วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ เรื่องสั้น หวานมันฉันคือเธอ ตอนที่ 5 (จบ)


















ทุกอย่างจะลงเอยอย่างไร ติดตามอย่ากระพริบตากับ

“หวานมัน ฉันคือเธอ” ตอนจบ






โครม!!! โครมม!!

“กรี๊ดดดด...!!! ไอ้พวกบ้า!! นี่พวกแกจะทำอะไรช๊านนน!!!”

ส้มปี๊ดวิ่งผลักจอคอมพ์หล่นพื้นไป 2 ตัว ประกายไฟแปล๊บๆ ควันขึ้น ก่อนจะวิ่งหนีไปหลบหลังโต๊ะวางกองหนังสือเกม

“พวกแกบ้าไปแล้วเรอะ!!!” 

 สาวน้อยตกใจมากเมื่อเห็นไอ้พระโหดฯ ถือเครื่องช็อตไฟที่เปล่งประกายและใบหน้าเหี้ยมเกรียมอยู่ต่อหน้า แถมเด็กหัวเกรียนคนอื่นๆ ก็ดูจะเบ่งรังสีอำมหิตออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านวิสาจอยู่เฉยๆ สิครับ รับรองว่าเปรี้ยงเดียวหายเลย” พระโหดฯ พยายามพูดเกลี้ยกล่อม

“หายไปจากโลกนี้!!! น่ะสิว้อยย!!”




ขณะนี้ส้มปี๊ดกำลังสเต็ปหนีลูกน้องเกรียนที่จะมาจับตัวอย่างอลหม่าน โครม!! โครม!! สุดวุ่นวายจริงๆ โต๊ะคอมพ์ล้มไปอีก 2 -3 ตัวแล้ว ยังไม่มีใครจับส้มปี๊ดได้


“พวกแกเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!! ผีเข้าเหรอ” ส้มปี๊ดขึ้นเสียง 


 โครมม!!!!  ก่อนกระโดดถีบหน้าสมาชิกเกรียนกระเด็นออกไปนอกร้าน 1 คน

“ผีเข้าเหรอ ท่านวิสาจน่ะแหละผีเข้า!!!”

“เฮ้ย....” ส้มปี๊ดนึกในใจ ไอ้พวกนี้มันบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่มันวันซวยอะไรของชั้นวะเนี่ย!!

“เฮ้ย ชั้นไม่ได้ผีเข้านะ นี่ไง ยังปกติดีทุกอย่าง” 

ส้มปี๊ดขึ้นไปยืนบนโต๊ะคอมพ์ให้ดู

“ชื่อในเกมฉันชื่อวิสาจจจ!!!!”



“ไม่ใช่!! รูปประโยคก็ผิด  ท่านวิสาจของจริงพลังวอยซ์ต้องสะเทือนกว่านี้!!!”




ส้มปี๊ดหน้าซีดทันที เอาแล้วไง ทำไงต่อดีล่ะเนี่ยชั้น

เหล่าเกรียนทุกคนตะโกนพร้อมกัน

“พวกเรา!! จับผีให้ด๊ายยย!!!” 



ว่าแล้วสมาชิกเกรียนทุกคนก็หยิบที่ช็อตไฟฟ้าออกมาคนละอัน พึ่บ... พึ่บ... ส้มปี๊ดเห็นเหงื่อแตกเต็มหน้า อ้าปากค้างทันที ไอ้พวกเชื้อโรค เอาจริงเหรอวะเนี่ย ไม่ได้การแล้ว!!

“เพล๊งงงง!!!!”

“เฮ้ยยย!!!”



ส้มปี๊ดตัดสินใจกัดฟันโดดทะลุกระจกร้านออกไป ร่างตีลังกาลงพื้นอย่างสวยงาม ก่อนจะออกสตร๊าท์วิ่งสุดแรงเกิดทันที พวกแก๊งค์เกรียนอยู่ในอาการคาดไม่ถึง 4 จตุรเทพรีบวิ่งตามออกไปดูหน้าร้าน ส้มปี๊ดติดเจ็ทวิ่งหนีไปได้จะครึ่งซอยแล้ว

ทุกคนออกมาหน้าร้าน แหกปากตะโกนก้อง




“เพื่อเกรียนกรุ๊ป!!! พวกเราจะนำท่านวิสาจกลับมาให้ได้!!!”





