเน็ตสิ

ไนท์ดี้ : แล้วถ้าผมอยากอัพสเตตัสล่ะ!!!

แถศักดิ์ : ก็เข้าร้านเน็ตไง

ไนท์ดี้ : แล้วถ้าเจ้านายผมมีธุระด่วนมากกกกก ต้องไลน์มาหาผมล่ะ

แถศักดิ์ : อ้าว แล้วจะไลน์ทำหอกอะไรล่ะ ก็ให้เค้าโทรมาซี่!!!!! 






ไนท์ดี้ : เออเว้ย ตกลงคุณชนะผมใช่มั้ยเนี่ย

แถศักดิ์ : แน่นอน คุณจนมุมผมไม่มีทางสู้เลย

ไนท์ดี้ : เดี๋ยวนะ คุณใช้มือถือยี่ห้ออะไร

แถศักดิ์ : ไอโฟน5S เคสสีทองคำเปลว ซื้อสดไม่มีผ่อน ทั้งเครื่องทั้งเคส 5 หมื่นถ้วนๆ 






ไนท์ดี้ : ไหนบอกควรใช้เครื่องละ 750

แถศักดิ์ : มาคิดได้ทีหลังจากซื้อมาแล้ว

ไนท์ดี้ : แล้วซื้อยัง ไอ้เครื่อง 750 เอาไว้โทรเข้าโทรออกอย่างเดียวเนี่ย

แถศักดิ์ : กำลังหยอดกระปุกอยู่ วันละบาท 2 บาท ครบเมื่อไหร่ซื้อสดทันที






ไนท์ดี้ : จ๊ะพ่อ...... ถามจริงๆ วันไหนไม่ได้ชวนใครทะเลาะเนี่ย จะตายมั้ย

แถศักดิ์ : ผมไมได้ชวนทะเลาะ ผมก็ออกความเห็นของผม คนอื่นน่ะแหละมาชวนทะเลาะเอง

ไนท์ดี้ : เคยทะเลาะกับใครแบบแรงๆ นานๆ มั้ย แบบเป็นมหากาพย์เลยอ่ะ มีขุด มีคุ้ย ประจาน ท้าตบหน้าอำเภออะไรพวกนี้

แถศักดิ์ : ล่าสุดนี่ถึงขั้นฟ้องกันเลยครับ

ไนท์ดี้ : โห ขนาดนั้นเลย ฟ้องร้องกันเลยเหรอครับ

แถศักดิ์ : ผมฟ้องแม่เลย แม่จ๋า ไอ้นี่มันเถียงหนู....!!!!

ไนท์ดี้ : ทุ๊ยยย!!!!






แถศักดิ์ : เรื่องขุดคุ้ยนี่ของถนัดเลยครับ ใครเถียงกับผมนี่ ผมจะมีบริการสาธยายประวัติให้เสร็จสรรพ เพิ่มอรรถรสให้กับไทยมุง ทำให้คู่ชกเกิดอาการเสียสมาธิ

ไนท์ดี้ : เป็นชั้นเชิงขั้นสูงเลยนะครับเนี่ย

แถศักดิ์ : ผมมีวันนี้ เป็นหนี้บุญคุณกูเกิ้ลอย่างทดแทนไม่มีวันหมด 






ไนท์ดี้ : สมมุติว่าคุณเถียงกับผมอยู่ ตอนนี้กำลังสูสีเลย

แถศักดิ์ : ผมก็จะเอารูปคุณใส่ทูพีช กำลังเต้นท่าแน่นอกมาแป่ะ!!!

ไนท์ดี้ : ชิบหายเลย คุณไปหามาจากไหน!!

แถศักดิ์ : พึ่งพากูเกิล

ไนท์ดี้ : หาเจอด้วยเหรอ!!??

แถศักดิ์ : หาเจอ?? เดี๋ยว ตกลงสมมุติหรือเรื่องจริง

ไนท์ดี้ : ก็มีจริงเหมือนกันนะ.....

แถศักดิ์ : เอ้า งั้นคราวหลังอย่าทำอีกนะ ทางบ้านรู้จะเสียใจ

ไนท์ดี้ : แต่ตอนนั้นมันฟินมากเลยนะ

แถศักดิ์ : เข้ารายการดีกว่ามั้ย 






ไนท์ดี้ : อ้อ.... เกือบลืม ช่วงสุดท้าย กับคำถามสุดท้ายแล้ว คุณคิดว่าการที่เรามีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นได้ทุกวันเนี่ย มันให้ประโยชน์อะไรกับสังคมบ้าง

แถศักดิ์ : ช่วยฝึกสมอง ประลองปัญญา ฝึกการค้นคว้า ฝึกความพยายาม ฝึกการโต้วาที ฝึกการวางแผน ฝึกการ.........

ไนท์ดี้ : เฮ้ยๆ เดี๋ยว ทำไมพอไล่ประโยชน์มาแล้วมันดูดีจังวะ

แถศักดิ์ : ถ้าเป็นแค่นักเลงคีย์บอร์ด จะคิดเหตุผลแบบนี้ไม่ได้ กรุณาเรียกผมว่า “นักรบไซเบอร์... ไฟท์เตอร์โซเชียล”

ไนท์ดี้ : โอ... ฟังแล้วแทบอยากจะไปออกรบด้วยทีเดียว

แถศักดิ์ : ไม่มีปัญหา หาข้าเพี้ยงพล้ำเมื่อไหร่ เจ้ามาช่วยข้าได้เสมอ

ไนท์ดี้ : ยินดีอย่างยิ่ง

แถศักดิ์ : เพราะข้าเองก็เบื่อจะอวตารไอดีแล้วเหมือนกัน เหนื่อย

ไนท์ดี้ : น่าสงสารเนอะ






แถศักดิ์ : เอาล่ะ ได้เวลาแล้ว ต้องไปเช็คกระทู้แล้วล่ะ ป่านนี้คนมีคนรอผมอยู่

ไนท์ดี้ : สู้ๆ นะครับ แต่ถ้าสู้ไม่ไหวก็เลิกเถอะนะ แขวนคีย์บอร์ดแล้วไปทำอย่างอื่นบ้างก็ได้

แถศักดิ์ : ช่วยฝึกสมอง ประลองปัญญา ฝึกการค้นคว้า ฝึกความพยายาม ฝึกการโต้วาที ฝึกการวางแผน ฝึกการ.........

ไนท์ดี้ : เออ!!!! รู้แล้ววววว ไม่ต้องเลิกก็ได้!!! เป็นสิ่งที่ดีเหลือเกิน!!!! รายการหมดเวลาแล้วครับ สำหรับวันนี้คงต้องขอลาไปก่อน สวัสดีชาวโลก...... ครับ

แถศักดิ์ : สวัสดีครับ

ไนท์ดี้ : ยอมกะมันจริงๆ.......






(ปิดรายการ ซะยังงั้น..........)





วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เกรียนกรึ่มกรึ่ม ตอน เกมผิดตัลหลอด



(ต้นฉบับปี 2556)



พวกเราเคยน้อยใจกันบ้างมั้ยครับ....

ที่คนเล่นเกมอย่างพวกเราทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้การยอมรับสักทีว่าเป็นกิจกรรมที่มีสาระ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์  ยิ่งเวลามีข่าวอะไรไม่ดี มีคนทำอะไรไม่ดี อย่าให้มีเกมไปอยู่ในเหตุการณ์ทีเดียวเชียวนะ มันจะเป็นผู้ร้ายอันดับ 1 ที่ต้องโดนรุมสกรัมให้ตายอนาถเสมอ

ครับผม ทุกวันนี้พวกเราก็ยังคงต้องต่อสู้ ต่อสู้เพื่อเรียกร้องภาพพจน์ที่ดีงามของเด็กเล่นเกมต่อไป  ภายใต้สังคมอันโหดร้าย  โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่   เด็กติดเกมอย่างพวกเราจะเดินกลางสนามหลวงได้อย่างสง่าผ่าเผยสักที ทำไม


ทำไมต้องสนามหลวงด้วย เดี๋ยวนะ  แล้วทำไมมึงต้องดึงเศร้าขนาดนี้


ครับ และทั้งหมดนี้คือรายการ คนข้นคน ช่วงต่อไปพบกับข่าวต้นชั่วโมง........ 

พบเด็กทะเลาะวิวาทในร้ายเกม!!!! แทงกันดับ 1 บาดเจ็บ 2 ถัดไป 3 หมู่บ้านพบวันรุ่นยิงกันดับ 2 เลียนแบบเกมเคาท์เตอร์สไตรค์!!!!!! แถมชั้นบนพบเด็กสลบเหมือนหน้าจอคอม คาดว่าเล่นเกมจนเสียชีวิต!! นั่นไงโว้ยยยยยยยยยยยยยย

เกมผิดตัลหลอดดดดดดด!!!!!!!


แค่จับจอยก็ผิดแล้ว!!! ไม่รู้มันจะอะไรนักหนา ทุกความรุนแรงในโลกนี้เป็นความผิดของเกม!!!


