วันศุกร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ROซอกหลืบ เรื่องสั้น หวานมันฉันคือเธอ ตอนที่ 2




ความเดิมตอนที่แล้ว

จักรพรรดิ “มนัส กัดเคลือบพิษ” และสาวน้อยน่ารักก๋ากะ “ส้มปี๊ด สายน้ำผึ้ง” ได้สลับร่างกันด้วยมุกที่แสนจะคลาสสิค หรือที่บางคนก็เรียกว่าสิ้นคิดนั่นเอง 

เมื่อทั้งคู่รู้สึกตัวถึงกับลนลานกันใหญ่ ตอนนี้มนัสในร่างส้มปี๊ดถูกกักตัวอยู่ในห้องเก็บอุปกรณ์พละ ด้วยฝีมือของนางสาวอังโกะ เธอบอกว่าจะทำพิธีส่งวิญญาณคืนร่างกัน แล้วเธอก็รีบออกไปหาและพาส้มปี๊ด(ที่อยู่ในร่างมนัส) ออกมาจากร้านลุงทันที ทั้งคู่จะได้เจอกันไหม

และในขณะเดียวกัน กลุ่มแก๊งเกรียนกรุ๊ปก็กำลังออกตามหาหัวหน้าของพวกเขา







หวานมัน ฉันคือเธอ ตอนที่ 2



“เฮ้ย!! หายไปไหนเนี่ย”



อังโกะตกใจสุดขีด หลังจากที่เธอไขกุญแจห้องเก็บอุปกรณ์ เปิดไฟ.... หันซ้าย แลขวา วิดพื้น จะวิดทำไม.... ไม่พบปฏิกิริยาสิ่งมีชีวิต มนัสในร่างส้มปี๊ดหายไปแล้ว

“เฮ้ย อังโกะ!! ไหนตัวเองบอกว่าขังมันอยู่ที่นี่ไง” ส้มปี๊ดในร่างมนัสเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

อังโกะปิ๊งป่องแบบอิคคิวซัง “เค้าเข้าใจแล้ว!! ที่แท้มันมีสกิลหายตัว….”

ผลั้ววววว!!!!!!

ส้มปี๊ดโดดใส่เกลียวตบหัวทีนึง “ไม่ขำเลยนะ”

เลือดปากกระฉูดเลอะเบาะยิม อังโกะเปลี่ยนมาทำท่าครุ่นคิดแบบโคนัน สายตาเคร่งเครียด เป็นไปได้ยังไง หน้าต่างก็ไม่มี ช่องแอร์ก็ไม่มี ช่องนนทรีก็ไม่มี ไอ้อันหลังนี่คิดมาได้ไงวะเนี่ย ถ้าหนี ช่องระบายอากาศก็ดูจะเล็กเกินไป 

จะบอกว่ามันใช้ไฟฉายย่อส่วนแล้วหนีไป หันไปมองยัยส้มที่ทำหน้าเหมือนไม่รู้จักอะมิโนโอเค ก็กลัวจะโดนใส่เกลียวเตะ และระหว่างที่กำลังคิดอยู่ หน้าคิ้วขมวดกันเป็นปมนั้น.....



“อ้อ!! พวกเธอนี่เอง... ” คุณครูท่านหนึ่งก็เดินผ่านมาพอดี

“พวกเธอน่ะ จะแกล้งเพื่อนอะไรก็ให้มันน้อยๆ หน่อยนะ”

“อุ๊ย อ. ธัญญ่า” ทั้งคู่อุทานชื่อ อ. พร้อมกัน

“พวกเธอน่ะไม่เล่นแรงไปหน่อยเหรอ นี่ถ้าครูกับ อ.ทิวลิป ไม่ผ่านมาได้ยินเสียงข้างใน สายน้ำผึ้งป่านนี้จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ พวกเธอนี่เล่นอะไรโรคจิตเหมือนหน้าตาเลยนะ”