ส่วนส้มปี๊ดตอนนี้ไม่คิดเรื่องอะไรแล้ว สับขาเพื่อเอาตัวรอดอย่างเดียว





ขณะนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่มนัสกับอังโกะเลิกเรียนพอดี ทั้ง 2 คนกำลังจะเดินกลับบ้าน




“เพื่อเกรียนกรุ๊ปของพวกเรา!!!”

เสียงโห่ร้องแห่งบ้านระจันดังก้องทั่วซอย อมนุษย์หัวเกรียนติดอาวุธเครื่องช็อตวิ่งไล่กันเป็นขบวน ประกายไฟเปรี๊ยะๆ ทำให้ดูอลังการอย่างรุนแรง

ผู้คนแถวนั้นเหวอกันไปหมด พวกเขานึกว่าองค์การอะไรสักอย่างกำลังจะยึดครองโลก



“ว้อยยย!!! ช่วยด้วยย พ่อจ๋า แม่จ๋า พี่บัณฑิตจ๋าาา!!!! พี่เร็นจ๋าาา!!!ช่วยด้วยยยยยยยยย!!!”



“เฮ้ย เสียงนี้มัน....” 

มนัสที่กำลังเดินๆ อยู่สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง เขาจำเสียงตัวเองได้ สัญชาติญาณบอกให้เขาต้องรีบผละวิ่งออกจากอังโกะที่กำลังเดินกลับบ้านด้วยกันทันที

“เฮ้ย เดี๋ยวซี่ รอด้วย” อังโกะเองก็ตกใจไม่ต่างกับมนัส และเธอก็รีบวิ่งแบกร่างอวบๆ ตามไปทันทีเช่นกัน



“ช่วยด้วยยยย!!! เฮ้วมีปลีสสสส!!!”



มนัสวิ่งตามเสียงเข้าไปในซอยหนึ่ง ลางสังหรณ์กำลังบอกว่าร่างของเขาต้องอยู่แถวนี้แน่ๆ


เฟี้ยวว....!!!    เขารู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างวิ่งผ่านหน้าเขาไปด้วยความเร็วสูง



“ช่วยด้วยย!!! สาวน้อยกำลังจะถูกช็อตต!!!”



เฟี้ยวว....!!! มนัสตกใจ

“เฮ้ย!! ยัยส้มเน่า!! นั่นร่างชั้นนี่หว่า!!”

เกิดอะไรขึ้นเนี่ย แล้วยัยนั่งวิ่งหนีอะไร



เฟี้ยวว....!!!!

เขารู้สึกว่ามีกลุ่มคนบางกลุ่มวิ่งผ่านเขาไป ด้วยความเร็วสูง



“ท่านวิสาจ!! ประจุไฟฟ้านี้จะนำจิตวิญญาณของท่านกลับมา!!! มาให้ข้าช็อตเสียดีๆ เถอะครับ”



เฟี้ยวว...!!! ก... เกรียนกรุ๊ป มนัสตกใจอีกครั้ง ยิ่งกว่าเมื่อกี้อีก



“เฮ้ยย!!! ไอ้บ้า พวกแกจะช็อตร่างชั้นเรอะ!!! อย่านะเว้ยย!!”