บางข่าวบางเรื่องนี่ ไม่ต้องเอาเกมมาขยายก็ได้ ถ้าจะให้ดีไม่ต้องเอามาหรอก  หยิบมีดแทงกูเลยดีกว่า ทีเด็กเหรียญทองโอลิมปิกโลก ไม่ไปถามบ้างล่ะครับว่าน้องเล่นเกมฝึกสมองอะไร เกมมือถือก็ได้เอ้า..... ช่วยกรุณางัดแง่ดีๆ ของมันออกมาบ้างจะเป็นพระคุณอย่างสูง 


ทุกวันนี้เล่นเกมไปเศร้าไป น้อยใจไป ไม่รู้จะจิตตกเอาสายจอยมาผูกคอตายเมื่อไหร่..... เดี๋ยว  ไม่ ไม่ได้ เดี๋ยวเป็นข่าวประจานอีก เสียไปถึงอากงอาม่า


ผมมีความเชื่ออย่างนึง อย่างที่เคยเขียนบอกไปเมื่อฉบับก่อนหน้านั้นครับว่า ทุกคนต้องเคยเล่นเกม.....  เราอยู่ในโลกที่เกมเป็นส่วนหนึงของชีวิตไปแล้ว   แต่เราก็อยู่ในโลกที่มีผู้ใหญ่งี่เง่า ที่ไม่ยอมหมุนตามโลกด้วยเหมือนกัน 


บ้านไหนนะครับที่ผู้ใหญ่ปล่อยให้เด็กเล่นเกมตามสบาย แสดงว่าคุณมีบุญเหลือใช้จากการตักบาตรด้วยแผ่นเกมในชาติที่แล้วมากๆ



เชื่อว่ามีเด็กหลายคนต้องเคยประสบปัญหาแบบผม สำหรับผู้ใหญ่ทุกคนในบ้าน  เครื่องเกมคือเครื่องอันตราย  เมื่อเราไปสัมผัสมันเมื่อไหร่ สมองเราจะถูกกลืนกิน เราจะถูกความชั่วร้ายครองงำ เราจะเป็นเด็กรุนแรง 


รุนแรงแม้กระทั่งเล่นเกมเทอทริส  อู้ย...... ดึงบล็อกลงมาต่อแรงขนาดนี้ อนาคตต้องเป็นเด็กเกเรแน่ๆ  จะบ้าเหรอ!!!! คนมันจะคิด ยังไงก็คิดครับ


ให้เล่นเกมปลูกผัก พรวนดินแรงเกินไปยังดูเป็นเด็กก้าวร้าวได้เลย ถ้าคนมันจะมอง


เกมมันคือความรุนแรง แอคชั่นคือรุนแรง ยังไงมันก็ต้องรุนแรง แม้กระทั่งเกมภาษายังมีฉากต่อสู้ อย่าแปลกใจครับว่าทำไมทุกวันนี้ เกมถึงมีเอี่ยวบนหน้าหนังสือพิมพ์ตลอด เพราะโลกเราคือความรุนแรง ต่อให้ทั้งโลกเล่นเกมเศรษฐี 16 คำถามกับ 3 ตัวช่วย (โห....เก่ามากไอ้สัด  จะโบราณไปไหน เดี๋ยวนี้เค้ามีเกมเศรษฐีออนไลน์แล้ว) ความรุนแรงมันก็ยังมีในโลกอยู่ดี


เหมือนคนเล่นเกมอย่างพวกเราถูกตัดสินโดยคนที่ไม่ได้เล่นเกม 


จนทุกวันนี้มันก็ยังกลายเป็นภาพจำอยู่ “จะทำยังไงให้ผู้ใหญ่เลิกมองว่าเกมไร้สาระ” จึงเป็นหนึ่งในคำถามโลกแตกที่ยังหาทางตอบกันไม่ได้สักที


ผมว่าเกมมันไม่ได้มีอะไรหรอกครับ อยู่ที่คนมองนี่แหละมันมีปมอะไรกับเกมคอมพิวเตอร์หรือเปล่า มาริโอ้มันเคยไปขี้บนหลังคาบ้านพวกคุณมารึไง ร็อคแมนมันไปขโมยฝาชีบ้านคุณมาเหรอ 


หรือว่า บางทีสิ่งที่เราเห็นจากสื่ออาจเป็นแค่.......


จุดขาย!!!
ใช่.... เพราะเกมมันคือจุดขาย


เวลามีข่าวอะไรถ้ามีเกมเข้าไปเอี่ยวด้วย มันจะน่าสนใจ มันจะน่าแชร์ต่อๆ กันไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบแปล๊บๆ ถึงแม้จะออกไปทางแชร์ไป ด่าคนเขียนข่าวไปก็ตาม 


“พบเด็กต่อยกันหลังโรงเรียน คนมุงดูถ่ายคลิปกันเป็นสิบ” 


ดูปกติมากครับ เด็กต่อยกันมีทุกโรงรียน จะเอามาเขียนข่าวทำไม


แต่ถ้าเป็น 


“พบเด็กต่อยกันหลังโรงเรียน เลียนแบบเกมเทคเคน คนมุงดูถ่ายคลิปกันเป็นสิบ!!!”


นั่น!! เด็กวัยรุ่นทั่วประเทศไทยให้ความสนใจทันที เอาแล้วไง พวกกูอุตส่าห์แบ่งเวลาเล่นเกม ทำการบ้านตามคำสั่งหม่อมแม่ที่บ้าน เล่นเกมไม่เกิน 1 ชม งานมาจนได้ เขียนข่าวได้น่าเอาฟุตเหล็กปาดคอจริงๆ จาก 1 ชม. จะเหลือ 10 นาทีมั้ยล่ะเนี่ย


“พบเด็กสลบน้ำลายฟูมปากพะงาบๆ หน้าจอคอม!!!”


ดูจากคำไม่น่าสนใจใช่มั้ยครับ ส่วนใหญ่พอคนอ่านแล้วจะรู้สึกว่าเป็นห่วงเด็กมากกว่า ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า พักผ่อนน้อย หรือเจอลมแดดอะไรมา ไม่ได้สนใจจอคอมเท่าไหร่ ก็ไม่รู้จะเอามาเป็นข่าวทำไม


แต่ถ้าเป็น “พบเด็กสลบน้ำลายฟูมปากพะงาบๆ ในร้านเกม!!!”


โอ้โห..... อ่านจบรู้เลยว่าเหี้ยมาเยือนแน่ๆ ไม่ต้องห่วงเด็กคนนั้นแล้วนะ   ห่วงพวกเราเองนี่แหละ 


กฎหมายมาเลย  ห้ามโน่นห้ามนี่ ห้ามเข้าก่อนบ่าย 2 ต้องเลิกก่อน 6 โมง ห้ามใส่ชุดนักเรียน..... อืม ต้องแก้ผ้าเข้าร้านเกมใช่มั้ย ห้ามออกจากบ้านหลัง 4 ทุ่ม ห้ามจับกลุ่ม ห้ามพกหนังสือเกม ห้ามนำเข้าเกม โอเค!!! งั้นดูหนังโป๊อยู่บ้าน จบมั้ย!!! ไอ้บ้า!!


ผู้ใหญ่บ้านเรานี่ก็แปลก ไม่รู้อคติอะไรนักหนากับสิ่งที่เรียกว่าเกม กับการ์ตูน แต่กับเรื่องเซ็กซ์นี่ล่ะปล่อยจังเลย


มีได้แต่ต้องป้องกันนะครับเด็กๆ สอนการใช้ถุงยางอย่างถูกต้อง ให้ผู้ใหญ่เข้าอกเข้าใจ สักวันนึงมันต้องมีอบรมการเล่นท่าผาดโผนอย่างถูกต้องแน่ๆ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ........ 


ตรงไหนวะ เรื่องเล่นเกมนี่ธรรมชาติเด็กกว่าอีก!!!! 


เด็กบางคนเค้าก็ซิงยันเรียนจบได้ตั้งเยอะแยะ แต่เด็กคนไหนบ้างที่ไม่เคยเล่นเกมจนกว่าจะเรียนจบ 


ทำไมไม่ให้พ่อแม่ผู้ใหญ่เข้าใจกันบ้าง ทีผู้ใหญ่ยังเที่ยวยังเมาโต้รุ่งได้เลย แล้วทำไมเด็กจะเล่นเกมยันเช้าบ้างไม่ได้


โอ้โห..... งานไทยแลนด์เกมโชว์ งานเด็กเล่นเกมยิ่งใหญ่ระดับประเทศ ออกสื่อทางทีวีแว้บๆ เหมือนลูกเมียน้อยคนที่สี่สอบได้ที่หนึ่ง แต่พอมีเด็กตบกันในห้องน้ำ เอามาเป็นประเด็นร้อนซะงั้น


เด็กไล่ยิงกันในร้านเกม เอามาเป็นเรื่องเด่นเย็นโน้น งานเกมโชว์จัดตั้งหลายวัน ไม่มีใครยิงกันสักแอ่ะ วิ่งสวนตูดกันยังไม่มีเลย เรียบร้อยมาก พวกกูแทบจะเดินงานด้วยท่าจงกลมกันเลยทีเดียว


ทำไมไม่ออกข่าวให้เครดิตกันบ้าง พวกเราอุตส่าห์มารวมตัวกันทำเรื่องดีๆ แท้ๆ หรือนักข่าวมัวแต่สนใจนมพริตตี้


คนไทยเล่นเกมได้แชมป์โลก จะมีใครสักกี่คนรู้ว่าเค้าหน้าตาเป็นยังไง ทุกวันนี้พวกเขาก็เดินออกไปซื้อก๋วยจั๊บน้ำข้นเหมือนคนธรรมดาทั่วไป


แล้วสื่อบ้านเรามัวแต่ไปให้ความสำคัญกับใคร..... โน่น จิ๊กโก๋ที่แม่มท้าไฟ้วกันผ่านโซเชียล!!! ไอ้พวกนี้ล่ะดังจัง!!! ทุกวันนี้มีคนยึดเป็นไอดอลแล้ว เท่มาก เท่เหลือเกิน ขอโดดถีบขาคู่ตรงยอดหน้าด้วยความชื่นชมได้มั้ย


อยู่ตรงหน้าจอเหมือนกัน แต่ความสำคัญต่างกันลิบลับ ไม่รู้มาตรฐานการให้ความสำคัญอยู่ตรงไหน


เป็นไปได้สูงว่าครับ สัปดาห์นี้ผมมาทำได้แค่บ่นปอดแปด เหมือนเป็นคนไม่เข้าใจโลกได้แค่อย่างเดียว คือมันทำอะไรไม่ได้เลยครับนอกจากนั่งน้อยใจ ถ้ามันแน่นแค่อกคงเรียกใบเตยมายกออกไปแล้ว เก็บไว้ก็ใจถลอกเปล่าๆ


แง่นึงการเล่นเกมมันก็คือการผ่อนคลาย แต่ก็มีคนหลายคนเหมือนกันที่เล่นเอาตาย เล่นไม่ดูเวร่ำเวลา เล่นจนเสียการเสียงาน เล่นจนเสียคน บางคนเล่นจนเสียตัวก็มี


เกมมันซวยอ่ะครับ ที่ดันพูดไม่ได้ ไม่มีปากเสียง มันผิดเหรอก็ไม่ใช่ แต่ก็ต้องเหมือนผิดเพราะคนเล่นเองโทษเอง น่าเกลียดจริงๆ


ถ้าเกมมันพูดได้ มันคงพูดแล้วล่ะว่า


“ชั้นไม่ได้บังคับให้แกมาเล่นชั้นนะโว้ยยยยยยย”


ก่อนจะลุกไปตบหัวพวกผู้ใหญ่งี่เง่าคนละป้าบ 2 ป้าบ เผื่อจะคิดได้บ้าง 



 ว่าเกมคือความรุนแรงมันต้องรุนแรงแบบนี้ตะหากว้อย!!!  
  