“หา อ. ทิวลิป!!” ทั้งคู่หันมองหน้ากันเอง ก่อนจะอุทานพร้อมกันอีกที

“ยัยส้ม อ.ทิวลิป นี่เพื่อนแม่เธอใช่มั้ย” 

อังโกะถามเบาๆ ส้มปี๊ดพยักหน้า


“เอ้า นี่ก็เย็นแล้ว พวกเธอน่ะรีบกลับบ้านไปเลย พรุ่งนี้จะได้รีบมาเรียน แล้วทีหลังอย่าเล่นไรบ้าๆ อีกนะ” คุณครูเดินไปไล่ทั้งคู่ออกมาจากห้อง ก่อนจะล็อคกุญแจด้วยตัวเอง

“เอ่อ... จาร์ยคะ แล้วสายน้ำผึ้งล่ะคะ” อังโกะถาม

“อ๋อ สำหรับสายน้ำผึ้งน่ะ อ.ทิวลิป แกให้ติดรถไปส่งบ้านแล้วล่ะ มันทางผ่านแกพอดี”



“ห๊าาา...!!!!” ทั้งคู่อุทานพร้อมกันอีกครั้ง ครั้งที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย





บรื่ออ.... เอียด

“เอ้า ถึงแล้วจ๊ะ” 

 รถสีชาเย็นแวะจอดหน้าบ้าน 2 ชั้นหลังหนึ่ง มนัสที่มองวิวข้างทางตลอดจนมาถึงที่นี่ เขารู้สึกว่าบ้านหลังนี้ดูเล็กจัง

“นี่!! สายน้ำผึ้ง จะต้องให้ครูลงไปเปิดประตูอัญเชิญลงจากรถให้ด้วยมั้ย” 

 มนัสสะดุ้ง เขารีบเปิดประตูลงไปทันที และนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่แม่ส้มปี๊ดเดินตลาดนัดกลับมาพดี

“โห... นังส้ม วันนี้มีราชรถมาส่งเชียวเรอะ” 

 มนัสรู้ได้จากคำพูด ผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของยัยส้มเน่านี่เอง แต่พูดตอบโต้อะไรไม่ออก เพราะเด็กหนุ่มในต่างเรือนร่างไม่รู้จะพูดอะไรดี

“ก็โดนโดนเพื่อนแกล้งน่ะสิจ๊ะ นี่โดนขังอยู่ในห้องอุปกรณ์พละ กว่าจะออกมาได้ก็ต้องให้อาจารย์มาเจอ” อ.ทิวลิปก็เลยจัดการพูดแทน

“ต๊าย... ยัยทิวลิป!! นี่ชั้นกำลังคิดอยู่เลยว่าใครมาส่ง ที่แท้ก็เธอนี่เอง รถสวยจังนะ แลกกะจักรยานของชั้นมั้ย” 

แม่ส้มปี๊ดยิ้มร่า ที่แท้ก็เพื่อนเก่านี่เอง “นี่!! แล้วไปไงมาไงล่ะเนี่ยเธอ สบายดีมั้ย”

ตอนนี้มนัสมึนมากๆ เขาจะต้องวางตัวอย่างไรดีล่ะเนี่ย อึดอัดเหลือเกิน ในขณะที่กำลังไม่รู้จะทำอะไรต่อ มือถือของส้มปี๊ดก็กรี๊งขึ้นมาพอดี

เด็กหนุ่มหยิบมันออกมา หน้าจอบอกว่า “อังโกะโทรเข้า”

“ยัยตัวแสบ.....”

ทางเลือกหนึ่งเดียวของเขาคือต้องกดรับสายเท่านั้น

“ฮัลโหลล!!!”

จากนั้นการสนทนาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ก็เริ่มต้นขึ้น





ผ่านไป 10 นาที......



มนัส : เฮ้ย!! ไม่!! ไม่ตกลงเฟ้ย!! จะบ้ารึไง!!

อังโกะ : นายสิบ้า!! เรื่องนี้เรารู้กันแค่ 2 เอ้ย! 3 คนนะ แค่นี้ช่วยเหลือกันไม่ได้รึไง นายเป็นผู้ชายหรือเปล่าเนี่ย หัดมีน้ำใจหน่อยสิ!!