มนัสจะวิ่งตาม แต่แล้วก็ชะงักกระทันหัน เหงื่อเขาเริ่มแตก คิดดีๆ คิดดีๆ ถ้าวิ่งตามตอนนี้ยังไงก็ไม่ทันแน่นอน เปลี่ยนวิ่งอ้อมไปดักอีกซอยนึงดีกว่า


อังโกะที่เพิ่งตามมาถึง พอเห็นมนัสออกวิ่งต่อก็ทรุดเข่ายอมแพ้ทันที ไม่ไหว วิ่งตัวเปล่าไม่ไหวจริงๆ ต้องมีอะไรแบกด้วยเสมอ  เอาไงดีเนี่ย   จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย



“ขอให้ดักทันด้วยเถอะน่า!!” มนัสวิ่งไปภาวนาไป เห็นแล้ว!! เห็นหัวมุมข้างหน้าแล้ว!! ขอให้ทันด้วย!!!



“ช่วยด้วยยย!!!”



“ท่านวิสาจ!! พวกข้าจะปลุกจิตวิญญาณของท่านกลับมา!!!”



“ทันแล้ว!!!”




เฮ้ยยย!!!!

โครมมม…!!! เปรี๊ยะ!!! เปรี้ยงง!!!

บึ้มมม!!!


ตู้มมม!!! (หลายเอฟเฟคเหลือเกิน)



อ๊าคคคค!!!!





























(...... ....... .......)

(..... ......)

(.... ..)



ม่านตาที่ปิดกำลังค่อยๆ เปิดออกรับแสง

“เย้...!! ท่านวิสาจฟื้นแล้ว”


ภาพแรกที่มนัสเห็น สมาชิกเกรียนกรุ๊ปหลายสิบชีวิตกำลังมองเขาด้วยความเป็นห่วง

“เอ่อ ที่นี่... ที่ไหน” มนัสยังอยู่ในอาการเบลอ

“ล.. แล้ว เกิดอะไรขึ้น หรือว่าทั้งหมดเป็นความฝัน”

คำพูดนั้นทำเอาเหล่าเกรียนกรุ๊ปหันมองหน้ากันเลิกลั่ก เหมือนว่าจะเกี่ยงกันให้คำตอบ



“อ้าว ท่านจำอะไรไม่ได้จริงๆ เหรอครับเนี่ย ก็เมื่อวานท่านวิสาจวิ่งหนีพวกผม จนไปชนกับยัยแรดนั่นไงล่ะครับ แล้วไอ้นักธนูกับพรีสน่ารักที่วิ่งตามมาทีหลังก็ชนกันตูมใหญ่เลย อ้อ เครื่องช็อตไฟฟ้าระเบิดด้วย แต่ยังดีที่ไม่มีใครตาย”  พระโหดฯ เป็นตัวแทนอธิบาย

“เห็นมะละครับ บอกแล้วว่าตูมเดียว หาย”





เมื่อมนัสได้ยินดังนั้น ในใจเขายังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร เขาค่อยๆ ลุกขึ้น มองซ้ายมองขวา ก่อนจะจับมุมจับหน้าตัวเอง แล้วก็รีบวิ่งไปที่ส่องกระจก

ภาพที่เขาเห็น ใบหน้าขาดสารอาหารกลับมาแล้ว!!! กลับมาแล้ว!!! ถึงจะมีรอยไหม้ไฟแถมมาด้วยก็เถอะ

“เยสสส!!!!”



มนัสทำท่าเยส จังหวะนี้เกรียนกรุ๊ปทุกคนลุ้นระทึก ว่าเขาจะทำอะไรต่อ

มนัสหันมาแสยะยิ้มน่าเกลียด



“ชื่อในเกม.... ชื่อ!!!”



ประโยคนี้...... เล่นเอาทั้งร้านลุงยิ้มหน้าบานเหมือนถูกล็อตเตอรี่ พลังเสียงแบบนี้ พาวว์แบบนี้ จักรพรรดิ์ของพวกเขากลับเป็นคนเดิมแล้ว!!!

“วิสาจจจ!!!!” เฮ้...!!!












3 วันต่อมา



“ไง ยัยส้ม ยังไม่หายเจ็บแผลอีกเหรอ” 

 อังโกะสะกิด ส้มปี๊ดเดินหน้ามุ่ย ยังไม่หันมาคุยกับเพื่อนสาว 

“นี่ตอนนั้นนะ เค้าตกใจแทบแย่แน่ะ นึกว่าตัวเองจะตายแล้วซะอีก”

สาวน้อยส้มปี๊ดหันมาฉีกยิ้มน่ารัก

“นี่ คนอย่างส้มปี๊ด ไม่ตายง่ายๆ หรอกจ๊ะ อูยสส....”