                

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ เรื่องสั้น หวานมันฉันคือเธอ ตอนที่ 5 (จบ)


















ทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร ติดตามอย่ากระพริบตากับ

“หวานมัน ฉันคือเธอ” ตอนจบ






โครม!!! โครมม!!

“กรี๊ดดดด...!!! ไอ้พวกบ้า!! นี่พวกแกจะทำอะไรช๊านนน!!!”

ส้มปี๊ดวิ่งผลักจอคอมพ์หล่นพื้นไป 2 ตัว ประกายไฟแปล๊บๆ ควันขึ้น ก่อนจะวิ่งหนีไปหลบหลังโต๊ะวางกองหนังสือเกม

“พวกแกบ้าไปแล้วเรอะ!!!” 

 สาวน้อยตกใจมากเมื่อเห็นไอ้พระโหดฯ ถือเครื่องช็อตไฟที่เปล่งประกายและใบหน้าเหี้ยมเกรียมอยู่ต่อหน้า แถมเด็กหัวเกรียนคนอื่นๆ ก็ดูจะเบ่งรังสีอำมหิตออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านวิสาจอยู่เฉยๆ สิครับ รับรองว่าเปรี้ยงเดียวหายเลย” พระโหดฯ พยายามพูดเกลี้ยกล่อม

“หายไปจากโลกนี้!!! น่ะสิว้อยย!!”




ขณะนี้ส้มปี๊ดกำลังสเต็ปหนีลูกน้องเกรียนที่จะมาจับตัวอย่างอลหม่าน โครม!! โครม!! สุดวุ่นวายจริงๆ โต๊ะคอมพ์ล้มไปอีก 2 -3 ตัวแล้ว ยังไม่มีใครจับส้มปี๊ดได้


“พวกแกเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!! ผีเข้าเหรอ” ส้มปี๊ดขึ้นเสียง 


 โครมม!!!!  ก่อนกระโดดถีบหน้าสมาชิกเกรียนกระเด็นออกไปนอกร้าน 1 คน

“ผีเข้าเหรอ ท่านวิสาจน่ะแหละผีเข้า!!!”

“เฮ้ย....” ส้มปี๊ดนึกในใจ ไอ้พวกนี้มันบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่มันวันซวยอะไรของชั้นวะเนี่ย!!

“เฮ้ย ชั้นไม่ได้ผีเข้านะ นี่ไง ยังปกติดีทุกอย่าง” 

ส้มปี๊ดขึ้นไปยืนบนโต๊ะคอมพ์ให้ดู

“ชื่อในเกมฉันชื่อวิสาจจจ!!!!”



“ไม่ใช่!! รูปประโยคก็ผิด  ท่านวิสาจของจริงพลังวอยซ์ต้องสะเทือนกว่านี้!!!”




ส้มปี๊ดหน้าซีดทันที เอาแล้วไง ทำไงต่อดีล่ะเนี่ยชั้น

เหล่าเกรียนทุกคนตะโกนพร้อมกัน

“พวกเรา!! จับผีให้ด๊ายยย!!!” 



ว่าแล้วสมาชิกเกรียนทุกคนก็หยิบที่ช็อตไฟฟ้าออกมาคนละอัน พึ่บ... พึ่บ... ส้มปี๊ดเห็นเหงื่อแตกเต็มหน้า อ้าปากค้างทันที ไอ้พวกเชื้อโรค เอาจริงเหรอวะเนี่ย ไม่ได้การแล้ว!!

“เพล๊งงงง!!!!”

“เฮ้ยยย!!!”



ส้มปี๊ดตัดสินใจกัดฟันโดดทะลุกระจกร้านออกไป ร่างตีลังกาลงพื้นอย่างสวยงาม ก่อนจะออกสตร๊าท์วิ่งสุดแรงเกิดทันที พวกแก๊งค์เกรียนอยู่ในอาการคาดไม่ถึง 4 จตุรเทพรีบวิ่งตามออกไปดูหน้าร้าน ส้มปี๊ดติดเจ็ทวิ่งหนีไปได้จะครึ่งซอยแล้ว

ทุกคนออกมาหน้าร้าน แหกปากตะโกนก้อง




“เพื่อเกรียนกรุ๊ป!!! พวกเราจะนำท่านวิสาจกลับมาให้ได้!!!”





ส่วนส้มปี๊ดตอนนี้ไม่คิดเรื่องอะไรแล้ว สับขาเพื่อเอาตัวรอดอย่างเดียว





ขณะนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่มนัสกับอังโกะเลิกเรียนพอดี ทั้ง 2 คนกำลังจะเดินกลับบ้าน




“เพื่อเกรียนกรุ๊ปของพวกเรา!!!”

เสียงโห่ร้องแห่งบ้านระจันดังก้องทั่วซอย อมนุษย์หัวเกรียนติดอาวุธเครื่องช็อตวิ่งไล่กันเป็นขบวน ประกายไฟเปรี๊ยะๆ ทำให้ดูอลังการอย่างรุนแรง

ผู้คนแถวนั้นเหวอกันไปหมด พวกเขานึกว่าองค์การอะไรสักอย่างกำลังจะยึดครองโลก



“ว้อยยย!!! ช่วยด้วยย พ่อจ๋า แม่จ๋า พี่บัณฑิตจ๋าาา!!!! พี่เร็นจ๋าาา!!!ช่วยด้วยยยยยยยยย!!!”



“เฮ้ย เสียงนี้มัน....” 

มนัสที่กำลังเดินๆ อยู่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง เขาจำเสียงตัวเองได้ สัญชาติญาณบอกให้เขาต้องรีบผละวิ่งออกจากอังโกะที่กำลังเดินกลับบ้านด้วยกันทันที

“เฮ้ย เดี๋ยวซี่ รอด้วย” อังโกะเองก็ตกใจไม่ต่างกับมนัส และเธอก็รีบวิ่งแบกร่างอวบๆ ตามไปทันทีเช่นกัน



“ช่วยด้วยยยย!!! เฮ้วมีปลีสสสส!!!”



มนัสวิ่งตามเสียงเข้าไปในซอยหนึ่ง ลางสังหรณ์กำลังบอกว่าร่างของเขาต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ


เฟี้ยวว....!!!    เขารู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างวิ่งผ่านหน้าเขาไปด้วยความเร็วสูง



“ช่วยด้วยย!!! สาวน้อยกำลังจะถูกช็อตต!!!”



เฟี้ยวว....!!! มนัสตกใจ

“เฮ้ย!! ยัยส้มเน่า!! นั่นร่างชั้นนี่หว่า!!”

เกิดอะไรขึ้นเนี่ย แล้วยัยนั่งวิ่งหนีอะไร



เฟี้ยวว....!!!!

เขารู้สึกว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มวิ่งผ่านเขาไป ด้วยความเร็วสูง



“ท่านวิสาจ!! ประจุไฟฟ้านี้จะนำจิตวิญญาณของท่านกลับมา!!! มาให้ข้าช็อตเสียดีๆ เถอะครับ”



เฟี้ยวว...!!! ก... เกรียนกรุ๊ป มนัสตกใจอีกครั้ง ยิ่งกว่าเมื่อกี้อีก



“เฮ้ยย!!! ไอ้บ้า พวกแกจะช็อตร่างชั้นเรอะ!!! อย่านะเว้ยย!!”



มนัสจะวิ่งตาม แต่แล้วก็ชะงักกระทันหัน เหงื่อเขาเริ่มแตก คิดดีๆ คิดดีๆ ถ้าวิ่งตามตอนนี้ยังไงก็ไม่ทันแน่นอน เปลี่ยนวิ่งอ้อมไปดักอีกซอยนึงดีกว่า


อังโกะที่เพิ่งตามมาถึง พอเห็นมนัสออกวิ่งต่อก็ทรุดเข่ายอมแพ้ทันที ไม่ไหว วิ่งตัวเปล่าไม่ไหวจริงๆ ต้องมีอะไรแบกด้วยเสมอ  เอาไงดีเนี่ย   จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย



“ขอให้ดักทันด้วยเถอะน่า!!” มนัสวิ่งไปภาวนาไป เห็นแล้ว!! เห็นหัวมุมข้างหน้าแล้ว!! ขอให้ทันด้วย!!!



“ช่วยด้วยยย!!!”



“ท่านวิสาจ!! พวกข้าจะปลุกจิตวิญญาณของท่านกลับมา!!!”



“ทันแล้ว!!!”




เฮ้ยยย!!!!

โครมมม…!!! เปรี๊ยะ!!! เปรี้ยงง!!!

บึ้มมม!!!


ตู้มมม!!! (หลายเอฟเฟคเหลือเกิน)



อ๊าคคคค!!!!





























(...... ....... .......)

(..... ......)

(.... ..)



ม่านตาที่ปิดกำลังค่อยๆ เปิดออกรับแสง

“เย้...!! ท่านวิสาจฟื้นแล้ว”


ภาพแรกที่มนัสเห็น สมาชิกเกรียนกรุ๊ปหลายสิบชีวิตกำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วง

“เอ่อ ที่นี่... ที่ไหน” มนัสยังอยู่ในอาการเบลอ

“ล.. แล้ว เกิดอะไรขึ้น หรือว่าทั้งหมดเป็นความฝัน”

คำพูดนั้นทำเอาเหล่าเกรียนกรุ๊ปหันมองหน้ากันเลิกลั่ก เหมือนว่าจะเกี่ยงกันให้คำตอบ



“อ้าว ท่านจำอะไรไม่ได้จริงๆ เหรอครับเนี่ย ก็เมื่อวานท่านวิสาจวิ่งหนีพวกผม จนไปชนกับยัยแรดนั่นไงล่ะครับ แล้วไอ้นักธนูกับพรีสน่ารักที่วิ่งตามมาทีหลังก็ชนกันตูมใหญ่เลย อ้อ เครื่องช็อตไฟฟ้าระเบิดด้วย แต่ยังดีที่ไม่มีใครตาย”  พระโหดฯ เป็นตัวแทนอธิบาย

“เห็นมะละครับ บอกแล้วว่าตูมเดียว หาย”





เมื่อมนัสได้ยินดังนั้น ในใจเขายังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร เขาค่อยๆ ลุกขึ้น มองซ้ายมองขวา ก่อนจะจับมุมจับหน้าตัวเอง แล้วก็รีบวิ่งไปที่ส่องกระจก

ภาพที่เขาเห็น ใบหน้าขาดสารอาหารกลับมาแล้ว!!! กลับมาแล้ว!!! ถึงจะมีรอยไหม้ไฟแถมมาด้วยก็เถอะ

“เยสสส!!!!”