มนัส : เฮ้ย!! ไอ้น้ำใจน่ะมี แล้วนี่มันไม่มีทางอื่นแล้วรึไงหา ถ้าเกิดเขาจับได้ขึ้นมาล่ะ!!

อังโกะ : อ้าว นั่นมันก็อยู่ที่นายแล้ว สมน้ำหน้า อยากโวยวายให้ครูได้ยินทำไม ไม่งั้นป่านนี้ชั้นก็จับหัวเขกกันคืนร่างไปแล้ว!!

มนัส : ว้อยย!! ก็ชั้นกลัวขาดอากาศหายใจนี่โว๊ยย นี่...!! ยังไงชั้นก็ไม่ตกลงนะ ชั้นรู้ว่ายัยส้มเน่าอยู่ตรงนั้นใช่มั้ย ขอชั้นคุยด้วยหน่อย นี่!! ได้ยินมั้ย!!

อังโกะ : โอเค ถือว่ารับทราบ... แค่นี้นะ (ตริ๊ดดด...)



“เฮ้ยย!! ยัยบ้าเอ้ย!!!” 

 มนัสโกรธแทบจะเขวี้ยงโทรศัพท์ลงพื้น แต่ทำไม่ได้ ไม่ใช่โทรศัพท์เรา เกิดได้คืนร่างจริงๆ ยัยส้มเน่าจับเราหักคอจิ้มน้ำพริกแน่

“โธ่เว้ย!! โธ่เว้ย!! ป่านนี้ลูกน้องเราจะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ จะเก็บเลเวลกันได้หรือเปล่า ทำไมมันซวยขนาดนี้วะเนี่ยย”

จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ มนัสเป็นห่วงเพื่อนพ้องถึงกับน้ำตาคลอเลยทีเดียว



“อังโกะ!! ไมเธอพูดงั้นอ่ะ ช... ชั้นไม่กลับไปที่นั่นเด็ดขาดเลยนะ คืนนี้ให้เค้านอนบ้านตัวเองนะ” 

 ส้มปี๊ดแทบจะตายให้ได้เลยทีเดียว เมื่อรู้ว่าคืนนี้เธอต้องแสดงละครเป็นไอ้เชื้อโรคนั่น

“ไม่ได้หรอก ตัวเองก็รู้ ว่าแม่เราห้ามพาผู้ชายเข้าบ้าน ยิ่งหน้าแบบนี้..... แม่ยิ่งไม่ให้ใหญ่เลย เผลอๆ จะยามจะไม่ให้เข้าหมู่บ้านด้วยซ้ำเลยนะ”

อังโกะเสียงอ่อย ตัวเธอเองตอนนี้ก็ดูหมดหนทางเหลือเกิน

“ยังไงพวกเราก็ช่วยเล่นละครให้ผ่านคืนนี้ไปก่อนละกันนะ” อังโกะดูนาฬิกา “นี่ก้อจะมืดแล้ว เค้าต้องกลับบ้านแล้วล่ะ”

“ไม่!! ม่ายยย!! โอ้วก๊อดด แล้วพรุ่งนี้ล่ะอังโกะ”

“เลิกเรียนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนะ ไม่ต้องกลัว อย่ากังวล ยังไงเค้าก็ต้องช่วยให้ตะเองคืนร่างให้ได้เลยล่ะ” อังโกะพูดด้วยเสียงมุ่งมั่น

“ฮือ..... ไม่อ่ะ ไม่เอานะ แง๊!! แง๊!!”

“เฮ้ย อย่าร้องไห้สิยัยส้ม....” 