“น่ะ... ทำเป็นเก่งนะ แกล้งยิ้มรึเปล่า วันก่อนล่ะร้องไห้ขี้มูกโป่ง”



ส้มปี๊ดทำไม่สน ยังลอยหน้าเดินนำไปเรื่อย กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็สะดุ้งเฮือก เธอก็มาหยุดที่มุมตึก มุมเดิม มุมที่ทำให้เธอต้องสลับวิญญาณกับผู้ชายที่เธอไม่ชอบหน้าที่สุด



“อี๋.... นี่ชั้นเดินมาถึงนี่ได้ไงเนี่ย” ส้มปี๊ดทำท่ารังเกียจสุดขีด

“แหม... เดินลอยหน้าลอยตามาถึงแบบนี้ หัวใจนำพาล่ะมั้งจ๊ะ” 

อังโกะแอบยิ้ม

“อารมณ์เสียอีกละ อะไรของเธอเนี่ยหายัยส้ม” 



จังหวะนั้น อังโกะเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้ เธอหยิบกล่องสีชมพูเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า

“นี่.... กินสตอเบอรี่หน่อยมั้ย อารมณ์จะได้ดีขึ้น” 


 อังโกะยื่นให้ ส้มปี๊ดเห็นของโปรดแล้วยิ้มทันที

“นี่ หนุ่มที่ไหนซื้อเธอล่ะเนี่ย”



“ก้อ... เอ่อ แถวๆ นี้แหละ เค้านัดมาให้ชั้นเมื่อวาน ให้ชั้นที่ไหนล่ะ เขาบอกว่าให้เธอน่ะแหละยัยส้ม”



ส้มปี๊ดหน้าแดง “เอ๋ เขาบอกงี้เหรอ พี่เร็นแน่ๆ เลย ว้ายย”



“แหม.... รายนั้นน่ะไม่ใช่หรอก เพราะพี่เค้าไม่รู้ว่าเธอน่ะชอบสตอเบอรี่”



“ไม่ใช่เหรอ เออจริงด้วยสิ  แล้วใครอ่ะ”

ส้มปี๊ดทำท่าคิด แต่ก็คิดไม่ออก พลันนั้น เธอเหลือบเห็นมนัสที่เพิ่งซื้อบัตรเติม ช.ม ออกมาจากเซเว่นพอดี ทั้งคู่สบตากันปิ๊งป๊าง มนัสสีหน้าอึ้งๆ ปนตกใจ  พูดอะไรไม่ออก  สายตามองมาที่กล่องสตอเบอรี่ที่ส้มปี๊ดถืออยู่

ส่วนสาวน้อยทำหน้ายี้เหมือนจะอ้วกซะให้ได้  แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ ก่อนจะจับมือเพื่อนวิ่งข้ามถนนหนีไปอีกฝั่ง



“ไปเหอะอังโกะ เราไปซื้อการ์ตูนกันดีกว่า”


“เอ่อ เฮ้ย  เดี๋ยวสิ  เธอไม่คิดจะทักทายนายคนนั้นซะหน่อยเหรอ ตอนจบแล้วยังไม่ได้คุยกันสักคำเลยนะ  เฮ้ย  จะวิ่งทำไมเนี่ยยย”












ทิ้งให้มนัสมองตามหลังทั้ง 2 คนไป  แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขามีรอยยิ้มให้กับผู้หญิงคนนี้



“จุดที่เราจะเข้าใจเค้ามากขึ้นเหรอ.... เธอทำให้ฉันคิดถึงที่บ้านขึ้นมาเลยว่ะ  สงสัยต้องหาเวลากลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่บ้างละมั้งเนี่ย”




“ขอบคุณมากนะ”





จบ..............................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น