มนัสทำท่าเยส จังหวะนี้เกรียนกรุ๊ปทุกคนลุ้นระทึก ว่าเขาจะทำอะไรต่อ

มนัสหันมาแสยะยิ้มน่าเกลียด



“ชื่อในเกม.... ชื่อ!!!”



ประโยคนี้...... เล่นเอาทั้งร้านลุงยิ้มหน้าบานเหมือนถูกล็อตเตอรี่ พลังเสียงแบบนี้ พาวว์แบบนี้ จักรพรรดิ์ของพวกเขากลับเป็นคนเดิมแล้ว!!!

“วิสาจจจ!!!!” เฮ้...!!!












3 วันต่อมา



“ไง ยัยส้ม ยังไม่หายเจ็บแผลอีกเหรอ” 

 อังโกะสะกิด ส้มปี๊ดเดินหน้ามุ่ย ยังไม่หันมาคุยกับเพื่อนสาว 

“นี่ตอนนั้นนะ เค้าตกใจแทบแย่แน่ะ นึกว่าตัวเองจะตายแล้วซะอีก”

สาวน้อยส้มปี๊ดหันมาฉีกยิ้มน่ารัก

“นี่ คนอย่างส้มปี๊ด ไม่ตายง่ายๆ หรอกจ๊ะ อูยสส....”

“น่ะ... ทำเป็นเก่งนะ แกล้งยิ้มรึเปล่า วันก่อนล่ะร้องไห้ขี้มูกโป่ง”



ส้มปี๊ดทำไม่สน ยังลอยหน้าเดินนำไปเรื่อย กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็สะดุ้งเฮือก เธอก็มาหยุดที่มุมตึก มุมเดิม มุมที่ทำให้เธอต้องสลับวิญญาณกับผู้ชายที่เธอไม่ชอบหน้าที่สุด



“อี๋.... นี่ชั้นเดินมาถึงนี่ได้ไงเนี่ย” ส้มปี๊ดทำท่ารังเกียจสุดขีด

“แหม... เดินลอยหน้าลอยตามาถึงแบบนี้ หัวใจนำพาล่ะมั้งจ๊ะ” 

อังโกะแอบยิ้ม

“อารมณ์เสียอีกละ อะไรของเธอเนี่ยหายัยส้ม” 



จังหวะนั้น อังโกะเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ เธอหยิบกล่องสีชมพูเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า

“นี่.... กินสตอเบอรี่หน่อยมั้ย อารมณ์จะได้ดีขึ้น” 


 อังโกะยื่นให้ ส้มปี๊ดเห็นของโปรดแล้วยิ้มทันที

“นี่ หนุ่มที่ไหนซื้อเธอล่ะเนี่ย”



“ก้อ... เอ่อ แถวๆ นี้แหละ เค้านัดมาให้ชั้นเมื่อวาน ให้ชั้นที่ไหนล่ะ เขาบอกว่าให้เธอน่ะแหละยัยส้ม”



ส้มปี๊ดหน้าแดง “เอ๋ เขาบอกงี้เหรอ พี่เร็นแน่ๆ เลย ว้ายย”



“แหม.... รายนั้นน่ะไม่ใช่หรอก เพราะพี่เค้าไม่รู้ว่าเธอน่ะชอบสตอเบอรี่”



“ไม่ใช่เหรอ เออจริงด้วยสิ  แล้วใครอ่ะ”

ส้มปี๊ดทำท่าคิด แต่ก็คิดไม่ออก พลันนั้น เธอเหลือบเห็นมนัสที่เพิ่งซื้อบัตรเติม ช.ม ออกมาจากเซเว่นพอดี ทั้งคู่สบตากันปิ๊งป๊าง มนัสสีหน้าอึ้งๆ ปนตกใจ  พูดอะไรไม่ออก  สายตามองมาที่กล่องสตอเบอรี่ที่ส้มปี๊ดถืออยู่

ส่วนสาวน้อยทำหน้ายี้เหมือนจะอ้วกซะให้ได้  แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะจับมือเพื่อนวิ่งข้ามถนนหนีไปอีกฝั่ง



“ไปเหอะอังโกะ เราไปซื้อการ์ตูนกันดีกว่า”


“เอ่อ เฮ้ย  เดี๋ยวสิ  เธอไม่คิดจะทักทายนายคนนั้นซะหน่อยเหรอ ตอนจบแล้วยังไม่ได้คุยกันสักคำเลยนะ  เฮ้ย  จะวิ่งทำไมเนี่ยยย”












ทิ้งให้มนัสมองตามหลังทั้ง 2 คนไป  แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขามีรอยยิ้มให้กับผู้หญิงคนนี้



“จุดที่เราจะเข้าใจเค้ามากขึ้นเหรอ.... เธอทำให้ฉันคิดถึงที่บ้านขึ้นมาเลยว่ะ  สงสัยต้องหาเวลากลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่บ้างละมั้งเนี่ย”




“ขอบคุณมากนะ”





จบ..............................................

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ เรื่องสั้น หวานมันฉันคือเธอ ตอนที่ 4



ความเดิมตอนที่แล้ว

ทั้งมนัสและส้มปี๊ดที่สลับร่างกัน ต่างใช้ชีวิตในร่างที่ไม่ใช่ของตัวเอง

คืนที่แล้วมนัสต้องอาศัยอยู่ในบ้านของส้มปี๊ด ที่นั่น พ่อกับแม่ของส้มปี๊ดไม่ได้รู้สึกระแคะระคายอะไร และที่นั่นก็เป็นครั้งแรกที่มนัสรู้สึกได้ถึงกลิ่นของคำว่าครอบครัวอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่ของตนเองก็ตาม

ผิดกับส้มปี๊ดในร่างมนัสที่ทำตัวมีแต่พิรุธให้จับผิดเต็มไปหมด เหล่าสมาชิกเกรียนในร้าน โดยเฉพาะกลุ่ม 4 จตุรเทพที่คิดว่าหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาอาจจะโดนของ หรือโดนผีร้ายอะไรสักอย่างเข้าสิง และผีตัวนั้นไม่ใช่วิสเปอร์แน่นอน แต่ส้มปี๊ดเองก็ยังไม่ได้ระแคะระคายอะไร ยังคิดว่าการเล่นเกมของเธอจะช่วยกลบพิรุธของตัวเองได้

เหตุการณ์ผ่านข้ามคืนมาสู่วันใหม่ มนัสจำต้องแบกร่างส้มปี๊ดมาที่โรงเรียน และระหว่างช่วงพักกลางวัน 

“เร็น”หนุ่มหล่อรุ่นพี่ ม.6 ที่แอบชอบส้มปี๊ดอยู่ก็ตัดสินใจเข้ามาจีบระยะเผาขน มนัสที่สิงอยู่ในร่างจะทำอย่างไร 

แล้วฝั่งของส้มปี๊ดล่ะ พวก 4 จตุรเทพจะแอบวางแผนอะไร ไปตามต่อกันเลย



















หวานมัน ฉันคือเธอ ตอนที่ 4



“ชื่อในเกม!!! ชื่อ!!!”



เงียบ....



“ชื่อในเกม!!! ชื่อ!!!”

“ชื่อในเกม!!! ชื่อ!!!”

“ชื่อในเกม!!! ชื่อ!!!”



ชื่อ!! ชื่อ....!!!!




นักเรียนที่เดินผ่านต่างหยุดมองกันเลิกลั่ก บางคนก็แอบอมยิ้ม พี่เร็นทิ้งกุหลาบวิ่งร้องไห้หนีไปด้วยความอับอาย ส่วนอังโกะทิ้งตัวลงไปแกล้งตายที่พื้นตั้งแต่เบ่งพลังครั้งแรกแล้ว ทนดูไม่ได้จริงๆ

และมนัสเองก็ดูเหมือนจะยังไม่รู้สึกตัว

“เฮ้ย ทำไมเงียบอ่ะ ปกติมันต้อง....”



โครมม!!!



ร่างของส้มปี๊ดถูกเหวี่ยงลงสู่กองเบาะซ้อมยิมในห้องเก็บอุปกรณ์ (อีกแล้ว) แต่คราวนี้มีลูกบาสอัดตามมาด้วย

ผลั่ว!! ผลั้ว!! 

 มนัสในร่างส้มปี๊ดยกไม้ยกมือป้องกันใหญ่ โดนหน้าก็หลายลูก

ผลั่ว!! ผลั้ว!!

ผลั่ว!! ผลั้ว!! ผลั่ว!! ผลั้ว!! ผลั่ว!! ผลั้ว!!



“นี่แน่ะๆๆ ไอ้บ้าเอ้ย!!! แกรู้มั้ยว่าแกทำเพื่อนชั้นเสียหายแค่ไหน!!!”

อังโกะจอมพลังรัวกระสุนชนิดไม่ลืมหูลืมตา มนัสเองก็ระบมจนไม่อยากลืมหูลืมตาเช่นกัน



ผลั่ว!! ผลั้ว!! ผลั่ว!! ผลั้ว!! ผลั่ว!! ผลั้ว!!



“เฮ้ยยย!!! ยัยอ้วน ก็ชั้นขอโทษไปแล้วไง!! ก็บอกว่ามันลืมตัว!!


“ลืมตัวงั้นเหรอ!! แกขอโทษแล้วมันได้อะไรขึ้นมา!! ไอ้ทุเรศ!!” 


“เฮ้ย ขอโทษ ก็... ก็มันลืมตัวอ่ะ จริงๆ นะ ตอนนี้เค้ารู้สึกตัวแว้ว” 


อังโกะเสียงโหด “อ๋อ รู้สึกตัวแล้วเหรอ....”

ผลั้วว!!! อีกลูก เต็มจมูก… เลือดพุ่ง



“คือ..... สงสัยเป็นผลข้างเคียงของการออนไลน์มากเกินไป” 

มนัสแม้จะเสียเลือดฉับพลัน แต่ก็พยายามทำหน้าตาสำนึกผิดเท่าที่จะทำได้ พลางเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปาดเลือดไปด้วย



“แกไม่ต้องมาหน้าละห้อยเลย!!! คนอย่างแกน่ะโทษต้องถึงปางตาย ชั้นจะลงทันต์แกแทนเพื่อนชั้นเดี๋ยวนี้แหละ!!”