 อังโกะเห็นเพื่อนจะร้องไห้ ตัวเองก็พลอยจะสะอื้นตามไปด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็นั่งปลอบกันตัวกลม ถ้าฝนตกด้วยจะได้อารมณ์มาก ถ่ายมิวสิควีดีโอมันซะเลยดีมั้ย





“แหม.... เม้าท์เพลินไปหน่อย รู้สึกตัวอีกทีจะ 2 ทุ่มละ กับข้าวยังไม่ได้เตรียมเลย ชั้นนี่แย่จัง”

แม่ส้มปี๊ดหัวเราะแก้เขิน ส่วนมนัสที่เดินหน้าหงุดๆ ตามหลังไม่ได้สนใจจะฟังเลย ตามัวแต่มองดูรอบๆ ดูการตกแต่งในบ้าน ผ่านห้องรับแขก ฟอร์นิเจอร์สีครีมสะอาดสะอ้าน ดอกไม้กินคนปลอมตั้งอยู่ที่โต๊ะข้าง คิดในใจ นี่ในบ้านของยัยส้มปี๊ดเหรอเนี่ย ตกแต่งได้เรียบร้อยจัง

นังส้ม.... นังส้ม.....

“นี่!! นังส้ม!!” แม่หันมาเสียงดัง มนัสสะดุ้งตกใจ “ครั.. เอ้ย ไม่ใช่ ค่ะ”

“เมื่อกี้แม่ถามว่ากินข้าวมั้ย หูตึงเหรอแก!!”



“อ๋อ!! ไม่ล่ะฮะ เมื่อกี้ ก... กินเรดมาอิ่มแล้ว” 

พูดจบมนัสก็รีบวิ่งหนีขึ้นไปชั้น 2 สวนกับพ่อที่แต่งตัวลงมาพอดี

“อ้าว ลูกส้ม” แต่มนัสไม่ได้ยินที่พ่อทักเลย



“เอ่อ แม่ ยัยส้มเป็นอะไรน่ะ ท่าทางแปลกๆ นะ”

“ไม่รู้สิ แปลกๆ เหรอ ถ้าแปลกๆ สงสัยติดเชื้อพ่อมาล่ะมั้ง” แม่ตอบกวนๆ

“ว่าแต่พ่อ ไอ้เรดนี่มันคืออะไรเหรอ?”



ตึ่กๆๆๆๆ.....

ปึ๊งง!! มนัสเปิดและปิดประตูห้องสีชมพูอย่างรีบร้อน นึกในใจ ทำไมชั้นต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยเนี่ย ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของเรา ที่ๆ เราต้องอยู่คืออาณาจักรที่มีแต่เสียงตีมอนสเตอร์ เสียงคริทิเคิล เสียงเลเวลอัพ และเสียงเด็กโวยวายไม่ใช่เหรอ ทำไม ทำไม โอย... อึดอัดว้อย แรค อยากเล่นแรค เหงื่อเริ่มออก มนัสกวาดสายตาไปทั่วห้อง โฟกัสเหลือบไปเห็น... 

เครื่องคอมพ์ โอ้ สวรรค์โปรด ในห้องมีอยู่เครื่องนึงแฮะ เล่นแรคด่วนเลย จะลงแดงอยู่แล้ว

เล่นแรค.....

แรค.....

“เฮ้ย เดี๋ยว บัตรเติม ช.ม ยังไม่ได้ซื้อ” 

มนัสที่กำลังเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเพิ่งนึกได้ มันทำให้เขาเริ่มปลง... วันนี้คงไม่ได้เล่นแล้วล่ะ หันมองรอบๆ ห้อง ผนังประดับด้วยโปสเตอร์แร็คน่าร็อค ลินเนจ ปังย่า ตุ๊กตาสมเสร็จท้องแก่ ชุดคอสเพลย์ มันทำให้เขาเริ่มใจเย็นลง

“เฮ้อ นอนเลยดีกว่ามั้งเรา ไม่รู้จะทำอะไรแล้ว” 

ว่าแล้วหนุ่มในร่างสาวน้อยก็ทิ้งตัวลงนอน เขาถอนหายใจเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง

ในใจคิด เขาอยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นแค่ความฝันจริงๆ


แต่รู้สึกว่า ความฝันวันนี้มันไม่นานไปหน่อยเหรอ.......


(ติดตามตอนต่อไป)







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น