“อย่า!! เฮ้ย เดี๋ยว!! ยัยอืด นี่ร่างเพื่อนเธอนะว้อยยย!!”



เฮ้ยย.....ยยย!!! (เอคโค่ 7 ตลบ)

















ตัดกลับมาที่ห้องประชุมลับในร้านลุง



“เฮ้ย ไอ้พระโหดฯ แกว่าได้ผลแน่เหรอวะ” พรีสน่ารักถามอย่างสนใจเมื่อได้ฟังแผน “เล่นใช้ไฟช็อตเลยนะเว้ย”

“อ้าว ก็แหง นี่มันยุคสไลเดอร์”

“ยุคไซเบอร์!!” พรีสน่ารักกับแอสซาซินแก้มุก

“เออนั่นแหละ นี่นะเว้ย ข้าเคยดูหนังฝรั่ง” พระโหดฯ เริ่มอธิบาย 

“แล้วในหนังอ่ะ เวลามีใครตัวละครตัวไหนผิดปกตินะ โดนไฟช็อต ตูมเดียว... หาย หายเลย ทั้งผีทั้งวิญญาณ”

“เฮ้ยย!! จริงดิ แล้วไม่ตายเหรอวะ” แอสซาซินตาโต




“ตายสนิท” 




“เย้อยยย.... ” พรีสน่ารักกับแอสซาซินโวย


“ล้อเล่น... ไม่ใช่หรอก ที่ตายน่ะพวกผีร้ายวิญญาณร้ายที่สิงอยู่ในร่าง แต่ถึงตายนะ ข้าก็ยังว่าดีกว่าต้องมาทนเห็นท่านวิสาจมีจิตวิญญาณที่ดับมอดแบบนี้”

พระโหดฯ กำที่ช็อตไฟฟ้ามั่น ไฟเปรี๊ยะๆ เปล่งประกายเหมือนกับให้ความหวังของกลุ่ม 


“เราต้องเอาผู้นำของเราคืนมา....”


“โอ้โฮเฮะ เฮ้ย ไอ้พระโหดฯ แกนี่มันโหดสมชื่อเลยว่ะ”




ขณะนี้ส้มปี๊ดรู้สึกนิดๆ ว่า เอ วันนี้ทำไมหนังตาขวากระตุกบ่อยจัง เป็นเพราะเราใช้สายตาเล่นเกมเยอะไปหรือเปล่าน้อ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วยังไม่ได้พักเลย














ส่วนอีกด้าน มนัสกับอังโกะหลังจากเลิกกัดกัน ก็มานั่งชมวิวบนดาดฟ้าตึกเรียน  (ให้ตายเหอะ ยังกะซีรี่ย์ญี่ปุ่น)






“อ่ะ กินมั้ย” 

 มนัสหยิบยื่นกล่องพลาสติกสีชมพูโปร่งแสงให้ อังโกะมองกล่องนั้นแปลกๆ

“นายไม่ชอบกินสตอเบอรี่เหรอ” อังโกะรับกล่องมา 

 “จะบอกให้ นี่ของโปรดยัยส้มเลยนะเนี่ย”



“อ๋อ มิน่าล่ะ ถึงว่า” 

มนัสที่หน้าเต็มไปด้วยรอยแผล ออกยิ้มเล็กน้อย เขานึกถึงภาพตอนเช้าที่แม่ส้มปี๊ดวิ่งตามมาให้ที่ป้ายรถเมล์ แสดงว่ายัยส้มเน่าต้องเอามากินทุกวันแน่ๆ เลย

ว่าแต่มันอร่อยตรงไหนนะไอ้สตอเบอรี่เนี่ย บะหมี่ถ้วยยังอร่อยกว่าอีก



“นี่...” อังโกะสะกิดพลางหยิบสตอเบอรี่กิน

“ถามนิดสิ นายไม่ชอบเพื่อนชั้นเอามากๆ เลยเหรอ ยัยส้มน่ะ” 



มนัสตกใจเล็กน้อยกับคำถามนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย 



“ไม่ชอบ..... นี่เธอถามอะไรของเธอ ใครไม่ชอบใครกันแน่ เพื่อนเธอตะหากที่ไม่ชอบชั้น เจอทีไรก็ด่าเอาๆ ทั้งที่ชั้นก็ไม่ได้ไปเล่นเกมขวางตู้เย็นบ้านเค้าสักหน่อย เว้อ” 

อังโกะพอได้ฟังคำตอบก็อมยิ้มเล็กๆ ก่อนจกกินสตอเบอรี่ต่อ

“นี่ยัยอ้วน เธอน่ะ ไม่ต้องมายิ้มเลย แล้วเรื่องสลับร่างนี่จะทำยังไง”


มนัสเริ่มลุกโวยวาย “ชั้นเป็นห่วงทางโน้นจะแย่อยู่แล้วนะ ไม่รู้ป่านนี้เพื่อนเธอฆ่าลูกน้องชั้นหมกโถส้วมไปกี่ศพแล้ว”



“เฮ้ย!! นี่นาย!! ให้มันน้อยๆ หน่อย ยัยส้มเป็นผู้หญิงนะ เขาสิเสียหายมากกว่านาย” อังโกะเริ่มโมโห ลุกขึ้นโวยบ้าง

“เพื่อนชั้นสิเขาต้องกังวลว่าแกจะทำอะไรกับร่างเค้าตะหาก ชั้นรู้นะว่าหน้าอย่างแกอ่ะโรคจิต ผู้ชายทุกคนน่ะเวลาอยู่ในร่างผู้หญิงคิดลามกทุกคนแหละ” 

 อังโกะแยกเขี้ยวอย่างรู้ทัน



“ยกเว้นชั้นแหละโว้ย เวลาตึงเครียดแบบนี้ ชั้นไม่มาคิดอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอก”


“ไม่เชื่อ”


“จ้างให้ก็ไม่ทำหรอก โอ้ยย ยังกะเพื่อนเธอมีเสน่ห์นักนี่ หุ่นยังกะเด็กประถม”



“นั่นไงล่ะ...!!!”

อังโกะแยกเขี้ยวยกไม้ยกมือทำท่าจะเบ่งกล้าม ส่วนมนัสเองก็พยายามจะสู้เท่าที่ทำได้

“เฮ้ย!! จะทำอะไร นี่ร่างเพื่อนเธอนะ!!”





(เสียงมือถือส้มปี๊ดดัง)




“เฮ้ย เดี๋ยว ใครโทรมาเนี่ย....” มนัสดูหน้าจอ 

ที่จอเขียนว่า “ม่ามี๊ โทรเข้า” แม่ส้มปี๊ดนี่เอง ก่อนจะหันไปสงบศึกชั่วคราว อังโกะรีบชะโงกมาดูที่มือถือ


“อ๋อ... ทุกวันแม่ยัยส้มจะโทรหาแบบนี้แหละ จะถามว่ามื้อเย็นอยากกินอะไร กลับบ้านกี่โมง อะไรประมาณนี้แหละ”



มนัสหยุดนิ่งแป๊บนึง ก่อนกดแคนเซิลสายนั้นทิ้งไป อังโกะเห็นแล้วโวยทันที

“เฮ้ย แม่โทรมา ทำไมไม่รับเล่า” 



“ก็... ไม่ใช่แม่ชั้นนี่” มนัสพูดพร้อมกับโยนโทรศัพท์ให้อังโกะ “ถ้ามีใครโทรมาอีก เธอก็รับสายแทนไปละกัน”


“เอ่อ แล้วเมื่อกี้ขอโทษ เธอโทรกลับไปเคลียร์กับแม่เค้าให้ด้วยนะ”




อังโกะเกือบรับโทรศัพท์หล่นพื้น แต่ก็ยักหน้ารับคำ

“นายเป็นอะไรของนายเนี่ย”




“เบื่อโว้ยย...!! อยากเล่นแรค!! อยากเล่นแรค!!” 

มนัสกะโกนขึ้นฟ้าอย่างบ้าคลั่ง 



“นี่ชั้นต้องเป็นยัยส้มเน่าอีกกี่วันวะเนี่ยยย!!!” 



 (ผลั้วว!!) “โอ๊ย...”

อังโกะหมั่นไส้ เลยเขวี้ยงกล่องใส่สตอเบอรรี่โดนหัวเต็มๆ มนัสหันมา เลือดออกจมูกอีกแล้ว วันนี้เสียโลหิตบ่อยจัง


“ไม่ต้องห่วงน่า!!  นายอดทนอีกไม่นานหรอก  ถ้ามาถึงจุดนึง  ยังไงนายก็ได้คืนร่างแน่ๆ” อังโกะพูดเสียงดังและกำหมัดแสดงความมั่นใจ



“อะไรนะ เธอพูดอะไร จุดไหนอะไรของเธอ....” 

มนัสทำหน้าสงสัยสุดขีด





“จุดที่นายจะเริ่มเข้าใจยัยส้มมากขึ้นไง” 



อังโกะยิ้มมั่นใจ ส่วนมนัสทำหน้าแบบไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด ไม่มีทางซะล่ะ  ชั้นเนี่ยนะจะเข้าใจยัยส้มเน่า??



ส่วนอีกด้านหนึ่ง ปฏิบัติการไล่ผีของแก๊งเกรียนกรุ๊ปกำลังจะเริ่มต้น.....



(ติดตามตอนต่อไป)


วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ เรื่องสั้น หวานมันฉันคือเธอ ตอนที่ 3


ความเดิมตอนที่แล้ว

ในที่สุดมนัสในร่างส้มปี๊ดก็จำต้องเข้าไปอยู่ในบ้านของเจ้าของร่าง แม้จะอึดอัดแต่สิ่งที่เขาทำได้ก็มีแค่นี้จริงๆ ส่วนส้มปี๊ดก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ที่ร้านลุง ทั้งคู่จะทำใจให้ผ่านคืนนี้ไปได้หรือไม่ 

ไอ้คิดถึงกันน่ะไม่มีแน่ๆ อยู่แล้ว แล้วเหตุการณ์วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไร จะมีใครจับได้หรือไม่ ให้เดาก็ไม่ถูกหรอก ไปตามต่อกันเลยเหอะ















หวานมัน ฉันคือเธอ ตอนที่ 3



มนัสคิดในใจก่อนจะผลอยหลับไป เขาอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นแค่ความฝันจริงๆ


“ไม่ ไม่จริง... ชั้นต้องฝันไปแน่ๆ” 

 ในขณะเดียวกัน ส้มปี๊ดหยิกแก้มตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย สมาชิกเกรียนทุกคนยืนงง บรรยากาศมาคุเกิดขึ้น ไม่มีใครกล้าเล่นเกม บางคนก็พยายามเอาไม้เขี่ย

“เอ่อ ตั้งแต่ตื่นเนี่ย ท่านวิสาจดูแปลกๆ ไปนะ ว่ามั้ย แรคก็ไม่เห็นแตะเลย” พระโหดฯ เกาหัว

“เหมือนไม่ใช่ท่านวิสาจ....”

ผลั้ววว!!!

“ไม่ใช่!! ไม่ใช่แล้วนี่ใคร ออแลนโด้ บลูม เหรอ ก็เห็นๆ อยู่ว่าท่านวิสาจ ไอ้บ้า” พรีสน่ารักตบหัวไปทีนึง “เออ ว่ะ”



สาวน้อยหงุดหงิดมาก... ถึงมากที่สุด เธอตะบี้ตะบันหยิกแก้มไอ้มนัสจนเนื้อจะฉีกหมดแล้ว

“เอ่อ ท่านวิสาจครับ” เสียงเกรียนกรุ๊ปคนหนึ่งเรียก ส้มปี๊ดหันขวับ ตาดุมาก เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันเลยทีเดียว สมาชิกเกรียนสะดุ้งโหยงกันทั้งกลุ่ม

“เอ่อ ม... ไม่เล่นแรคเหรอครับ”



“ก็ไม่อยากเล่น!! มีไรมั้ย!!” 

ส้มปี๊ดเสียงแป๋นด้วยความโมโห สมาชิกเกรียนทำหน้าเหมือนเจอผี

“พวกแกอยากเล่นก็เล่นไปซี่!! มองหาอะไรเล่า!!”

“อ... เอ่อ”

“ยังอีก!! เดี๋ยวแม่ทืบเรียงตัวเลยนี่!!!”

“ง... งับ” 

 สมาชิกเกรียนมือไม้สั่นเครือ เวลานี้พวกเขากลัวยิ่งกว่าเจอผีอีก เกิดอะไรขึ้นกับหัวหน้าแก๊งค์พวกเราวะเนี่ย

ทุกคนคิดพร้อมกับวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปหาเครื่องคอมพ์.... บางคนก็วิ่งชนกันเอง









“ส้ม... ลูกส้ม” 

 เสียงที่อบอุ่นพูดซ้ำๆ หลายครั้ง มนัสที่สะลึมสะลือค่อยๆ รู้สึกตัว ภาพที่เห็น... คุณพ่อของส้มปี๊ดกำลังจับติ่งหูของเขาอยู่ ไม่รู้จับทำไม

“โดนเพื่อนแกล้งเหรอลูก....” 

 มนัสอึ้ง ตาพลันสว่าง เขาไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่พยักหน้านิดๆ

“ไม่สบายรึเปล่า หือ.. ปกติลูกไม่นอนเร็วแบบนี้”

จังหวะนั้นแม่ส้มปี๊ดก็ถือจานสตอเบอรี่เข้ามาพอดี

“ไม่สบายเหรอนังส้ม!! นี่เลย กินสตอเบอรี่เพิ่มพลังนะลูก” 

แม่ส้มปี๊ดรีบเข้ามาป้อนผลไม้เร็วจี๋ เล่นเอามนัสตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็เคี้ยวกลืนไปจนได้

“อร่อยมั้ยลูก”  มนัสฝืนพยักหน้า รู้สึกปะแล่มๆ แฮะ



“เห็นมั้ยพ่อ... บอกแล้วว่ายังไม่เสีย กินได้”

พรู๊สสส!!! (เสียงมนัสพ่น เต็มหน้าพ่อเลย)

“เฮ้ย แม่!! ที่นี่ที่ไหน ช้างกูอยู่ไหน!!” (ผลั้ว!!) 

แม่เห็นพ่อโวยวายเกินเหตุ จึงตบกกหูเรียกสติทีนึง

“ล้อเล่น! ไม่เสียหรอก” แม่ส้มปี๊ดลุก

“นี่... ไปได้แล้วพ่อ ไม่เห็นเหรอว่าลูกมันเพลีย ให้นังส้มมันพักผ่อนเถอะ”

พ่อเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะลุกตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะหอมแก้มลูกสาวสุดที่รักก่อนออกจากห้องไป

ประตูห้องถูกปิดลง มนัสรู้สึกแปลกประหลาดบอกไม่ถูก กับความรู้สึกอบอุ่นเมื่อกี้

พ่อ... แม่ ครอบครัว งั้นเหรอ? เขาตัดขาดกับความรู้สึกนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ






ภาพในอดีตขาวดำผุดขึ้นมา (เมื่อ 1 ปีที่แล้ว) เหตุเกิดหน้าบ้านตระกูล “กัดเคลือบพิษ”






“พระเจ้าจอร์ช ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้”

ด.ช มนัส ตัดสินใจสะบัดผ้าคลุมสีดำ ติดเข็มกลัดโพริ่ง หันหลังให้กับอนาคตอันรุ่งโรจน์ และยาวไกลที่พ่อแม่วางไว้ให้เขา

“ในที่สุด ผมก็ค้นพบทางเดินของตัวเองแล้ว....”

“ลูก... ลูกจะไปไหน” 

หม่อมแม่ร่ำไห้โอเวอร์ที่สุดในโลก เมื่อได้ยินลูกชายประกาศจะหนีออกจากบ้าน

“สายลมเรียกร้อง สวรรค์กำหนด ให้ผมไปปราบมอนสเตอร์ ในจอคอมพ์” 

สายตาเด็กเกรียนมุ่งมั่น เท่ห์มาก “ทุกอย่าง.... มันเป็นชะตากรำ”

“แกบ้าไปแล้ว ไอ้มนัส พรุ่งนี้พ่อจะพาแกไปบำบัด”

มนัสกำหมัดที่อก “ผม... ไม่ได้บ้า มันเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชาย”

“ไอ้บ้า!!! หน้าที่ของแกคือเรียนหนังสือว้อยย!!!”



“ลาก่อนทุกคน.... สิ้นสุดการต่อสู้เมื่อไหร่ ผมจะกลับมา” 

มนัสหันหลังสะบัดผ้าคลุมอีกครั้ง การเดินทางเริ่มต้นขึ้นแล้ว เด็กหนุ่มออกเดินไม่มีเหลียวหลัง ฉากข้างหน้าเป็นพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน โทนจากขาวดำกลายเป็นสีส้มแดงแสดงถึงพลังออนไลน์ที่พร้อมจะมอดไหม้

คีย์บอร์ด เม้าส์ และมอนิเตอร์กำลังรอเขาอยู่

“ม่ายยย!!! ลูกมนัส!!” 

 ภาพที่เห็น มันเท่ห์จนหม่อมแม่เป็นลมไปเลย










“เฮ้ยย!!! เบื่อว้อยย!!!”

สุดท้ายด้วยความเบื่อสุดขีด ไม่รู้จะทำอะไร ส้มปี๊ดในร่างมนัสก็ตัดสินใจเดินไปเปิดเครื่องเล่นเกมจนได้ ท่ามกลางการจับจ้องของสายตาเกรียนกรุ๊ปทั้งแก๊งค์

เธอพยายามไม่สบตา เธอรู้สึกว่าเกร็งมาก เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้ชายรุมจ้องเยอะขนาดนี้ แถมเป็นผู้ชายหัวเกรียนเสียด้วย



“เอ่อ... ท่านวิสาจเล่น ID หญิง ด้วยเหรอครับ ผมไม่รู้เลยนะเนี่ย”

ส้มปี๊ดสะดุ้งตกใจ นึกขึ้นได้ว่าเผลอเข้าไอดีตัวเอง

“เอ่อ ก็แล้วไง!! ก็แบบว่าเปลี่ยนบรรยากาศบ้างไงเล่า ทำไมวะ มีปัญหาอะไรมั้ย”

4 จตุรเทพยืนเง็งกันหมด ต่างพยายามนึก ท่านแอบไปเล่นตอนไหนวะเนี่ย อะไรกัน ลูกสมุนอีกคนชะโงกหน้าเข้ามาดูที่จอ

“เห ชื่อโจรเปรี้ยว...”



“เฮ้ย!!! ไอ้บ้านี่ จะจ้องชื่อทำไมเล่า เสียมารยาทนะ” 

ส้มปี๊ดลุกลี้ลุกลนเอามือนึงปิดจอใหญ่ ส่วนอีกมือก็กด log out ออกไปเลย

“ไอ้ตัวนี้ไม่ล่งเล่นมันแล้ว เล่นตัวใหม่เลยดีกว่า” 

 ได้ยินดังนี้ นักธนูจึงรีบอาสาแท๊งค์ให้หัวหน้าทันที

“แท๊งค์ให้เหรอ... เออ ก็ดีนะ” 

 ส้มปี๊ดยิ้มแหยๆ พยายามไม่พูดอะไรมาก แต่หารู้ไม่ว่าหลังร้าน....

“เฮ้ย ข้าว่าท่านวิสาจผีเข้าแน่ๆ เลยว่ะ” พรีสน่ารักพูด “ใครไล่ผีเป็นมั่งวะ”

“แกอ่ะเล่นพระ” แอสซาซินโบ้ย

“ข้าสายสู้ผีเว้ย ไม่ใช่ไล่ผี”

“เฮ้ย แล้วจะเอาไง” พระโหดฯ เกาหัว ที่เหลือเห็นก็เกาพร้อมกัน



หลังร้านฟันธงว่าท่านวิสาจโดนผีเข้าซะแล้ว พรุ่งนี้จะเกิดไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย

คืนนั้นส้มปี๊ดก็เล่นเกมทั้งคืน ส่วนมนัสน่ะเหรอ นอนหลับสบายอยู่ในห้องสีชมพูนั่นแหละ












วันรุ่งขึ้น ที่ ร.ร ศึกษาโนเนะวิทยา



“นี่... ยัยส้ม” อังโกะสะกิด “เอ้ย ไม่ใช่ โทษที นี่... นายมนัส”

“อะไร”  มนัสหันมา อังโกะเขยิบเข้ามาใกล้ๆ

“ชั้นรู้วิธีสลับร่างคืนแล้ว” 

 มนัสตาโต “เหรอ ทำไง แล้วเธอรู้ได้ไง”

“โธ่ ชั้นน่ะอ่านการ์ตูนเยอะ” อังโกะชะโงกดูอาจารย์ เห็นแกกำลังหันหลังเขียนกระดานอยู่ “นี่... แล้วมีเล่มนึง มันบอกว่า”



“ถ้าสลับร่างด้วยวิธีชนกัน ให้จับ 2 คนมาชนกันอีกครั้ง ด้วยความแรงเท่าเดิม ทีนี้ก็จะคืนร่างได้”



มนัสเสียงดัง  “เธอจะบ้าเหรอ ใครจะไปจำได้ว่าตอนนั้นวิ่งด้วยความเร็วกี่กิโลต่อชั่วโมง”



“นี่ สายน้ำผึ้ง!!! คุยอะไรกัน” อาจารย์หน้าแก่หันกลับมาตวาด

“คุยกันในห้อง แสดงว่าที่สอนนี่เข้าใจแล้วใช่มั้ย”

แต่ น.ส สายน้ำผึ้งยังนิ่ง



“เฮ้ย มนัส อ. เรียก” อังโกะสะกิด มนัสสะดุ้ง เออ เว้ย สายน้ำผึ้งก็คือเราเองนี่หว่า

“ลุกขึ้น!! ตอบคำถาม” อาจารย์ขึ้นเสียง

“กำแพงเมืองจีน อยู่ในประเทศอะไร”



“ปาย่อน!!” 

 มนัสลุกตอบอย่างฉะฉาน เสียงฮาลั่นห้องเลยทีเดียว  









“ว้อยย...!! เมื่อไหร่จะเลิกเรียนวะเนี่ย”

มนัสเดินอย่างรมณ์เสียในช่วงพักกลางวัน โดยมีอังโกะเดินกำหมัดตามอยู่ไม่ห่าง ท่าทางตกมันไม่แพ้กัน

ไอ้สมองหมาปัญญาควายแท้ไม่มีวัว ทำเพื่อนชั้นถูกหักคะแนน กำแพงเมืองจีนบ้านแกสิอยู่ปาย่อน





“เอ่อ น้องส้มปี๊ดครับ” 

 เสียงหล่อดังมาจากข้างหลัง ทั้งคู่หันไปพร้อมกัน ภาพที่เห็น รุ่นพี่หนุ่มหล่อโทนเกาหลีถือดอกกุหลาบขาวยิ้มรออยู่ อังโกะเผลอยิ้มไม่รู้ตัว แล้วก็โดดเข้ามาสะกิดใกล้ๆ

“ยัยส้ม ในที่สุดเค้าก็มาจีบเธอเองแล้วล่ะ”

ส่วนมนัสยังงงอยู่ “ใครวะ”

“ก็พี่เร็น ม.6 ไง” อังโกะยังยิ้มอยู่ แต่... แต่แล้ว รอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆ หายไป กลายเป็นความซีด.....



เฮ้ย.... นี่พี่เร็นก็จริง แต่นี่ไม่ใช่ยัยส้มนี่หว่า






“ฮ่าๆๆ ตลกเว้ย คนบ้าอะไรวะชื่อพิเรน!!!” 

มนัสปล่อยฮาแบบไม่กั๊กเลย อังโกะจะห้ามก็ไม่ทันแล้ว

“เอ่อ น้องส้ม...ทำไม” พี่เร็นถึงกับทำอะไรไม่ถูก อังโกะแย่งพูดแทน

“พี่เร็นคะ ไว้... ไว้มาจีบกันวันหลังได้มั้ยคะ คือ... วันนี้ยัยส้ม ยังไม่พร้อมใช้อ่ะค่ะ วันนี้บัคเยอะอ่ะค่ะ”

พี่เร็นหน้างง “เอ่อ แล้วน้องส้มเป็นอะไรเหรอครับ”



“เป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดว้อยย!!! PVP กันป่าว!!!”

“หา น้องส้มว่าไงนะครับ!!” พี่เร็นตกใจกับการตอบสนองของการให้ดอกไม้





“ก็ว่าไงล่าวว!! เฮ้ยย!! ป็อดล่ะซี่!!! ทำหน้าเป็นตูดเลยนะ” 

มนัสยกไหล่ทำท่าเก๋าสุดขีด นักเลงออนไลน์

“นายน่ะอยู่เซิฟอะไรล่ะ หน้าปอดๆ แบบนี้จะยิงโซลสะไตร๊ค์ให้จำทางเข้าเซิฟเวอร์ไม่ได้เลย”



“ม.. ไม่จริง น... น้องส้ม ทำไม....”

“อึ้งเลยอ่ะเด้!!! นี่ยังไม่เจอของจริง เดี๋ยวเจอพาวว์ จะหนาวกว่านี้”

มนัสสูดหายใจลึกก..... ตอนนี้อังโกะเข่าทรุดพื้นแล้ว หมด... หมดกัน มันไม่รู้สึกตัวเลยเหรอเนี่ย



มนัสตะโกนลั่น!!

“ชื่อในเกม!!! ชื่อ!!!” 


(ติดตามตอนต่อไป)


วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ เรื่องสั้น หวานมันฉันคือเธอ ตอนที่ 2




ความเดิมตอนที่แล้ว

จักรพรรดิ “มนัส กัดเคลือบพิษ” และสาวน้อยน่ารักก๋ากะ “ส้มปี๊ด สายน้ำผึ้ง” ได้สลับร่างกันด้วยมุกที่แสนจะคลาสสิค หรือที่บางคนก็เรียกว่าสิ้นคิดนั่นเอง 

เมื่อทั้งคู่รู้สึกตัวถึงกับลนลานกันใหญ่ ตอนนี้มนัสในร่างส้มปี๊ดถูกกักตัวอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์พละ ด้วยฝีมือของนางสาวอังโกะ เธอบอกว่าจะทำพิธีส่งวิญญาณคืนร่างกัน แล้วเธอก็รีบออกไปหาและพาส้มปี๊ด(ที่อยู่ในร่างมนัส) ออกมาจากร้านลุงทันที ทั้งคู่จะได้เจอกันไหม

และในขณะเดียวกัน กลุ่มแก๊งเกรียนกรุ๊ปก็กำลังออกตามหาหัวหน้าของพวกเขา







หวานมัน ฉันคือเธอ ตอนที่ 2



“เฮ้ย!! หายไปไหนเนี่ย”



อังโกะตกใจสุดขีด หลังจากที่เธอไขกุญแจห้องเก็บอุปกรณ์ เปิดไฟ.... หันซ้าย แลขวา วิดพื้น จะวิดทำไม.... ไม่พบปฏิกิริยาสิ่งมีชีวิต มนัสในร่างส้มปี๊ดหายไปแล้ว

“เฮ้ย อังโกะ!! ไหนตัวเองบอกว่าขังมันอยู่ที่นี่ไง” ส้มปี๊ดในร่างมนัสเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

อังโกะปิ๊งป่องแบบอิคคิวซัง “เค้าเข้าใจแล้ว!! ที่แท้มันมีสกิลหายตัว….”

ผลั้ววววว!!!!!!

ส้มปี๊ดโดดใส่เกลียวตบหัวทีนึง “ไม่ขำเลยนะ”

เลือดปากกระฉูดเลอะเบาะยิม อังโกะเปลี่ยนมาทำท่าครุ่นคิดแบบโคนัน สายตาเคร่งเครียด เป็นไปได้ยังไง หน้าต่างก็ไม่มี ช่องแอร์ก็ไม่มี ช่องนนทรีก็ไม่มี ไอ้อันหลังนี่คิดมาได้ไงวะเนี่ย ถ้าหนี ช่องระบายอากาศก็ดูจะเล็กเกินไป 

จะบอกว่ามันใช้ไฟฉายย่อส่วนแล้วหนีไป หันไปมองยัยส้มที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้จักอะมิโนโอเค ก็กลัวจะโดนใส่เกลียวเตะ และระหว่างที่กำลังคิดอยู่ หน้าคิ้วขมวดกันเป็นปมนั้น.....



“อ้อ!! พวกเธอนี่เอง... ” คุณครูท่านหนึ่งก็เดินผ่านมาพอดี

“พวกเธอน่ะ จะแกล้งเพื่อนอะไรก็ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ”

“อุ๊ย อ. ธัญญ่า” ทั้งคู่อุทานชื่อ อ. พร้อมกัน

“พวกเธอน่ะไม่เล่นแรงไปหน่อยเหรอ นี่ถ้าครูกับ อ.ทิวลิป ไม่ผ่านมาได้ยินเสียงข้างใน สายน้ำผึ้งป่านนี้จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ พวกเธอนี่เล่นอะไรโรคจิตเหมือนหน้าตาเลยนะ”

“หา อ. ทิวลิป!!” ทั้งคู่หันมองหน้ากันเอง ก่อนจะอุทานพร้อมกันอีกที

“ยัยส้ม อ.ทิวลิป นี่เพื่อนแม่เธอใช่มั้ย” 

อังโกะถามเบาๆ ส้มปี๊ดพยักหน้า


“เอ้า นี่ก็เย็นแล้ว พวกเธอน่ะรีบกลับบ้านไปเลย พรุ่งนี้จะได้รีบมาเรียน แล้วทีหลังอย่าเล่นไรบ้าๆ อีกนะ” คุณครูเดินไปไล่ทั้งคู่ออกมาจากห้อง ก่อนจะล็อคกุญแจด้วยตัวเอง

“เอ่อ... จาร์ยคะ แล้วสายน้ำผึ้งล่ะคะ” อังโกะถาม

“อ๋อ สำหรับสายน้ำผึ้งน่ะ อ.ทิวลิป แกให้ติดรถไปส่งบ้านแล้วล่ะ มันทางผ่านแกพอดี”



“ห๊าาา...!!!!” ทั้งคู่อุทานพร้อมกันอีกครั้ง ครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย





บรื่ออ.... เอียด

“เอ้า ถึงแล้วจ๊ะ” 

 รถสีชาเย็นแวะจอดหน้าบ้าน 2 ชั้นหลังหนึ่ง มนัสที่มองวิวข้างทางตลอดจนมาถึงที่นี่ เขารู้สึกว่าบ้านหลังนี้ดูเล็กจัง

“นี่!! สายน้ำผึ้ง จะต้องให้ครูลงไปเปิดประตูอัญเชิญลงจากรถให้ด้วยมั้ย” 

 มนัสสะดุ้ง เขารีบเปิดประตูลงไปทันที และนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่แม่ส้มปี๊ดเดินตลาดนัดกลับมาพดี

“โห... นังส้ม วันนี้มีราชรถมาส่งเชียวเรอะ” 

 มนัสรู้ได้จากคำพูด ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของยัยส้มเน่านี่เอง แต่พูดตอบโต้อะไรไม่ออก เพราะเด็กหนุ่มในต่างเรือนร่างไม่รู้จะพูดอะไรดี

“ก็โดนโดนเพื่อนแกล้งน่ะสิจ๊ะ นี่โดนขังอยู่ในห้องอุปกรณ์พละ กว่าจะออกมาได้ก็ต้องให้อาจารย์มาเจอ” อ.ทิวลิปก็เลยจัดการพูดแทน

“ต๊าย... ยัยทิวลิป!! นี่ชั้นกำลังคิดอยู่เลยว่าใครมาส่ง ที่แท้ก็เธอนี่เอง รถสวยจังนะ แลกกะจักรยานของชั้นมั้ย” 

แม่ส้มปี๊ดยิ้มร่า ที่แท้ก็เพื่อนเก่านี่เอง “นี่!! แล้วไปไงมาไงล่ะเนี่ยเธอ สบายดีมั้ย”

ตอนนี้มนัสมึนมากๆ เขาจะต้องวางตัวอย่างไรดีล่ะเนี่ย อึดอัดเหลือเกิน ในขณะที่กำลังไม่รู้จะทำอะไรต่อ มือถือของส้มปี๊ดก็กรี๊งขึ้นมาพอดี

เด็กหนุ่มหยิบมันออกมา หน้าจอบอกว่า “อังโกะโทรเข้า”

“ยัยตัวแสบ.....”

ทางเลือกหนึ่งเดียวของเขาคือต้องกดรับสายเท่านั้น

“ฮัลโหลล!!!”

จากนั้นการสนทนาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ก็เริ่มต้นขึ้น





ผ่านไป 10 นาที......



มนัส : เฮ้ย!! ไม่!! ไม่ตกลงเฟ้ย!! จะบ้ารึไง!!

อังโกะ : นายสิบ้า!! เรื่องนี้เรารู้กันแค่ 2 เอ้ย! 3 คนนะ แค่นี้ช่วยเหลือกันไม่ได้รึไง นายเป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย หัดมีน้ำใจหน่อยสิ!!

มนัส : เฮ้ย!! ไอ้น้ำใจน่ะมี แล้วนี่มันไม่มีทางอื่นแล้วรึไงหา ถ้าเกิดเขาจับได้ขึ้นมาล่ะ!!

อังโกะ : อ้าว นั่นมันก็อยู่ที่นายแล้ว สมน้ำหน้า อยากโวยวายให้ครูได้ยินทำไม ไม่งั้นป่านนี้ชั้นก็จับหัวเขกกันคืนร่างไปแล้ว!!

มนัส : ว้อยย!! ก็ชั้นกลัวขาดอากาศหายใจนี่โว๊ยย นี่...!! ยังไงชั้นก็ไม่ตกลงนะ ชั้นรู้ว่ายัยส้มเน่าอยู่ตรงนั้นใช่มั้ย ขอชั้นคุยด้วยหน่อย นี่!! ได้ยินมั้ย!!

อังโกะ : โอเค ถือว่ารับทราบ... แค่นี้นะ (ตริ๊ดดด...)



“เฮ้ยย!! ยัยบ้าเอ้ย!!!” 

 มนัสโกรธแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ลงพื้น แต่ทำไม่ได้ ไม่ใช่โทรศัพท์เรา เกิดได้คืนร่างจริงๆ ยัยส้มเน่าจับเราหักคอจิ้มน้ำพริกแน่

“โธ่เว้ย!! โธ่เว้ย!! ป่านนี้ลูกน้องเราจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ จะเก็บเลเวลกันได้หรือเปล่า ทำไมมันซวยขนาดนี้วะเนี่ยย”

จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ มนัสเป็นห่วงเพื่อนพ้องถึงกับน้ำตาคลอเลยทีเดียว



“อังโกะ!! ไมเธอพูดงั้นอ่ะ ช... ชั้นไม่กลับไปที่นั่นเด็ดขาดเลยนะ คืนนี้ให้เค้านอนบ้านตัวเองนะ” 

 ส้มปี๊ดแทบจะตายให้ได้เลยทีเดียว เมื่อรู้ว่าคืนนี้เธอต้องแสดงละครเป็นไอ้เชื้อโรคนั่น

“ไม่ได้หรอก ตัวเองก็รู้ ว่าแม่เราห้ามพาผู้ชายเข้าบ้าน ยิ่งหน้าแบบนี้..... แม่ยิ่งไม่ให้ใหญ่เลย เผลอๆ จะยามจะไม่ให้เข้าหมู่บ้านด้วยซ้ำเลยนะ”

อังโกะเสียงอ่อย ตัวเธอเองตอนนี้ก็ดูหมดหนทางเหลือเกิน

“ยังไงพวกเราก็ช่วยเล่นละครให้ผ่านคืนนี้ไปก่อนละกันนะ” อังโกะดูนาฬิกา “นี่ก้อจะมืดแล้ว เค้าต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”

“ไม่!! ม่ายยย!! โอ้วก๊อดด แล้วพรุ่งนี้ล่ะอังโกะ”

“เลิกเรียนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ ไม่ต้องกลัว อย่ากังวล ยังไงเค้าก็ต้องช่วยให้ตะเองคืนร่างให้ได้เลยล่ะ” อังโกะพูดด้วยเสียงมุ่งมั่น

“ฮือ..... ไม่อ่ะ ไม่เอานะ แง๊!! แง๊!!”

“เฮ้ย อย่าร้องไห้สิยัยส้ม....” 

 อังโกะเห็นเพื่อนจะร้องไห้ ตัวเองก็พลอยจะสะอื้นตามไปด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งปลอบกันตัวกลม ถ้าฝนตกด้วยจะได้อารมณ์มาก ถ่ายมิวสิควีดีโอมันซะเลยดีมั้ย





“แหม.... เม้าท์เพลินไปหน่อย รู้สึกตัวอีกทีจะ 2 ทุ่มละ กับข้าวยังไม่ได้เตรียมเลย ชั้นนี่แย่จัง”

แม่ส้มปี๊ดหัวเราะแก้เขิน ส่วนมนัสที่เดินหน้าหงุดๆ ตามหลังไม่ได้สนใจจะฟังเลย ตามัวแต่มองดูรอบๆ ดูการตกแต่งในบ้าน ผ่านห้องรับแขก ฟอร์นิเจอร์สีครีมสะอาดสะอ้าน ดอกไม้กินคนปลอมตั้งอยู่ที่โต๊ะข้าง คิดในใจ นี่ในบ้านของยัยส้มปี๊ดเหรอเนี่ย ตกแต่งได้เรียบร้อยจัง

นังส้ม.... นังส้ม.....

“นี่!! นังส้ม!!” แม่หันมาเสียงดัง มนัสสะดุ้งตกใจ “ครั.. เอ้ย ไม่ใช่ ค่ะ”

“เมื่อกี้แม่ถามว่ากินข้าวมั้ย หูตึงเหรอแก!!”



“อ๋อ!! ไม่ล่ะฮะ เมื่อกี้ ก... กินเรดมาอิ่มแล้ว” 

พูดจบมนัสก็รีบวิ่งหนีขึ้นไปชั้น 2 สวนกับพ่อที่แต่งตัวลงมาพอดี

“อ้าว ลูกส้ม” แต่มนัสไม่ได้ยินที่พ่อทักเลย



“เอ่อ แม่ ยัยส้มเป็นอะไรน่ะ ท่าทางแปลกๆ นะ”

“ไม่รู้สิ แปลกๆ เหรอ ถ้าแปลกๆ สงสัยติดเชื้อพ่อมาล่ะมั้ง” แม่ตอบกวนๆ

“ว่าแต่พ่อ ไอ้เรดนี่มันคืออะไรเหรอ?”



ตึ่กๆๆๆๆ.....

ปึ๊งง!! มนัสเปิดและปิดประตูห้องสีชมพูอย่างรีบร้อน นึกในใจ ทำไมชั้นต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยเนี่ย ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของเรา ที่ๆ เราต้องอยู่คืออาณาจักรที่มีแต่เสียงตีมอนสเตอร์ เสียงคริทิเคิล เสียงเลเวลอัพ และเสียงเด็กโวยวายไม่ใช่เหรอ ทำไม ทำไม โอย... อึดอัดว้อย แรค อยากเล่นแรค เหงื่อเริ่มออก มนัสกวาดสายตาไปทั่วห้อง โฟกัสเหลือบไปเห็น... 

เครื่องคอมพ์ โอ้ สวรรค์โปรด ในห้องมีอยู่เครื่องนึงแฮะ เล่นแรคด่วนเลย จะลงแดงอยู่แล้ว

เล่นแรค.....

แรค.....

“เฮ้ย เดี๋ยว บัตรเติม ช.ม ยังไม่ได้ซื้อ” 

มนัสที่กำลังเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเพิ่งนึกได้ มันทำให้เขาเริ่มปลง... วันนี้คงไม่ได้เล่นแล้วล่ะ หันมองรอบๆ ห้อง ผนังประดับด้วยโปสเตอร์แร็คน่าร็อค ลินเนจ ปังย่า ตุ๊กตาสมเสร็จท้องแก่ ชุดคอสเพลย์ มันทำให้เขาเริ่มใจเย็นลง

“เฮ้อ นอนเลยดีกว่ามั้งเรา ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว” 

ว่าแล้วหนุ่มในร่างสาวน้อยก็ทิ้งตัวลงนอน เขาถอนหายใจเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง

ในใจคิด เขาอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นแค่ความฝันจริงๆ


แต่รู้สึกว่า ความฝันวันนี้มันไม่นานไปหน่อยเหรอ.......


(ติดตามตอนต่อไป)